SuperBikeMag.Com ข่าวรถยนต์ รีวิวรถใหม่ รถยนต์ไฟฟ้า ข่าวรถจักรยานยนต์

ราคาและสเปคมอเตอร์ไซค์

  • All Posts
  • ราคาและสเปครถมอเตอร์ไซค์
  • All Posts
  • ราคาและสเปครถมอเตอร์ไซค์
2025 BMW R12 S หวนคืนอดีต พร้อมสไตล์โมเดิร์น เรโทร

2025 BMW R12 S หวนคืนอดีต พร้อมสไตล์โมเดิร์น เรโทร 2025 BMW R12 S โมลเดลล่าสุดที่ทาง BMW Motorrad ขยายไลน์ Heritage ซึ่งผลิตมาเพื่อเป็นการยกย่อง R90 S รุ่นตำนาน ในปี 1973 ที่โดดเด่นด้วยสมรรถนะ พละกำลัง 67 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม. และกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความสปอร์ตของ BMW Motorrad อย่างแท้จริง ประวัติความสำเร็จของ BMW R90 S ก่อนจะมาเป็น R12 S ก็มีในรุ่นโมเดลของ R90 S ที่ได้สร้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์อันโดดเด่นจากความสำเร็จในสนามแข่งอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น ในปี 1976 Hans-Otto Butenuth และ Helmut Dahne สามารถคว้าชัยชนะในการแข่งขันรายการ Production TT  และในปีเดียวกัน Steve McLaughlin ยังคว้าชัยชนะในรายการ 200 Miles of Daytona อันทรงเกียรติ และเพื่อนร่วมทีมของเขา Reg Pridmore ได้กลายเป็นแชมป์ AMA Superbike คนแรกในประวัติศาสตร์ ด้วยเหตุนี้ R 90 S ยังคงเป็นหนึ่งในรถจักรยานยนต์ BMW ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการอย่างมาก ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เครื่องยนต์เดียวกับ R Nine T พื้นฐานเครื่องยนต์ R12 S นั้นใช้เครื่องยนต์แบบเดียวกับรุ่น R NineT เครื่องยนต์ Boxer ขนาดเครื่องยนต์ 1,170 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุดที่ 109 แรงม้า ที่ 7,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 115 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที ระบบเกียร์แบบ 6 สปีด ช่วงล่างเพียงพอต่อการใช้งาน ในของส่วนระบบช่วงล่างจะใช้พื้นฐานเดียวกันกับ R 12 ติดตั้งโช้ค USD ขนาด 45 มิลลิเมตร ที่ด้านหน้า สามารถปรับระดับได้ ระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบ Paralever และปรับพรีโหลดได้  ระบบเบรก ด้านหน้าให้ดิสก์เบรกคู่ขนาด 310 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์โมโนบล็อกแบบเรเดียลเมาท์ 4 ลูกสูบ ด้านหลัง ให้ดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 265 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์ 2 ลูกสูบ เป็นมาตรฐานเเบบเดียวกัน การออกแบบดีไซน์ เนื่องจากเป็นโมเดลที่เน้นไปที่การหวนคืนอดีตซึ่งเน้นองค์ประกอบการออกแบบที่โดดเด่นของ R12 S ได้แก่ แฟริ่งติดแฮนด์บาร์พร้อมกระจกบังลมสีเข้ม เบาะนั่งที่เย็บตัดขอบอย่างประณีต  และสีตัวถัง Lavaorange Metallic ซึ่งเป็นการรำลึกถึงสี Daytona Orange อันเลื่องชื่อของ R 90 S ในปี 1975 การออกแบบนี้ยังเพิ่มความพิเศษด้วยรายละเอียด เช่น ตัวอักษร ‘S’ สีแดงบนแผงด้านข้าง เส้นคู่สีแดง และพื้นผิวอะลูมิเนียมขัดเงาเคลือบใสที่ถังน้ำมันและส่วนท้ายเบาะ เพิ่มความสวยงามและความเป็นเอกลักษณ์ได้อย่างลงตัว R12 S โดดเด่นในฐานะรถสปอร์ตเรโทรด้วยคุณสมบัติมาตรฐานที่ครบครัน เช่น ล้อ Option 719 Classic II แบบซี่ลวด พร้อมขอบล้ออะลูมิเนียมอโนไดซ์สีธรรมชาติเงางาม ไฟหน้า Headlight Pro เทคโนโลยีล้ำสมัย ถึงแม้ตัวรถคันนี้จะถูกออกแบบดีไซน์ให้มีสไตล์โมเดิร์น-เรโทร และหน้าจอเรือนไมล์ก็คงความเป็นอนาล็อคเอาไว้ แต่เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับรถคันนี้จัดมาให้แบบไม่ธรรมดาไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Control), ระบบช่วยเปลี่ยนเกียร์ (Shift Assistant Pro), มือจับอุ่น (Heated Grips) และระบบควบคุมความเร็ว (Cruise Control)  นอกจากนี้

