
Ducati Streetfighter V2S 2025 เปิดตัวอีกรุ่นให้เลือก สำหรับใครคิดว่า V4S มันแรงเกินไป รุ่นนี้พร้อมเปิดตัวให้จองแล้ว พร้อมรายละเอียด..คลิ๊ก
SuperBikeMag.Com ข่าวรถยนต์ รีวิวรถใหม่ รถยนต์ไฟฟ้า ข่าวรถจักรยานยนต์

Ducati Streetfighter V2S 2025 เปิดตัวอีกรุ่นให้เลือก สำหรับใครคิดว่า V4S มันแรงเกินไป รุ่นนี้พร้อมเปิดตัวให้จองแล้ว พร้อมรายละเอียด..คลิ๊ก

Ducati Streetfighter V4S ไฮเปอร์เน็ดเก็ด 214 แรงม้า จากดูคาติ พร้อมชุดแอโรวิงก์เล็ต สวิงอาร์มคู่ และสเปค พร้อมบทรีวิวทดสอบ คลิ๊กที่นี่

Honda Scoopy สกูปปี้ 2025 เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการ โดยการปรับเปลี่ยนในครั้งนี้เปลี่ยนหน้าตาดีไซน์ใหม่หมด มาพร้อมสีสันที่สุดแสนจะเร้าใจ

Kawasaki H2R เวอร์ชันโมเดลสำหรับนักบิดทรัพย์จาง ที่อยาครอบครองซูเปอร์ไบค์แต่สถานะทางการเงินอาจจะไม่เอื้ออำนวย มาพร้อมให้เป็นเจ้าของแล้ว
Triumph Icon Edition สืบทอดตำนาน ควรค่าแก่การสะสม Triumph Icon Edtion คอลเลคชันพิเศษที่ได้รับการตกแต่งด้วยธีมสีใหม่สุดโดดเด่น ที่เป็นการผสมผสานระหว่างสีดำ Sapphire Black และสีเงิน Aluminium Silver โดยแต่ละรุ่นมาพร้อมการลงสีด้วยมือ และคัสตอมโลโก้ ช่วยเติมเต็มความเป็นต้นแบบสไตล์ดั้งเดิมได้อย่างสมบูรณ์แบบ รังสรรค์อย่างพิถีพิถันเพื่อให้มีพื้นผิวที่ไร้ที่ติ รวมทั้งโลโก้ Triumph สีทองและกราฟิกรุ่น Icon พิเศษบนถังน้ำมัน และแผงด้านข้างช่วยเสริมให้รถแต่ละคันดูโดดเด่นยิ่งขึ้น ในขณะที่ความเข้ากันของแต่ละสี ล้วนช่วยส่งเสริมรูปโฉมของตัวรถ เพื่อให้มั่นใจว่ารถทุกคันจะเป็นรถที่น่าประทับใจไม่แพ้ความเร้าใจ โดยในคอลเลคชันพิเศษนี้มาพร้อมกันถึง 6 รุ่น ได้แก่ Bonneville T100 Icon Edition, Scrambler 900 Icon Edition, Bonneville T120 Icon Edition, Scrambler 1200 X Icon Edition, Bonneville Bobber Icon Edition และ Bonneville Speedmaster Icon Edition โดยในแต่ละรุ่นแสดงถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัว Bonneville T100 Icon Edition การออกแบบดีไซน์ถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งความคลาสสิกของอังกฤษออกมาได้อย่างลงตัว โดยมาพร้อมกับการตกแต่งด้วยสี Aluminium Silver เสริมด้วยสี Sapphire Black บนถังน้ำมันเชื้อเพลิงและแผงด้านข้างเป็นสไตล์ย้อนยุคที่เรียบง่าย ลายเส้นสีดำบนตัวถังรถที่วาดขึ้นด้วยมือ และโลโก้ Triumph ย้อนยุคปี 1907 สีทองอร่าม ช่วยเติมเต็มรูปลักษณ์ให้สมบูรณ์แบบ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสไตล์เหนือกาลเวลาที่มาพร้อมความสามารถที่ทันสมัย ด้วยเครื่องยนต์ Bonneville