CRF50F 2025

CRF50F 2025 ออฟโรดอนุบาล CRF50F 2025 เปิดประตูสู่ความสนุกและความตื่นเต้นที่ไม่มีที่สิ้นสุดสำหรับนักขับขี่รุ่นเยาว์ ใช้งานง่าย สตาร์ทง่าย และสนุกสนานตลอดเวลา CRF50F ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะมินิไบค์ ดีไซน์วัยมันส์ CRF50F มาพร้อมกับสีสันใหม่อันโดดเด่นในสไตล์ตระกูล CRF และกราฟิกใหม่สุดเท่ เพื่อเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์อันยาวนานของ Honda ในการแข่งขันออฟโรด มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยอากาศที่เชื่อถือได้ และระบบจุดระเบิดแบบ Capacitor Discharge Ignition (CDI) ที่ไม่ต้องการการบำรุงรักษา แฮนด์บาร์สไตล์โมโตครอสมาพร้อมกับตัวป้องกันแฮนด์บาร์แบบมีเบาะรองจับ, กริปโฟมนุ่ม และก้านเบรกขนาดเล็กที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เด็ก ๆ ควบคุมรถได้ง่ายขึ้นนอกจากนี้ ที่พักเท้าแบบพับได้พร้อมพื้นผิวหยักยังช่วยให้การวางเท้ามั่นคง แม้ในสภาพพื้นโคลน เครื่องยนต์เล็กกะทัดรัด เครื่องยนต์ 49cc SOHC 4 จังหวะแรงม้าสูงสุดที่ 3.1 แรงม้า ระบบเกียร์ 3 สปีด พร้อมคลัตช์อัตโนมัติ และ สามารถควบคุมตัวปรับลิมิตเตอร์คันเร่ง ซึ่งเพียงพอสำหรับการขับขี่ของเด็ก ๆ มอบพละกำลังที่นุ่มนวล นอกจากนี้ยังมีสวิตช์สตาร์ทที่ใช้กุญแจเพื่อป้องกันการใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกด้วย ช่วงล่างแบบน่ารักๆ โช้คแบบเทเลสโคปิกกลับด้าน และโช้คหลังเดี่ยว แข็งแรงแน่นอนและลุคที่ดูทรงพลัง ด้วยน้ำหนักรวมเพียง 50 กิโลกรัม ทำให้เด็ก ๆ สามารถควบคุมได้อย่างง่ายดาย และ ล้อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 นิ้ว แบบ 28 ซี่ พร้อมดุมล้ออะลูมิเนียมหล่อให้การขับขี่ที่นุ่มนวล และเบาะนั่งที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งขันมีความกว้างเพียง 110 มม. และความสูงจากพื้นเพียง 548 มม. ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักขับขี่รุ่นเยาว์ ไม่ว่าจะยืนหรือนั่งขับขี่   มีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีขาว   สีแดง ตอนนี้ไทยเรายังไม่ได้มีขายอย่างเป็นทางการ แต่ราคาเปิดมาที่ $1,700 หรือ ประมาณ 62,000 บาทไทย ถ้าเข้าไทยเมื่อไหร่เราจะมาอัพเดทให้ฟังอย่างแน่นอน อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Honda คลิก รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

2025 Aprilia RS 125 แสนห้าพี่ว่าไง

2025 Aprilia RS 125 แสนห้าพี่ว่าไง 2025 Aprilia RS 125 เปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายแล้วในประเทศโซนยุโรป โดยตัวรถในโมเดลนี้ได้รับ DNA มาจากรุ่นพี่ร่วมค่ายอย่าง RS660 จะแตกต่างแค่ในส่วนของรายละเอียดบางจุดเท่านั้น และเทคโนโลยีที่จัดมาให้บอกเลยว่าคุ้มค่าตัวในทุกบาทที่จ่ายไปอย่างแน่นอน  ถอดแบบมาจากรุ่นพี่ การออกแบบดีไซน์ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากรุ่นล่าสุดอย่าง RS660 และ Tuono660 ที่มาพร้อมรูปลักษณ์ทันสมัย ดุดัน และเป็นเอกลักษณ์อย่างแท้จริง โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบสามดวงและโครงอลูมิเนียมที่สะท้อนถึงโลกแห่งการแข่งขันอย่างชัดเจน การออกแบบของมันสะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งความสปอร์ต ทั้งในด้านรูปลักษณ์ และองค์ประกอบทางเทคโนโลยีต่าง ๆ ทั้งหมดนี้พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ พร้อมให้ร่างการหลั่งอะดรีนาลีนได้เสมอ เร้าใจด้วยเครื่องยนต์เทคโนโลยีตัวท็อป มาพร้อมเครื่องยนต์สูบเดียว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดเครื่องยนต์ 124.2 ซีซี 4 วาล์ว พละกำลังสูงสุดที่ 14.7 แรงม้าที่ 10,000 รอบ/นาที แรงบิดที่ 11.2 นิวตันเมตรที่ 8,000 รอบ/นาที มาพร้อมเกียร์ 6 สปีดและยังมาพร้อมกับโครงอลูมิเนียมที่มีนำหนักเบา และแข็งแรงขึ้น อีกทั้งยังมีไอเสียมีการปรับปรุงเพื่อให้ผ่านมาตรฐาน Euro 5+ ช่วงล่างแน่น โช้คอัพหน้าจัดให้มาแบบ Upside down ขนาดแกนอยู่ที่ 300 มม. และ โช้คหลังเดี่ยวขนาด 220 มม. ระบบเบรกด้านหน้าพร้อมคาลิเปอร์แบบเรเดียล 4 ลูกสูบ ขนาด 300 มม.และ คาลิเปอร์หลังแบบลูกสูบเดี่ยว ขนาด 220 มม.มาพร้อมล้อขนาด 100/80-17 และ 140/70-17 ไซส์แบบนี้บอกเลยเข้าโค้งได้สบาย ๆ   แม้รุ่นเล็ก แต่เทคโนโลยีแน่น ระบบไฟ LED และ หน้าจอแบบดิจิทัล แสดงผลข้อมูลตัวรถครบครันไม่ว่าจะเป็น น้ำมันเชื้อเพลิง อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ระยะทาง และอื่น ๆ (แต่ว่าไม่มีบอกเกียร์หรอ) และยังสามารถเชื่อมต่อกับ Aprilia MIA แอปพลิเคชันที่ลิงก์สมาร์ทโฟน เพื่อเช็คค่าต่าง ๆ ผ่านสมาร์ทโฟน อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบเบรก ABS แบบ Dual-Channel ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง พร้อม Traction Control และในรุ่น Aprilia RS 125 GP REPLICA ยังรองรับการติดตั้ง Quick Shift อีกด้วย สีสันที่วางจำหน่าย มีทั้งหมด 5 สีได้แก่ Space White Aprilia Black GP Replica Kingsnake White Cyanka Yellow และถ้าเข้ามาวางจำหน่ายที่ประเทศไทยบ้านเรา คาดการณ์ราคาอาจจะอยู่ราว ๆ 150,000 บาท สาวกเทพสามตายังไงก็อดใจรอนิดนึงนะ หากมีข้อมูลอัพเดทเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่นนี้ ทาง SuperBike Thailand จะมาอัพเดทให้อย่างแน่นอน อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

2025 Ducati Panigale V4 Tricolore ลิมิเต็ด 1,000 คัน

2025 Ducati Panigale V4 Tricolore ลิมิเต็ด 1,000 คัน 2025 Ducati Panigale V4 Tricolore ซูเปอร์ไบค์รุ่นเรือธงจากค่าย ดูคาติ ที่ได้จัดทำตัวพิเศษของรุ่น Panigale ซึ่งเพิ่มความเป็นลิมิเต็ดด้วยการผลิตขึ้นมาแค่เพียง 1,000 คันเท่านั้น โดยได้รับแรงบันดาลใจจากดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ 750 F1 พร้อมตกแต่งลวดลายเฉดสี Tricolore ที่เป็นสีประจำธงชาติของอิตาลี ที่เป็นประเทศบ้านเกิดของเรือธงลำนี้ รายละเอียดที่น่าสนใจต่าง ๆ สัญลักษณ์หมายเลข 1 ที่ด้านหน้าของตัวรถ ถังน้ำมันสีสันลวดลายใหม่ เพลทรันนัมเบอร์ ล้อคาร์บอนน้ำหนักเบา   ในเรื่องของเครื่องยนต์ก็เรียกได้ว่ายกเทคโนโลยีจาก Panigale V4 และ V4S แทบจะทุกประการ เครื่องยนต์ขนาด 1,103 ซีซี วาล์วเดสโมโดรมิกเอกลักษณ์ของค่าย ที่ผ่านมาตรฐาน Euro5+ ระบายความร้อนด้วยน้ำ พละกำลังอยู่ที่ 216 แรงม้าที่ 13,500 รอบต่อนาที แรงบิดอยู่ที่ 120.9 นิวตันเมตรที่ 11,250 รอบต่อนาที ระบบเบรกของรุ่นพิเศษ Tricolore นี้มาพร้อมกับระบบเบรก Brembo Front Brake Pro ที่ใช้คาลิเปอร์เบรกหน้า Brembo Hypure รุ่นล่าสุดพร้อมระบบ ABS มาพร้อมกับจานเบรก Brembo T-Drive ขนาด 338.5 มม. มาพร้อมครีบระบายความร้อน พร้อมทั้งรักษาอุณหภูมิการทำงานให้อยู่ในระดับต่ำ เพื่อให้ประสิทธิภาพการเบรกคงที่ ลดปัญหาการยืดยาวของก้านเบรก เส้นผ่านศูนย์กลางที่ใหญ่ขึ้นยังช่วยเพิ่มแรงบิดของการเบรก ทำให้การชะลอความเร็วทำได้มากขึ้นแม้ใช้แรงเท่าเดิม ส่งผลให้ระบบมีประสิทธิภาพสูงขึ้น   มาพร้อมล้อคาร์บอนไฟเบอร์ 5 ก้านรุ่นใหม่ของทางค่าย ที่มีน้ำหนักเบาลงเมื่อเทียบน้ำหนักของล้อเวอร์ชั่นธรรมดาอยู่ที่ประมาณ 1 กิโลกรัม และสามารถลดโมเมนต์ความเฉื่อยได้ถึง 12% ที่ล้อหน้า และ 19% ที่ล้อหลัง ทำให้รถมีความคล่องตัวขณะขับขี่สูงขึ้น เข้าโค้งได้ง่ายขึ้น ทำให้การตอบสนองในการควบคุมรถทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งในโมเดลพิเศษนี้จะวางขายในประเทศสหรัฐอเมริกา และในส่วนของราคาวางจำหน่าย มีราคาอยู่ที่ 58,000 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือตีเป็นมูลค่าเงินไทยยังไม่รวมภาษีอยู่ที่ประมาณ 1.9 ล้านบาท โดยตัวรถจะพร้อมส่งมอบในช่วงเดือนเมษายน 2025 อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

2025 Ducati Diavel สปอร์ตครุยเซอร์ เครื่องยนต์ทรงพลัง

2025 Ducati Diavel สปอร์ตครุยเซอร์ เครื่องยนต์ทรงพลัง 2025 Ducati Diavel รถสไตล์สปอร์ตครุยเซอร์จากค่ายสัญชาติอิตาลีอย่าง ‘Ducati’ ที่ยังคงความโดดเด่น ในเรื่องของการออกแบบดีไซน์สุดเร้าใจจากโมเดลในเจนก่อนหน้า ซึ่งในเจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดนี้มีการปรับเปลี่ยนเพียงลวดลายกราฟิกใหม่เพียงเท่านั้น เครื่องยนต์การันตีความเร้าใจ Diavel ในโมเดล 2025 นี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V4 Granturismo แบบสี่สูบเรียงระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาด 1,158 ซีซี พละกำลังอยู่ที่ 168 แรงม้าที่ 10,750 รอบต่อนาที และแรงบิดอยู่ที่ 126 นิวตันเมตรที่ 7,500 รอบต่อนาที มากับเกียร์ 6 สปีดพร้อมเทคโนโลยี Quick Shift แบบสองทางช่วยให้การเข้าเกียร์ง่ายมากยิ่งขึ้น ระบบการระบายไอเสียผ่านมาตรฐาน Euro5 พ่วงมาด้วยถังน้ำมันขนาด 20 ลิตร  ระบบกันสะเทือนล่างด้านหน้าให้โช้คอัพแบบ Upside Down ขนาดแกนอยู่ที่ 50 มิลลิเมตร สามารถปรับแต่งได้แบบเต็มระบบ มาพร้อมล้อหน้าขนาด 120/70-ZR17 รัดด้วยยาง Pirelli Diablo Rosso III ด้านหลังเป็นโช้คอัพเดี่ยว ทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม สามารถปรับตั้งค่าได้เต็มระบบแบบเดียวกับโช้คอัพด้านหน้ามาพร้อมล้อหลังขนาด 240/45-ZR17 รัดมาพร้อมยาง Pirelli Diablo Rosso III ในส่วนของระบบเบรกที่มาพร้อมสปอร์ตครุยเซอร์คันนี้ ให้มาแบบทำถึงโดยดิสก์เบรกด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกคู่ มาพร้อมคาลิเปอร์เบรก Brembo Stylema แบบสี่ลูกสูบ จับคู่กับจานเบรกขนาด 330 มม. และดิสก์เบรกด้านหลังเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวที่ยังคงเป็นคาลิเปอร์จาก Brembo แบบสองลูกสูบ จับคู่กับจานเบรกขนาด 265 มม. พร้อมระบบ ABS แบบสองทาง ระบบเทคโนโลยีจัดเต็ม สิ่งที่เป็นมาตรฐานของค่าย Ducati ก็ยังคงเน้นไปที่เรื่องของเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่มอบให้มากับตัวรถไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่ หรือเทคโนโลยีความปลอดภัยก็มีมาให้แบบไม่กั๊กเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี Ducati Multimedia System หน้าจอสีแบบ TFT ขนาด 5 นิ้วพร้อมรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน และการนำทางแบบ Turn-by-Turn และเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่ รวมไปถึงระบบความปลอดภัยที่รถคันนี้มอบให้ได้แก่ โหมดการขับขี่ 4 โหมด ได้แก่ Sport, Touring, Urban และ Wet ระบบ ABS แบบสองทาง Traction Control, Wheelie Control (ระบบป้องกันล้อหน้ายก), Quick Shifter, ระบบ Ducati Power Launch (ระบบที่ช่วยในการออกตัวจากสภาวะจอดนิ่ง) และ Daytime Running Light จุดเด่นที่น่าสนใจของรถคันนี้ ระบบการระบายไอเสียแบบสี่ทาง ไฟท้ายดีไซน์สุดโดดเด่น เบาะพร้อมตัวอักษร DIAVEL V4 เพลท V4 Granturismo ด้านข้างเครื่อง ปั้มเบรก Brembo Stylema โช้คอัพด้านหลังจาก SACHS   สีสันที่วางจำหน่าย Ducati Red (สีแดง) Black Roadster Livery (สีดำตัดด้วยกราฟิกสีเหลือง สีใหม่ของปี 2025)   โดยราคาวางจำหน่ายของ Diavel 2025 มีราคาอยู่ที่ สีแดง Ducati Red วางจำหน่ายที่ราคา 23,995 ปอนด์ (ตีเป็นเงินไทยประมาณ 1,027,000 บาท) และสีใหม่อย่าง Black Roadster Livery มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 24,495 ปอนด์ (ตีเป็นเงินไทยประมาณ 1,048,600) หากโดนใจอย่ารีรอ มีก่อน ขับก่อน หล่อก่อนแน่นอน อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Honda PCX 160 2025 เสริมดั้งใหม่ มาพร้อมจอ TFT

Honda PCX 160 2025 เปิดตัวพร้อมจำหน่ายแล้วอย่างเป็นทางการในประเทศอินโดนีเซีย ดีไซน์ปรับใหม่เกือบทั้งหมด มาพร้อมเทคโนโลยีจอสี TFT ของทางค่าย

2025 NEW HONDA CB125R

2025 NEW HONDA CB125R จ๊าบขึ้นด้วยจอใหม่ ฮอนด้ายุโรป ได้เปิดตัวน้องเล็กนีโอคาเฟ่ 2025 NEW HONDA CB125R สมาชิกที่เล็กที่สุดในตระกูล “Neo Sports Café” ที่เน้นความเรียบง่ายและดีไซน์เปลือย สอดรับกับการขับขี่ที่สบาย โดยเจ้า CB125R ได้รับการเปิดตัวควบคู่ไปกับ CB300R และรุ่นเรือธงอย่าง CB1000R Hornet ซึ่งถือเป็นการเพิ่มตัวเลือกระดับพรีเมียมในกลุ่มรถจักรยานยนต์ระดับเริ่มต้นของฮอนด้า และรุ่นปี 2025 เจ้าโมเดลรุ่นดังกล่าวได้ปรับปรุงให้ผ่าน EURO5+ ในสไตล์โมเดลยุคใหม่ พร้อมติดตั้งหน้าจอ TFT สีขนาด 5 นิ้วแบบใหม่ทั้งหมด ระบบควบคุมสวิตช์ใหม่ และสีใหม่ 4 สี ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าสนใจได้มากยิ่งขึ้น NEW Design ในโมเดลรุ่นนี้ มีการปรับแฟริ่งใหม่ ดูแน่นขึ้น แต่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นนีโอสปอร์ตคาเฟ่และสร้างความแตกต่างจากโมเดลอื่น ๆ ในตลาด NEW Engine เครื่องยนต์ขนาด 125 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ใช้ระบบวาล์ว DOHC 4 วาล์ว ระบบหัวฉีด PGM-FI ที่ผ่านมาตรฐาน EURO5+ ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 14.7 แรงม้า ที่ 10,000 รอบ/นาที และ แรงบิดที่ 15.5 นิวตันเมตรที่ 8,000 รอบ/นาที ซึ่งมีความสนุกและเร้าใจเมื่อเร่งรอบเครื่องยนต์  ระบบกันสะเทือนหน้า โช้คหัวกลับ Showa Separate Function Big Piston (SFF-BP) ขนาด 41 มม. ระบบเบรกมาพร้อมคาลิเปอร์เบรกเรเดียล Nissin 4 ลูกสูบ ขนาด 296 มม. และจานเบรกหลังขนาด 220 มม. พร้อมคาลิเปอร์เบรก 1 ลูกสูบ ทั้งสองระบบทำงานผ่าน ABS 2 ช่องสัญญาณ ซึ่งควบคุมโดย IMU (Inertial Measurement Unit) เพื่อการกระจายแรงเบรกระหว่างล้อหน้าและหลังอย่างแม่นยำตามพฤติกรรมของรถ และมีขนาดล้อและยาง อยู่ที่ 110/70R-17 และ 150/60R-17  เทคโนโลยีดึงมาจากรุ่นพี่ การออกแบบได้รับการปรับปรุงด้วย หน้าจอสี TFT ขนาด 5 นิ้ว ที่มองเห็นได้ชัดเจน และมาจาก CB1000R หน้าจอนี้สามารถปรับรูปดิสก์เพลย์ได้ถึง 3 แบบ ได้แก่ แบบเข็มนาฬิกา หรือแบบกราฟแท่ง ตามความชอบของผู้ขับขี่ รวมถึงแสดงข้อมูลการใช้น้ำมัน เกียร์ที่เลือก และตั้งค่าจุดเปลี่ยนเกียร์ในมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ได้ การควบคุมทั้งหมดทำผ่าน ปุ่มควบคุมทางประกับฝั่งซ้าย ที่ออกแบบให้ใช้งานง่ายเช่นเดียวกัน วางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 4 สี Matt Cynos Gray Metallic Pearl Cool White Reef Sea Blue Metallic Pearl Splendor Red แน่นอนว่าสเปคดังกล่าวออกแบบมาเพื่อสำหรับผู้ขับขี่ใบอนุญาต A2 ใช้งานและวางจำหน่ายในตลาดยุโรป ส่วนประเทศไทยบ้านยังไงก็เป็น 150 แน่นอน อาจจะมาแค่สีใหม่ (ฮ่าๆ) แต่จะเข้าเมื่อไหร่อดใจรอ และกดติดตาม SuperBike Thailand ไว้ได้เลย เราจะมาอัพเดทข้อมูลอย่างแน่นอน อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Honda คลิก รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

2025 New Honda CBR150R สปอร์ตไบค์เจ็นใหม่ หน้าเดิม

2025 New Honda CBR150R สปอร์ตไบค์เจ็นใหม่ หน้าเดิม ฮอนด้าอินโดนีเซียทำการเปิดตัว 2025 New Honda CBR150R สปอร์ตไบค์น้องเล็กในตระกูล CBR Series ที่ถอดแบบ DNA ออกมาให้คล้ายคลึงรุ่นพี่อย่าง CBR1000RR-R SP เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจและให้ฟีลลิ่งความเป็นสปอร์ตเต็มพิกัด New Honda CBR150R ใหม่โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมอเตอร์ไซค์สายสนามแข่ง ตัวรถมีเส้นสายที่สปอร์ต เฉียบคม พร้อมลวดลายกราฟิกและชุดสีที่มีการปรับเล็กน้อย เพิ่มสไตล์ความดิบถ้าหากเทียบกับรุ่นเจ็นก่อนที่ดูค่อนข้างหรูหราจากชุดสี แต่ส่วนอื่น ๆ คงไม่มีอะไรปรับเปลี่ยนไปมากนัก เพราะมันสวยในแบบของมันอยู่แล้วนั่นเอง ขี่สนุก สมรรถนะเร้าใจ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 149.16 ซีซี 4 จังหวะแบบ DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังความแรงด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 17.1 แรงม้า ที่ 9,000 รอบ/นาที และแรงบิด 14.4 นิวตันเมตร ที่ 7,000 รอบ/นาที  มาพร้อมระบบ Assist/Slipper Clutch ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างราบรื่น ลดอาการล้อล็อกขณะดาวน์เกียร์หรือเชนเกียร์ลง และแน่นอนว่า มาพร้อมกับระบบช่วงล่างด้วยโช้คอัพหน้าแบบ Upside-Down (USD) จากแบรนด์ Showa เพิ่มความมั่นคงในการขับขี่และเข้าโค้งได้มั่นใจยิ่งขึ้น ดิส์กเบรกหน้า-หลัง พร้อมระบบ ABS (รุ่น ABS) ติดตั้งมาให้ใช้งาน เพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และยังมีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 สี 2 รุ่น ได้แก่ VICTORY MATTE BLACK Standard / ABS HONDA TRICOLOR Standard / ABS HONDA RACING RED Standard โดยราคาจำหน่าย สำหรับรุ่น Standard อยู่ที่ 38 รูเปียห์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 81,400 บาทไทย และรุ่น ABS อยู่ที่ 42.5 รูเปียห์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 89,900 บาทไทย  ถ้าเข้าไทย ราคาก็น่าจะอยู่ประมาณพอๆ กับทางอินโดนีเซีย แน่นอน อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Honda คลิก รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

2025 Kawasaki Ninja ZX-10RR แรง เร้าใจ ตามสไตล์นินจา

2025 Kawasaki Ninja ZX-10RR แรง เร้าใจ ตามสไตล์นินจา 2025 Kawasaki Ninja ZX-10RR เปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศแถวทวีปยุโรป ในส่วนของดีไซน์มีการปรับปรุงตัวถังใหม่ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ให้ดีขึ้นกว่าเดิม มาพร้อมรายละเอียดอื่น ๆ ที่มีความน่าสนใจ อาทิ ไฟหน้า LED ขนาดเล็กและน้ำหนักเบา, หน้าจอสี TFT และการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนให้การขับขี่มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีการปรับปรุงเรื่องการระบายไอเสียใหม่เพื่อรองรับกับมาตรฐาน Euro5+ จุดเด่นไฮไลท์ วาล์วอากาศแปรผัน ล้อ Marchesini 7 ก้าน ฟังก์ชันควบคุมง่ายเพียงปลายนิ้วโป้ง ปั้มเบรกจาก Brembo M50 monobloc ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ยาง PIRELLI DIABLO SUPERCORSA V3   2025 Kawasaki Ninja ZX-10RR สเปค และรายละเอียด  เครื่องยนต์ เครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ปริมาตรกระบอกสูบ 998 ซีซี แรงม้า (เคลม) 200 แรงม้า ที่ 13,600 รอบต่อนาที แรงบิด (เคลม) 111 นิวตันเมตรที่ 11,500 รอบต่อนาที ระบบวาล์ว DOHC 16 วาล์ว ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก 76 x 55 มิลลิเมตร อัตราส่วนการอัด 13.0:1 ระบบเกียร์ เกียร์แบบ 6 สปีด ระบบจุดระเบิด Digital ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีด ระบบสตาร์ท สตาร์ทไฟฟ้า ระบบคลัตซ์ คลัตซ์แบบเปียกหลายแผ่นซ้อนกัน ระบบส่งกำลังสุดท้าย โซ่ ยางหน้า 120/70 ZR17 M/C ยางหลัง 190/55 ZR17 M/C ระบบกันสะเทือนหน้า โช้คอัพแบบ USD พร้อมซับแทงค์ สามารถปรับพรีโหลดได้ ระบบกันสะเทือนหลัง โช้คอัพเดี่ยวพร้อมซับแทงค์ สามารถปรับระดับการอัด และการยืดตัวของโช้ค พร้อมการปรับพรีโหลด ระบบเบรกหน้า ดิสก์เบรกคู่ พร้อมปั้มเบรก Brembo M50 monobloc แบบเรเดียลเมาท์ 4 ลูกสูบขนาด 330 มม. ระบบเบรกหลัง ดิสก์เบรกเดี่ยว พร้อมปั้มเบรก Brembo แบบลูกสูบเดียว ขนาด 220 มม. กว้าง x ยาว x สูง 750 x 2,085 x 1,185 มม. ระยะฐานล้อ 1,450 มม. ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ 135 มม. ความสูงเบาะ 835 มม. ความจุถังน้ำมัน 17 ลิตร น้ำหนักตัวรถ 207 กิโลกรัม ประเภทของน้ำมันที่เติมได้ N/A เทคโนโลยี ระบบเบรก ABS Cruise Control  Power Mode Engine Brake Control Quick Shifter การเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน  IMU 6 แกน  S-KTRC หรือ ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนแบบคาดการณ์ล่วงหน้า KCMF หรือ ระบบควบคุมรถในโค้ง KLCM หรือ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการเร่งความเร็วให้มีความเหมาะสมสูงสุด KIBS หรือ ระบบเบรกป้องกันล้อล็อกอัจฉริยะ โหมดการขับขี่   ไม่ได้มีแค่ Standard เพราะ Performance ก็มาด้วย ในโมเดลล่าสุดของ Ninja ZX-10RR ไม่ได้มาแค่รุ่น

2025 Yamaha WR155R ทางดำวิ่งได้ ทางฝุ่นวิ่งดี

2025 Yamaha WR155R ทางดำวิ่งได้ ทางฝุ่นวิ่งดี 2025 Yamaha WR155R เปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายแล้วอย่างเป็นทางการในประเทศอินโดนีเซีย รถสไตล์ดูอัลเพอร์โพส หรือเรียกง่าย ๆ ว่ารถสองประสงค์ สไตล์วิบากไซส์เล็กจากถค่ายส้อมเสียงที่เกิดมาเพื่อเป็นสายลุยทางฝุ่นโดยเฉพาะ ดีไซน์ผอมบาง น้ำหนักเบา สายขึ้นเขาลงห้วยคันนี้เป็นอีกหนึ่งโมเดลที่มีความน่าสนใจไม่น้อย เครื่องยนต์ขนาดเดิม ในโมเดลใหม่ที่เปิดตัวนี้ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของรุ่นก่อน โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์สูบเดียวขนาด 155 ซีซี พร้อมระบบ VVA ระบายความร้อนด้วยน้ำ พละกำลังอยู่ที่ 16.4 แรงม้าที่ 10,000 รอบต่อนาที แรงบิดอยู่ที่ 14.3 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที มาพร้อมเกียร์แบบแมนนวล 6 สปีด จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด พ่วงมาด้วยถังน้ำมันขนาด 8.1 ลิตร ระบบช่วงล่าง (ปรับอีกหน่อย) พร้อมลุย โช้คอัพด้านหน้าแบบเทเลสโคปิก โช้คอัพเดี่ยวด้านหลังปรับพรีโหลดได้   ระบบกันสะเทือนล่างด้านหน้าของสายลุยทางฝุ่นคันนี้มาพร้อมกับโช้คอัพแบบเทเลสโคปิกขนาดแกน 41 มิลลิเมตร ด้านหลังเป็นโช้คอัพเดี่ยวแบบ Monoshock ตัวรถมีระยะฐานล้ออยู่ที่ 1,430 มิลลิเมตร ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถอยู่ที่ 245 มิลลิเมตร และความสูงเบาะอยู่ที่ 880 มิลลิเมตร ซึ่งรายละเอียดที่ดูผิวเผินแล้วก็สามารถออกจากศูนย์บริการแล้วนำไปขี่ลุยได้เลย แต่ถ้าให้มั่นคงมากกว่านี้ก็อาจจะปรับแต่งอีกสักนิดเพื่อการขับขี่ในประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม ระบบเบรกด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกเดี่ยว มาคู่กับจานเบรกขนาด 240 มิลลิเมตรพ่วงมากับล้อหน้าแบบอลูมิเนียมขอบ 21 และระบบเบรกด้านหลังก็เป็นดิสก์เบรกเดี่ยวเช่นเดียวกับด้านหน้า มาคู่กับจานเบรกขนาด 220 มิลลิเมตรพ่วงมากับล้อหลังอลูมิเนียมขอบ 18 เอาอยู่ มั่นใจในการขับขี่ทุกเส้นทาง แฟริ่งดีไซน์เดิม เพิ่มเติมคือเปลี่ยนลายกราฟิก Model 2025 Model 2024   และในจุดที่เรียกได้ว่าเป็นจุดที่แตกต่างเพื่อสื่อให้เห็นว่านี่คือโมเดลใหม่ที่เปิดตัวคือ ‘ลวดลายกราฟิก’ หรือศัพท์ชาวบ้านคือ สติ๊กเกอร์ ที่ออกแบบดีไซน์ใหม่ ทำให้ตัวอักษร WR มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น แต่รับประกันการขับขี่สนุกตามสไตล์รถวิบากแน่นอน เรือนไมล์มินิมอล ให้มาแบบดิจิตอล หน้าจอเรือนไมล์ที่สาวกของ WR น่าจะเป็นที่คุ้นเคยกันดี เพราะเรือนไมล์นี้เป็นแบบเดียวกันกับในโมเดลที่เปิดตัวไปก่อนหน้า โดยหน้าจอด้านขวาแสดงผลข้อมูลการขับขี่ครบไม่ว่าจะเป็นความเร็ว ระดับน้ำมัน พร้อมตัวเลขบอกตำแหน่งเกียร์ รอบเครื่องยนต์ นาฬิกาบอกเวลา และด้านซ้ายมากับไฟเตือนในสัญลักษณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเกียร์ว่าง ไฟเลี้ยว ไฟสูง ไฟเครื่องยนต์ และความร้อน สีสันที่วางจำหน่าย สีน้ำเงิน สีดำ   WR155R ในโมเดลใหม่นี้เปิดราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 39,055,000 รูเปียห์ หรือตีเป็นเงินไทยยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเติมประมาณ 83,000 บาท ในส่วนของการเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทย อาจจะเป็นช่วงไตรมาสสองของปี 2025 สาวก WR155R ในประเทศไทยหยอดกระปุกรอได้เลย อ่านข่าวอื่นๆ จาก Yamaha คลิกที่นี่ อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

2025 All New Aerox Alpha

2025 All New Aerox Alpha นี่แหละออลนิวของจริง 2025 All New Aerox Alpha เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการในประเทศอินโดนีเซีย โดยเจ้า Aerox นี้ถือเป็นสกู๊ตเตอร์ออโตเมติกที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี และดีไซน์ที่ล้ำสมัย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ที่ต้องการความสะดวกสบาย และสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ซึ่งในบทความนี้จะมานำเสนอในสิ่งที่แตกต่างว่ามีอะไรบ้าง  ดีไซน์แบบฉบับจากรุ่นพี่ โดย Aerox Alpha 2025 มีการปรับดีไซน์ใหม่ ดูสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยเส้นสายที่เฉียบคมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรถมอเตอร์ไซค์ซูเปอร์สปอร์ต R1M ขี่ไปไหนก็หล่อ แอคหน้าตึงได้แน่นอน ไฟหน้าใหม่สว่างชัดกว่าเดิม ไฟหน้ารูปแบบใหม่ที่ดูเฉียบคม และดุดัน สร้างความรู้สึกที่แข็งแกร่งพร้อมกับความทรงพลัง มาพร้อมกับระบบไฟ LED แบบดับเบิลโปรเจคเตอร์ ที่ให้แสงสว่างชัดเจน และไฟท้ายใหม่ที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตยิ่งขึ้น เพราะไฟท้ายแอบมีความคล้ายคลึงกับ Yamaha Exciter 155 เลยทีเดียว จอกลางแบบใหม่ หน้าจอแสดงผลข้อมูล TFT และมาตรวัดความเร็วสไตล์ซูเปอร์สปอร์ต ดีไซน์ใหม่ แบบหน้าจอ Full LCD ที่ให้ความรู้สึกสปอร์ต เร้าใจ และให้ข้อมูลที่ครบถ้วนสำหรับผู้ขับขี่ แถมยังสามารถเปลื่ยนการแสดงผลหน้าจอได้ทั้งหมด 3 โหมด ได้แก่ มาตรฐาน (Standard), ไดนามิก (Dynamic) และสปอร์ต (Sports) อีกทั้งยังสามารถปรับความสว่างขอหน้าจอได้ตามต้องการ หรือจะปรับอัตโนมัติตามสภาพแสงรอบข้างได้อีกด้วย ที่สำคัญเพิ่มความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนมากยิ่งขึ้นด้วยแอพพลิเคชัน Y-Connect ที่เชื่อมต่อรถจักรยานยนต์กับสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย เพื่อเช็ครายละเอียดข้อมูลต่าง ๆ ของตัวรถได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ยกเครื่องใหม่ เครื่องยนต์เทคโนโลยี Blue Core ขนาด 155 ซีซี รุ่นใหม่ล่าสุดที่ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มาพร้อมกับเทคโนโลยี Yamaha Electric CVT (YECVT) ที่แรงเหมือนติด เทอร์โบ ยังมาพร้อมด้วยกำลังแรงม้าสูงสุดที่ 15.4 แรงม้าที่ 8,000 รอบ แรงบิด 14.2 นิวตันเมตรที่ 8,000 รอบ พ่วงด้วยความจุของถังน้ำมันขนาด 5.5 ลิตร โหมดการขับขี่สุดเร้าใจ ในโมเดลใหม่นี้มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือก 2 โหมด สำหรับรุ่น Turbo ขึ้นไป โดยมีโหมด “T” สำหรับการขับขี่ในเมือง และโหมด “S” หรือโหมดสปอร์ตเร่งรอบมาไวขึ้นนั่นเอง แถมยังสามารถซิ่งไปต่อได้อีก กับโหมดการเพิ่มอัตราการเร่งด้วยระบบ Y-Shift แบ่งเป็น 3 ระดับ (1=ต่ำ, 2=กลาง, 3=สูง) ขับขี่สนุกขึ้นกว่าเก่าแน่นอนรับประกัน เบรกใหม่ เพิ่มความปลอดภัยอีกขั้น ดิสก์เบรกคู่ (Double Disc Brake) จากเดิมที่เบรกหลังในรุ่นเก่าเป็น ดรัมเบรก แต่ในโมเดล 2025 ให้เป็นดิสก์เบรกหลังเรียบร้อย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเบรก ให้ผู้ขับขี่มั่นใจยิ่งขึ้น แถมด้วย ระบบไฟฉุกเฉิน (Emergency Stop Signal) ไฟท้ายจะกระพริบฉุกเฉิน ในขณะเบรกรถ กระทันหัน ช่วยเตือนผู้ขับขี่คันหลังให้รู้ เพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น สีสันที่วางจำหน่ายทั้ง 4 รุ่นย่อย รุ่น Standard เปิดราคาแนะนำที่ 29,000,000 รูเปียห์ หรือตีเป็นเงินไทยประมาณ 6.3 หมื่นบาท Silver Yellow Matte Blue Red Black รุ่น CyberCity เปิดราคาแนะนำอยู่ที่ 33,999,000 รูเปียห์ หรือตีเป็นเงินไทยประมาณ 7.2 หมื่นบาท  CyberCity Matte Blue Yellow รุ่น TURBO เปิดราคาแนะนำอยู่ที่ 39,550,000 รูเปียห์ หรือตีเป็นเงินไทยประมาณ 8.4 หมื่นบาท  Matte Dark Grey และรุ่นท็อปสุดอย่าง TURBO Ultimate เปิดราคาอยู่ 41,730,000 รูเปียห์หรือตีเป็นเงินไทย ประมาณ 8.8 หมื่นบาท  Matte Dark Grey  ซึ่งถ้านำมาวางจำหน่ายในประเทศไทยอาจจะต้องบวกภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งคาดการณ์ว่าบวกรุ่นละประมาณเกือบ