สูบคู่ขนาด 900 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุดที่ 65 แรงม้า ที่ 7,400 รอบต่อนาที และมอบแรงบิดสูงสุดที่ 80 นิวตันเมตรที่ 3,750 รอบต่อนาที รวมถึงมอบระบบกันสะเทือนหน้าสเปกสูง ร่วมกับระบบกันสะเทือนหลังคู่ ช่วยเพิ่มความรู้สึกคล่องตัวและการควบคุมที่ง่ายดาย วางจำหน่ายที่ราคา 489,000 บาท Scrambler 900 Icon Edition มาพร้อมกับสี Sapphire Black และสี Aluminium Silver ที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย เน้นย้ำถึงจุดยืนของการขับขี่ที่โดดเด่น สีถังน้ำมันเชื้อเพลิงที่สดใส แถบสีอลูมิเนียมสีเงินพร้อมกราฟิกไอคอนเฉพาะ และโลโก้ Triumph สีทองอันเป็นเอกลักษณ์ประจำปี 1907 ที่สร้างความแตกต่างอย่างโดดเด่นที่เข้ากันกับบังโคลนสี Sapphire Black ในขณะที่ลายเส้นบนตัวถังที่วาดด้วยมือ ช่วยเสริมให้รูปลักษณ์ของรถดูโดดเด่นยิ่งขึ้น ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการขับขี่ในเมืองและออฟโรด โดยมาพร้อมเครื่องยนต์ Bonneville สูบคู่ขนาด 900 ซีซี แรงบิดสูง ขณะที่คันเร่งไฟฟ้า Ride-by-wire ช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างง่ายดาย ล้อซี่ลวดสีดำด้านหน้าขนาด 19 นิ้ว และด้านหลัง 17 นิ้ว รวมถึงความสูงของเบาะนั่งที่ต่ำเพียง 790 มม. ช่วยเพิ่มความมั่นใจ และมอบความสนุกสนานสำหรับผู้ขับขี่ทุกคน วางจำหน่ายที่ราคา 496,000 บาท Bonneville T120 Icon Edition มอบการขับขี่ที่เร้าใจ โดยผสมผสานความเป็นตำนาน และสมรรถนะเข้าไว้ด้วยกัน ถังน้ำมันเชื้อเพลิงสีดำ Sapphire Black จับคู่กับสีเงิน และเส้นสีทองที่วาดด้วยมือ พร้อมโลโก้ Triumph ช่วยเพิ่มความมีระดับไปอีกขั้น เสริมสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้โดดเด่นยิ่งขึ้นบนท้องถนน ในขณะที่คุณสมบัติระดับพรีเมียมที่ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีและสมรรถนะอันทันสมัย อาทิ ระบบกันสะเทือนหน้าขนาด 41 มม. ระบบกันสะเทือนคู่หลังแบบปรับพรีโหลดได้ และคาลิปเปอร์เบรกคู่หน้า Brembo พร้อมระบบ ABS เครื่องยนต์สูบคู่ 1,200 ซีซี ได้รับการปรับแต่งมาโดยเฉพาะ เพื่อมอบแรงบิดสูงตั้งแต่รอบต่ำจนถึงรอบกลาง มอบสมรรถนะที่เร้าใจตลอดการใช้งาน โดยให้แรงบิดสูงสุดที่ 105 นิวตันเมตรที่รอบต่ำเพียง 3,500 รอบต่อนาที และมอบพละกำลังสูงสุดที่ 80 แรงม้า ที่ 6,550 รอบต่อนาที วางจำหน่ายที่ราคา 615,000 บาท Scrambler 1200 X Icon Edition มาพร้อมถังน้ำมันสุดโดดเด่นด้วยสี

อัปเดตราคา Honda Wave 110i 2025 ล่าสุด รุ่นล้อแม็กและซี่ลวด เริ่มต้น 46,000 บาท มีให้เลือกถึง 5 เฉดสีใหม่! เช็กตารางผ่อน-ดาวน์ ประหยัดน้ำมันสูงสุด คลิกเลย!

Honda Wave 125i 2025 เปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายในไทยแล้วอย่างเป็นทางการ มาพร้อมกับเฉดสีใหม่ ที่คงความแรง และความประหยัดไว้เช่นเดิม

2025 Honda CRF300L แฟริ่งลายใหม่ เพิ่มปุ่มเปิดปิด ABS 2025 Honda CRF300L เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายในงาน Motor Expo2024 อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี โดยในการเปิดตัวเจนใหม่ของสายลุยทางฝุ่นนี้มาพร้อมกับสองรุ่นย่อยอย่าง 300L และ 300 Rally ซึ่งทั้งสองรุ่นนั้นสร้างขึ้นมาบนพื้นฐานเดียวกัน แต่จะมีรายละเอียดบางจุดเท่านั้นที่แตกต่างกัน แต่รับประกันการขับขี่สนุกเช่นเดิม ตัวถังเอกลักษณ์สไตล์ CRF แม้จะเป็นในโมเดลใหม่ที่เปิดตัว แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ของความเป็น CRF ไว้อย่างเหนียวแน่น โดยโครงสร้างของตัวถังยังคงใช้เฟรมแบบ Steel semi-double cradle รวมไปถึงแฟริ่งยังคงเป็นแบบเดียวกันกับในโมเดลก่อนหน้า จะแตกต่างก็คงเป็นเพียงลวดลายกราฟิก (หรือศัพท์ที่เข้าใจอย่างเป็นสากลคือ สติ๊กเกอร์) บนตัวถังเท่านั้น เครื่องยนต์ขนาดเท่ากัน ทั้งสองรุ่นย่อยมีขนาดเครื่องยนต์อยู่ที่ 286 ซีซี สูบเดียวระบายความร้อนด้วยน้ำ พละกำลังให้มาที่ 26.9 แรงม้าที่ 8,500 รอบต่อนาที แรงบิดอยู่ที่ 26.6 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที มาพร้อมเกียร์แบบแมนนวล 6 สปีดพร้อมระบบแอสซิสต์และสลิปเปอร์คลัตช์ช่วยในการเปลี่ยนเกียร์ ส่งกำลังสุดท้ายด้วยโซ่ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงระบบหัวฉีดไฟฟ้า PGM-FI ลิขสิทธิ์เฉพาะฮอนด้า มาพร้อมความจุถังน้ำมันขนาด 7.8 ลิตรในรุ่น 300L และ 12.8 ลิตรในรุ่นของ 300Rally ในส่วนของระบบการระบายไอเสียมีการพัฒนาเพื่อรองรับมาตรฐาน Euro5+ และไฮไลท์สำคัญของเครื่องยนต์ในเจนนี้คือการเคลมว่าสามารถระบายความร้อนได้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าโมเดลก่อน ๆ ช่วงล่างเซ็ตอัพพร้อมลุย (บ้างแล้ว) โช้คอัพด้านหน้าของรุ่น L โช้คอัพด้านหน้าของรุ่น Rally ปรับจูนใหม่ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง โดยระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นโช้คอัพแบบหัวกลับจาก Showa ขนาดแกน 43 มิลลิเมตร ระยะยุบอยู่ที่ 234 มิลลิเมตร ระบบกันสะเทือนด้านหลังเป็นโช้คอัพเดี่ยวจาก Showa เช่นกัน ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มระยะยุบอยู่ที่ 260 มิลลิเมตร ระบบกันสะเทือนด้านหลังของรุ่น L ระบบกันสะเทือนด้านหลังของรุ่น Rally ระบบเบรกหน้าดิสก์คู่แบบสองลูกสูบ พร้อมจานเบรกขนาด 296 มิลลิเมตร มาพร้อมล้อขนาด 80/100-21M/C ด้านหลังดิสก์เบรกเดี่ยวแบบลูกสูบเดี่ยว พร้อมจานขนาด 220 มิลลิเมตร พร้อมล้อหลังขนาด 120/80-18 M/C โดยระบบเบรกทั้งด้านหน้า และด้านหลังมาพร้อมระบบความปลอดภัย ABS แบบ 2 ทาง เทคโนโลยีมาแบบมินิมอล เทคโนโลยีที่มากับสายลุยทางฝุ่นคันนี้มาพร้อมระบบไฟ LED ในส่วนหน้าจอเรือนไมล์ทั้งสองรุ่นย่อยยังคงเอกลักษณ์ความเป็น CRF ไว้อย่างเหนียวแน่น (การแสดงผลของหน้าจอเหมือนรุ่นก่อนหน้าแบบเป๊ะ ๆ) แสดงข้อมูลการขับขี่ในสิ่งที่จำเป็นเพียงพอ อาทิ ระดับความเร็ว ตำแหน่งเกียร์ รอบเครื่องยนต์ ระดับน้ำมัน ตำแหน่งไฟเลี้ยว โดยอีกหนึ่งเทคโนโลยีอัพเกรดใหม่ที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้สำหรับ CRF ในเจนนี้คือการเพิ่มปุ่มในการเปิดและปิดระบบ ABS ที่ล้อหลังมาให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งให้มาทั้งสองรุ่นย่อย หลังจากที่เป็นข้อสงสัยสำหรับชาวเน็ตอยู่ไม่น้อยว่าทำไมถึงไม่ให้มาในโมเดลก่อน ๆ จุดที่แตกต่างของทั้งสองรุ่นย่อย ทั้งสองรุ่นย่อยที่มีราคาห่างกันราว ๆ 24,000 บาทก็มีรายละเอียดบางจุดที่แตกต่างกัน เพื่อทำให้ผู้บริโภครู้สึกถึงความแตกต่างที่จ่ายเงินไปเกือบสามหมื่นดังนี้ รุ่น L รุ่น Rally ดีไซน์ไฟหน้า ไฟหน้า LED แบบมินิมอล ไฟหน้า LED ออกแบบคล้ายตาของมินเนียนพร้อมชิลด์หน้ากันลมขนาดใหญ่ ความจุถังน้ำมัน ความจุถังน้ำมันขนาด 7.8 ลิตร ความจุถังน้ำมันขนาด 12.8 ลิตร พักเท้าผู้ขับขี่ พักเท้าแบบพับได้ ‘ไม่มียางแป้นเหยียบ’ พักเท้าแบบพับได้ ‘พร้อมยางที่แป้นเหยียบ’ แผ่นป้องกันใต้เครื่อง ให้อารมณ์ดิบ ๆ ไร้แผ่นป้องกัน มาพร้อมแผ่นป้องกันใต้เครื่อง น้ำหนักรถ น้ำหนัก 142 กิโลกรัม น้ำหนัก 153 กิโลกรัม กว้าง x ยาว x สูง 820 x 2,230 x 1,200 มม. 920 x 2,230 x 1,415 มม.

2025 Kawasaki Z500 SE ปรับโฉมใหม่ ขี่ง่าย คล่องตัว 2025 Kawasaki Z500 SE เนคเก็ตไบค์ไซส์กลางจากค่ายยักษ์เขียว เปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายแล้วอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ซึ่งโมเดลใหม่นี้ยังคงความดุดัน แข็งแกร่งในสไตล์ Sugomi น้ำหนักเบา ขับขี่ง่าย พร้อมพละกำลัง และเทคโนโลยีที่ปรับแต่งให้เหนือชั้นขึ้นไปอีกขั้น หน้าจอสีแบบ TFT ขนาด 4.3 นิ้ว ไฟหน้า LED ออกแบบใหม่ เครื่องยนต์พัฒนาใหม่ เฟรมน้ำหนักเบา ช่วยให้ควบคุมง่าย 2025 Kawasaki Z500 SE สเปค และรายละเอียด เครื่องยนต์ เครื่องยนต์สองสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ปริมาตรกระบอกสูบ 451 ซีซี แรงม้า (เคลม) 52 แรงม้าที่ 10,000 รอบต่อนาที แรงบิด (เคลม) 42.6 นิวตันเมตรที่ 7,500 รอบต่อนาที ระบบวาล์ว DOHC 4 วาล์ว ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก 70 x 58.6 มม. อัตราส่วนการอัด 11.3 :1 ระบบเกียร์ 6 สปีด แบบแมนนวล ระบบจุดระเบิด Electric ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีด ระบบสตาร์ท สตาร์ทไฟฟ้า ระบบคลัตซ์ คลัตซ์แบบเปียกหลายแผ่นซ้อนกัน ระบบส่งกำลังสุดท้าย โซ่ ขนาดล้อและยางหน้า 110/70-R17 M/C ขนาดล้อและยางหลัง 150/60-R17 M/C ระบบกันสะเทือนหน้า โช้คอัพแบบเทเลสโคปิก ขนาดแกน 41 มม. ระยะยุบอยู่ที่ 120 มม. ระบบกันสะเทือนหลัง โช้คอัพเดี่ยวทำงานร่วมกบสวิงอาร์ม ระยะยุบ 130 มม. เบรกหน้า ดิสก์เบรกเดี่ยวพร้อมคาลิเปอร์แบบสองลูกสูบ ขนาด 310 มม. เบรกหลัง ดิสก์เบรกเดี่ยวพร้อมคาลิเปอร์แบบสองลูกสูบขนาด 220 มม. กว้าง x ยาว x สูง 800 x 1,995 x 1,055 มม. ระยะฐานล้อ 1,375 มม. ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ 145 มม. ความสูงเบาะ 785 มม. น้ำหนักรถ 168 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 14 ลิตร เทคโนโลยี ระบบเบรก ABS Assist & Slipper Clutch หน้าจอสี TFT รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ผ่านแอปพลิเคชัน RIDEOLOGY THE APP สีสันที่วางจำหน่าย Z500 SE ที่เปิดตัวใหม่ในประเทศไทยจะมีวางจำหน่ายเพียงแค่สีเดียวได้แก่ สีดำ/เทา (Metallic Spark Black/Metallic Matte Graphene Steel Gray) ที่เสริมความเป็นค่ายยักษ์เขียวด้วยเฟรมตัวถัง และล้อที่มาพร้อมกับสีเขียว Candy Lime Green และอีกหนึ่งสีที่วางจำหน่ายเฉพาะต่างประเทศได้แก่ สีแดง/เทา (Candy Persimmon Red/Metallic Matte Graphene Steel Gray) สีดำ/เทา (Metallic Spark Black/Metallic Matte Graphene Steel Gray) สีแดง/เทา (Candy Persimmon Red/Metallic Matte Graphene Steel Gray) โมเดลใหม่ในตระกูล Z-Series เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการในประเทศไทยภายในงาน Motor Expo2024 มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่

ปรับใหม่ยกชุด 2025 HONDA CBR1000RR-R FIREBLADE SP ที่สุดของสายสปอร์ต ถ้าได้ลองแล้วติดใจแน่นอน ขี่ง่าย คุมง่าย ราคาดีสุดๆ

2026 KTM 990 RC R เปิดตัว ซูเปอร์สปอร์ตจากค่ายส้ม KTM โดยในโมเดลใหม่ที่เปิดตัวนี้เป็นการกลับมาอีกครั้งของรถแนวซูเปอร์สปอร์ตในรอบ 15 ปีที่ผลิตมาวางจำหน่ายสำหรับวิ่งบนท้องถนน ซึ่งถ้าให้ย้อนกลับไปในโมเดลล่าสุดที่ผลิตออกมาก็ได้แก่ KTM 1190 RC8 R ในปี 2008 และ KTM RC 8C ที่ผลิตขึ้นมาเพียงจำนวนจำกัดเพื่อสำหรับวิ่งบนสนามแข่งเท่านั้น แต่คราวนี้ค่ายส้มเองพร้อมที่จะปักหมุดส่งมอบต่อให้ดีลเลอร์อย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้ นี่ขนาดเป็นแฟนค่ายส้มแค่กึ่งหนึ่งยังตื่นเต้นขนาดนี้ แล้วแฟน ๆ สาวกเคทีเอ็มพันธุ์แท้..จะตื่นตาตื่นใจขนาดไหน ? 2026 KTM 990 RC R การออกแบบสไตล์ตัวแข่ง ดีไซน์การออกแบบของ 990RC R พร้อมที่จะยกระดับนิยามของคำว่า “สมรรถนะ – สไตล์ – ความสนุก” ในยุคใหม่ของรถซูเปอร์สปอร์ตเข้าด้วยกัน ตามหลักสรีรศาสตร์การออกแบบท่านั่งเพื่อความสะดวกสบาย รองรับการโน้มตัวและการ “หมอบ” พร้อมทั้งรองรับเข่า แขน นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มพักเท้าปรับระดับได้ด้านหน้ามาพร้อมแอโร่วิงก์เล็ตที่ได้แรงบันดาลจากการแข่งขัน MotoGP การออกแบบตามหลักอาการพลศาสตร์ช่วยสร้างแรงกด และเพิ่มความเสถียรขณะเบรก และเข้าโค้ง รวมถึงรายละเอียด และมุมต่าง ๆ บนตัวรถที่สะท้อนถึงความเป็นรถแข่งอย่างชัดเจน ขุมพลังเครื่องยนต์ LC8c ซูเปอร์สปอร์ตในโมเดลใหม่นี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบ LC8c 2 สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาด 947 ซีซี พละกำลังสูงสุดอยู่ที่ 130 แรงม้าที่ 9,500 รอบต่อนาที แรงบิดอยู่ที่ 103 นิวตันเมตรที่ 7,000 รอบต่อนาที มาพร้อมเกียร์แบบแมนนวล 6 สปีด พร้อมสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ขับขี่ในทุกย่านความเร็ว บวกกับถังน้ำมันขนาด 16 ลิตร และปรับให้ผ่าน Euro5+ เป็นที่เรียบร้อย ระบบกันสะเทือน และเบรกจัดเต็ม ในส่วนของระบบกันสะเทือนด้านล่างจาก WP Suspension แบรนด์คู่บุญของ KTM ด้านหน้าเป็นโช้คอัพ WP APEX Pro แบบ Upside Down สามารถปรับแต่งได้อย่างเต็มระบบ ด้านหลังเป็นโช้คอัพเดี่ยว WP APEX สามารถปรับได้เต็มระบบเช่นเดียวกัน ระบบเบรกด้านหน้าให้มาแบบดิสก์เบรกคู่ประกบด้วยคาลิเปอร์จาก Brembo แบบ 4 ลูกสูบ มาพร้อมล้อหน้าขนาด 190/60-R17 ระบบเบรกด้านหลังให้ดิสก์เบรกเดี่ยวพร้อมคาลิเปอร์จาก Brembo แบบ 4 ลูกสูบ มาพร้อมล้อหลังขนาด 120/70-R17 และมาพร้อมกับระบบความปลอดภัย ABS แบบ Cornering ABS (ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเข้าโค้ง) ระบบ Cornering Traction Control (ระบบควบคุมการยึดเกาะขณะเข้าโค้ง) และโหมดการขับขี่ได้แก่ Standard, Sport, Rain และ Custom แถมยังรองรับตัวเลือกเสริม (โหมด Track และ Custom เพิ่มให้อีก 2 โหมด) เช่นเดียวกันกับ ABS มีให้เลือก 4 โหมดเช่นกันอาทิ STREET, SPORT, SUPERMOTO+ และ SUPERMOTO ABS ในส่วนของเทคโนโลยีหน้าจอ แน่นอนว่ามาพร้อมจอใหม่จากทางค่ายขนาด 8.88 นิ้ว (จอแนวนอน) รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน สามารถควบคุมระบบต่าง ๆ ของรถได้ผ่านหน้าจอ นับเป็นเทคโนโลยีรุ่นใหม่ล่าสุดที่ทางแบรนด์ได้ทำการอัปเดตไว้ในรุ่นนี้ โดยเปิดตัวมาให้เลือกทั้ง 2 สีได้แก่ สีส้มและสีดำ ซึ่งคาดว่าราคาค่าตัวอาจเปิดพร้อมกันภายในงาน EICMA ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี พร้อมส่งมอบดีลเลอร์ในช่วงปลายปี ซึ่งมีโอกาสที่จะเข้ามาไทย 100% เปอร์เซ็นต์ครับ อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

2025 Yamaha MT-125 อัพเกรดจอ มาพร้อมสีใหม่ 2025 Yamaha MT-125 เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการกับโมเดลน้องเล็กสุดในตระกูล MT-Series ซึ่งเจนใหม่นี้มาพร้อมสีสันใหม่ พร้อมขุมพลังเครื่องยนต์เดิมที่ให้ฟีลลิ่งขับขี่สนุก พร้อมสร้างประสบการณ์ที่สุดแสนเร้าใจในทุกย่านความเร็ว เครื่องยนต์ และช่วงล่างเดิม ขุมพลังเครื่องยนต์ของน้องเล็กสุดในเจนนี้มายังคงเอกลักษณ์ความจี๊ดจ๊าดจากโมเดลก่อนหน้าไว้อย่างครบถ้วน เครื่องยนต์สูบเดียว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาด 125 ซีซี พละกำลังอยู่ที่ 14.7 แรงม้าที่ 11,000 รอบต่อนาที แรงบิดอยู่ที่ 11.5 นิวตันเมตรที่ 8,000 รอบต่อนาที เกียร์แบบแมนนวล 6 สปีด พ่วงมาด้วยระบบ VVA หรือระบบวาล์วแปรผันติดตั้งมาให้สำหรับรอบการใช้งานที่สูงขึ้น พร้อมระบบ Assist Slipper Clutch พร้อมความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 10 ลิตร ระบบกันสะเทือนล่างด้านหน้ามาแบบ Upside Down ขนาดแกน 41 มม.ระยะยุบตัวอยู่ที่ 130 มม. ด้านหลังเป็นโช้คอัพเดี่ยวทำงานร่วมกับสวิงอาร์มระยะยุบตัว 110 มม. ระบบเบรกด้านหน้าเป็นแบบดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 292 มม. มาพร้อมล้อหน้าขนาด 100/80-17 และด้านหลังเป็นแบบดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 220 มม. มาพร้อมล้อหลังขนาด 140/70-17 เสริมระบบความปลอดภัยด้วยระบบเบรก ABS และ Traction Control หน้าจอดีไซน์ใหม่ ไม่เพียงแค่สีสันใหม่ที่มาในโมเดลนี้แต่ยังมาพร้อมเทคโนโลยีจอกลางแบบ TFT ขนาด 5 นิ้ว ที่ปรับในส่วนของ UI ใหม่ให้มีระเบียบมากยิ่งขึ้น แสดงข้อมูลที่จำเป็นต่อการขับขี่ครบ รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านแอพพลิเคชัน MyRide ของทาง Yamaha สีสันที่วางจำหน่าย สีเทา (Ice Storm) สีน้ำเงิน (Icon Blue) สีดำ (Tech Black) ในส่วนของราคาวางจำหน่ายในประเทศอังกฤษของโมเดลใหม่นี้อยู่ที่ 5,250 ปอนด์หรือตีเป็นเงินไทยประมาณ 230,900 บาท (ยังไม่รวมภาษีและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ) และโมเดลนี้จะไม่มีแผนการเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยจะมีขายแค่ในยุโรปเท่านั้น ในไทยเราขับ MT-03 ดีกว่า เร้าใจกว่าเยอะบอกเลย อ่านข่าวอื่นๆ จาก Yamaha คลิกที่นี่ อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Honda NC750X ปี 2025 ปรับหน้าใหม่ ใส่ดิสก์คู่ Honda NC750X ปี 2025 แอดเวนเจอร์ทัวริ่งไซส์กลางที่ถูกออกแบบดีไซน์ให้เหมาะสมกับการขี่ในเมือง และการขับขี่ออกทริปไกล ๆ อีกทั้งยังมีการปรับเฉดสีใหม่ ปรับไฟหน้าใหม่ เพิ่มดิสก์เบรกหน้าคู่ พร้อมปรับปรุงระบบเกียร์ DCT ให้มีการทำงานที่ดีมากยิ่งขึ้นในช่วงรอบต่ำ และจอสีแบบ TFT ขนาด 5 นิ้วพร้อมรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านแอพพลิเคชัน Honda RoadSync หน้าจอสี TFT ขนาด 5 นิ้วแบบใหม่ รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน เกียร์ DCT ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ทำงานได้ไหลลื่นมากยิ่งขึ้นแม้ในรอบต่ำ โฉมหน้าที่ได้รับการออกแบบดีไซน์ใหม่ ดิสก์เบรกคู่หน้า 2025 Honda NC750X สเปค และรายละเอียดต่าง ๆ Honda NC750X Honda NC750X DCT เครื่องยนต์ 2 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ 2 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ปริมาตรกระบอกสูบ 745 ซีซี 745 ซีซี แรงม้า (เคลม) 57.7 แรงม้าที่ 6,750 รอบต่อนาที 57.7 แรงม้าที่ 6,750 รอบต่อนาที แรงบิด (เคลม) 69 นิวตันเมตรที่ 4,750 รอบต่อนาที 69 นิวตันเมตรที่ 4,750 รอบต่อนาที ระบบวาล์ว SOHC 8 วาล์ว SOHC 8 วาล์ว ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก 77 x 80 มม. 77 x 80 มม. อัตราส่วนการอัด 10.7 : 1 10.7 : 1 ระบบเกียร์ เกียร์แมนนวล 6 สปีด เกียร์ 6 สปีดพร้อมระบบ DCT ระบบจุดระเบิด Electronic Electronic ระบบจ่ายเชื้อเพลิง ระบบหัวฉีดไฟฟ้า PGM-FI ระบบหัวฉีดไฟฟ้า PGM-FI ระบบสตาร์ท สตาร์ทไฟฟ้า สตาร์ทไฟฟ้า ระบบคลัตซ์ คลัตซ์แบบเปียกหลายแผ่นซ้อนกัน คลัตซ์แบบเปียกหลายแผ่นซ้อนกัน ระบบส่งกำลังสุดท้าย โซ่ โซ่ ขนาดล้อและยางหน้า 120/70-ZR17 120/70-ZR17 ขนาดล้อและยางหลัง 160/60-ZR17 160/60-ZR17 ระบบกันสะเทือนหน้า โช้คอัพแบบเทเลสโคปิก ระยะแกน 41 มม. ระยะยุบ 120 มม. โช้คอัพแบบเทเลสโคปิก ระยะแกน 41 มม. ระยะยุบ 120 มม. ระบบกันสะเทือนหลัง โช้คอัพเดี่ยว ทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม ระยะยุบ 120 มม. โช้คอัพเดี่ยว ทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม ระยะยุบ 120 มม. เบรกหน้า ดิสก์เบรกคู่หน้า ขนาด 296 มม. ดิสก์เบรกคู่หน้า ขนาด 296 มม. เบรกหลัง ดิสก์เบรกเดี่ยว ขนาด 240 มม. ดิสก์เบรกเดี่ยว ขนาด 240 มม. กว้าง x ยาว x สูง 846 x 2,210 x 1,330 มม. 846 x 2,210 x 1,330 มม. ระยะฐานล้อ 1,525 มม.

2025 Honda CB750 Hornet อัปหน้าใหม่ เพิ่มสีสัน 2025 Honda CB750 Hornet เนคเก็ตไบค์ไซส์กลางมาพร้อมเครื่องยนต์สองสูบที่ทรงพลัง เพิ่มความเป็นโมเดลใหม่ด้วยการออกแบบที่ดุดันมากยิ่งขึ้น มาพร้อมชุดไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED คู่ดีไซน์ใหม่และครอบหน้าปัดที่ดูโฉบเฉี่ยว และสปอร์ตมากกว่าเดิม มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 755 ซีซี สองสูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ พละกำลังอยู่ที่ 90.5 แรงม้าที่ 9,500 รอบต่อนนาที แรงบิดอยู่ที่ 75 นิวตันเมตรที่ 7,250 รอบต่อนาที มาพร้อมเกียร์แบบแมนนวล 6 สปีด ระบบส่งกำลังสุดท้ายด้วยโซ่ พร้อมถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 15.2 ลิตร ระบบช่วงล่างด้านหน้ามาพร้อมระบบกันสะเทือนจาก Showa SFF-BP แบบ USD ระยะแกนที่ 41 มม.ระยะยุบอยู่ที่ 130 มม. โช้คอัพด้านหลังเป็นโช้คอัพเดี่ยว ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มแบบโปรลิงค์ มีระยะยุบอยู่ที่ 130 มม. ระบบเบรกด้านหน้าให้มาแบบดิสก์เบรกคู่พร้อมคาลิเปอร์เบรกแบบสี่ลูกสูบ ขนาด 296 มม. มาพร้อมล้อขนาด 120/70-ZR17 ระบบเบรกด้านหลังให้มาแบบดิสก์เบรกเดี่ยว ขนาด 240 มม. มาพร้อมล้อขนาด 160/60-ZR17 โดยระบบเบรกทั้งด้านหน้า และด้านหลังมาพร้อมกับความปลอดภัย ABS ที่มาพร้อมการทำงานแบบ Dual -Channel ไม่เพียงแค่เครื่องยนต์ที่ปรับใหม่เพิ่มความเร้าใจ ในส่วนของเทคโนโลยีที่มากับรถคันนี้ให้มาแบบสมัยนิยม หน้าจอกลางแบบ TFT ขนาด 5 นิ้วเจนใหม่ล่าสุดจากทางฮอนด้าพร้อมการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอพพลิเคชัน Honda RoadSync โหมดการขับขี่ 4 โหมดได้แก่ Rain, Standard, Sport และ Custom ที่สามารถให้ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งได้เอง ระบบ Honda Selectable Torque Control (HSTC) Engine Braking Emergency Stop Signal (ESS) และช่องชาร์จไฟแบบ USB-C สีสันที่วางจำหน่าย สีขาว (Matte Pearl Glare White) สีดำ (Matte Ballistic Black Metallic) สีเงิน (Digital Silver Metallic) สีน้ำเงิน (Glint Wave Blue Metallic) ในส่วนของราคาวางจำหน่ายในโมเดลใหม่นี้จะยังไม่มีการเปิดตัวใหม่อย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าน่าจะไม่ห่างจากเดิมมาก เพราะส่วนที่แตกต่างมีแค่สีสันเท่านั้น หากเข้าไทยราคาวางจำหน่ายน่าจะอยู่ที่ราว ๆ 319,000 บาท (ราคาจากโมเดลก่อนที่วางขายอยู่ในประเทศไทย) สำหรับในโมเดลนี้ขี่เจนไหนก็หล่อ บอกเลย อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Honda คลิก รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก