
2026 MV Agusta Brutale800 สปอร์ตเน็กเก็ตจากค่าย MV Agusta มาในสไตล์ที่เรียบง่ายกับเครื่องสามสูบ คงเอกลักษณ์ของความเป็นอิตาลี
SuperBikeMag.Com ข่าวรถยนต์ รีวิวรถใหม่ รถยนต์ไฟฟ้า ข่าวรถจักรยานยนต์

2026 MV Agusta Brutale800 สปอร์ตเน็กเก็ตจากค่าย MV Agusta มาในสไตล์ที่เรียบง่ายกับเครื่องสามสูบ คงเอกลักษณ์ของความเป็นอิตาลี

อัปเดตล่าสุด Honda Forza 350 ปี 2026 เปิดตัวสีใหม่ 5 เฉดสุดพรีเมียมจากยุโรป พร้อมเจาะลึกสเปคเครื่องยนต์ eSP+ 330cc หน้าจอสี TFT 5 นิ้ว และฟีเจอร์ Honda RoadSync

2025 Panigale V2S เปิดราคา กับสปอร์ต V2 พร้อมรายละเอียด 2025 Panigale V2S ซูเปอร์สปอร์ตไบค์จากค่ายปีศาจ มาพร้อมรหัสโฉมใหม่ในพิกัด 890 ซีซี ออกแบบเครื่องยนต์ V2 บล็อกใหม่ น้ำหนักเบามากขึ้น รวมถึงชิ้นส่วนได้รับการออกแบบใหม่ทั้งสวิงอาร์มและของแต่งอื่น ๆ จากแบรนด์ชั้นนำ นี่คือรถบิ๊กไบค์ที่ตอบโจทย์ความแรงมากที่สุดอีกรุ่นหนึ่งที่มีอยู่ ณ ตอนนี้ ราคาแนะนำ รุ่น Panigale V2S ราคา 799,000 บาท รุ่น Panigale V2 ราคา 719,000 บาท ดีไซน์ทรงสปอร์ต ระบบเบรก Brembo รอบคัน ท่อคู่ ลุคสปอร์ต เครื่องยนต์ V2 บล็อกใหม่ ขนาด 890 ซีซี หน้าจอสี TFT พร้อมโหมดฟังก์ชันการขับขี่มากมาย โช้คหน้า USD Ohlins NIX30 ขนาดแกน 43 มม. โช้คเดี่ยว Ohlins พร้อมซัปแทงค์ ยางสายฟ้า Pirelli Diablo Rosso IV หน้า-หลัง 2025 Panigale V2S สเปค ราคาและรายละเอียดอื่นๆ เครื่องยนต์ V2 90 องศา ระบายความร้อนด้วยน้ำ (Euro5+) ปริมาตรกระบอกสูบ 890 ซีซี แรงม้า (เคลม) 120 แรงม้าที่ 10,750 รอบ แรงบิด (เคลม) 93.3 นิวตันเมตรที่ 8,250 รอบ ระบบวาล์ว 4 วาล์ว ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก 96 x 61.5 มม. อัตราส่วนการอัด 13.1 : 1 ระบบเกียร์ 6 สปีด ระบบจุดระเบิด อิเล็กทรอนิกส์ ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีด ระบบสตาร์ท สตาร์ทมือ ระบบคลัตช์ คลัตช์แบบเปียกหลายแผ่นซ้อนกัน ระบบส่งกำลังสุดท้าย ชุดโซ่-สเตอร์ ขนาดยางและล้อหน้า 120/70 ZR17 แบบไม่ใช้ยางใน ขนาดยางและล้อหลัง 190/55 ZR17 แบบไม่ใช้ยางใน ระบบกันสะเทือนหน้า โช้คหัวกลับ Ohlins NIX30 แกน 43 มม. ปรับแต่งได้เต็มระบบ ระบบกันสะเทือนหลัง โช้คเดี่ยว Ohlins ซับแทงค์ ปรับแต่งได้เต็มระบบ เบรกหน้า ดับเบิ้ลดิสก์เบรก ขนาด 320 มม.คาลิเปอร์ Brembo โมโนบล็อก M50 4 ลูกสูบ เบรกหลัง ดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 245 มม.คาลิเปอร์ Brembo 2 ลูกสูบ กว้าง X ยาว X สูง NA ระยะฐานล้อ 1,465 มม. ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ 125 มม. ความสูงเบาะ 837 มม. น้ำหนักรถ 176 กก ความจุถังน้ำมัน 15 ลิตร ประเภทของน้ำมันที่เติมได้ NA เทคโนโลยี ระบบ Cornering ABS ระบบแทร็คชันคอนโทรล Power Modes Riding Modes ระบบป้องกันล้อหน้าลอย ระบบเอ็นจิ้นเบรก ควิกชิฟเตอร์ คันเร่งไฟฟ้า ระบบช่วยออกตัว ระบบตรวจไทม์แล็ป หน้าจอสี TFT ระบบไฟส่องสว่าง LED

2025 Fantic Caballero Travel Edition สแคมเบอร์อิตาลี เครื่องยามาฮ่า 2025 Fantic Caballero หนึ่งในโมเดลจากค่าย Fantic Motor รถจักรยานยนต์สัญชาติอิตาลี โดยรถในรุ่นย่อย Caballero จัดเป็นรถจักรยานยนต์ในกลุ่ม Scrambler ซึ่งมีวางจำหน่ายทั้งในรุ่นเล็กสุด 125 ซีซี ขยับขึ้นมาเป็น 500 ซีซี และรุ่นใหญ่สุดของโมเดลกับเครื่องยนต์ 700 ซีซี โดยในปี 2025 นี้ก็มาพร้อมรุ่นย่อย Travel Edition ที่ออกแบบมาเพื่อการเดินทาง และการผจญภัยโดยเฉพาะ เครื่องยนต์ และช่วงล่างคงเอกลักษณ์เดิม เครื่องยนต์ของ Caballero Travel Edition คันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์จาก Yamaha CP2 แบบสองสูบเรียงระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดเครื่องยนต์ 698 ซีซีให้พละกำลังสูงสุดที่ 74 แรงม้าที่ 9,000 รอบต่อนาที แรงบิด 60 นิวตันเมตรที่ 8,000 รอบต่อนาที มาพร้อมระบบเกียร์ 6 สปีด ส่งกำลังไปยังล้อหลังด้วยโซ่ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด และความจุถังน้ำมันที่ 14 ลิตร ระบบช่วงล่างคงเอกลักษณ์ และถอดแบบมาจากเวอร์ชันธรรมดาที่วางขายอยู่ก่อนหน้า ระบบกันสะเทือนด้านหน้ามาพร้อมกับโช้คอัพแบบหัวกลับ จากแบรนด์ Marzocchi ขนาดแกน 45 มิลลิเมตร พร้อมระยะยุบ 150 มิลลิเมตร ด้านหลังเป็นโช้คอัพเดี่ยว ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มจากแบรนด์ Marzocchi เช่นเดียวกัน สามารถปรับค่าพรีโหลดได้ มีระยะยุบตัวอยู่ที่ 150 มิลลิเมตรแบบเดียวกันกับด้านหน้า ระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ด้านหน้ามาพร้อมกับคาลิเปอร์เบรกจากค่าย Brembo แบบสี่ลูกสูบขนาด 330 มิลลิเมตรติดตั้งอยู่คู่กับล้อขนาด 110/80-R19 มาพร้อมกับระบบเบรก ABS และด้านหลังก็เป็นคาลิเปอร์เบรกจาก Brembo แบบลูกสูบเดี่ยวขนาด 245 มิลลิเมตร ติดตั้งอยู่คู่กับล้อขนาด 150/70-R17 ดีไซน์การตกแต่งพร้อมเดินทาง เพิ่มความเป็น Scrambler สำหรับท่องเที่ยงแบบเต็มรูปแบบ โดยดีไซน์ของตัวรถยังคงเอกลักษณ์แบบเดิมที่เป็นตัว 700 ซีซี แต่จะมีลูกเล่นความแตกต่างคือจะมาพร้อมกับดีไซน์การตกแต่งที่พร้อมให้ผู้ขับขี่นำออกไปเดินทางท่องเที่ยว เริ่มที่ด้านหน้าของตัวรถมาพร้อมชิลด์เล็ก ๆ ที่อยู่บริเวณเหนือไฟหน้า บริเวณตัวถังมีกระเป๋าใบน้อยติดตั้งอยู่ ด้านท้ายของตัวรถมีเหล็กท้ายรถที่รองรับการติดแร็คท้ายเพิ่มเติมของผู้ขับขี่ ขนาบข้างด้วยกระเป๋าสำหรับใส่สัมภาระที่มีการออกแบบร่วมกับแบรนด์ Givi มีขนาดความจุอยู่ที่ 17 ลิตรต่อใบ รวมสองข้างมีความจุทั้งหมด 34 ลิตร ในด้านของการจัดจำหน่ายตอนนี้จะวางขายที่ประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น โดยมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 1.8 ล้านเยน หรือตีมูลค่าเป็นเงินไทยประมาณ 405,140 บาท (ราคายังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ) สำหรับแฟน ๆ ชาวไทยที่สนใจก็อาจจะทำได้แค่ส่องสเปคไปก่อน เพราะยังไม่มีข่าวของการเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทย อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

2025 Tiger Sport 660 เปิดตัวมาแบบเงียบ ๆ ตามสไตล์แบบผู้ดีอังกฤษกับ สปอร์ตทัวร์ริ่งไซส์กลาง ที่มาพร้อมการออกแบบดีไซน์ที่ไม่ได้มีการปรับเปลื่ยนอะไรมากมายนัก

BMW M4 CS Edition VR46 เบิร์ดเดย์รอสซี่เพียง 46 คันเท่านั้น BMW M4 CS Edition VR46 รถยนต์จากค่ายใบพัดสีฟ้า BMW ที่มาพร้อมกับคอลเลคชันใหม่ เพื่อเฉลิมฉลองวันเกิดให้กับ ‘พ่อหมอ’ วาเลนติโน่ รอสซี่ เจ้าของแชมป์โลก 9 สมัย และในปัจจุบันนี้เจ้าตัวยังเป็นนักแข่งรถให้กับทางทีมโรงงาน BMW W Works โดยรถรุ่นพิเศษคันนี้มาพร้อมกับดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งพ่อหมอเองก็มีส่วนในการร่วมออกแบบ และเพิ่มความเป็นลิมิเต็ดด้วยการผลิตออกมาวางจำหน่ายเพียงรุ่นละ 46 คันเท่านั้น เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลองวันเกิดให้กับวาเลนติโน่ รอสซี่ทั้งทีจะเป็นของแบบธรรมดาก็คงจะไม่สมฐานะกับการเป็นค่ายรถยักษ์ใหญ่จากประเทศเยอรมนี ทาง BMW ได้ทำการส่ง BMW M4 รถโฉมโมเดลสปอร์ตซีดานที่มาพร้อมกันทั้งหมดสองรุ่นย่อยได้แก่ รุ่น Sport และ รุ่น Style สเปค และรายละเอียดของเครื่องยนต์ มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร สามารถรีดพละกำลังได้มากถึง 550 แรงม้า แรงบิดอยู่ที่ 650 นิวตันเมตร มาพร้อมเทคโนโลยี MTwinPower Turbo ที่เป็นเครื่องยนต์สมรรถนะระดับเดียวกันกับสนามแข่ง พ่วงมาด้วยเทอร์โบแบบ Mono-Scroll สองตัว ส่งพละกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ M Steptronic 8 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ M xDrive ที่สามารถปรับโหมดการขับขี่ได้ ทางค่ายเคลมอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 3.4 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้อยู่ที่ 302 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเทคโนโลยีของรถคันนี้ก็จัดให้ จัดใหญ่ และจัดเต็ม อาทิ ระบบ Active M Differential ที่ช่วยเพิ่มการยึดเกาะและการถ่ายกำลังขณะเข้าโค้ง, M Adaptive Suspension ระบบช่วงล่างแบบปรับอัตโนมัติให้เหมาะกับทุกสภาพถนน ดีไซน์การตกแต่งสไตล์ชัดแบบรอสซี่ เริ่มที่รุ่น Sport มาพร้อมกับตัวถังสี Marina Bay Blue metallic สีน้ำเงินเงา สวยสดใส มาพร้อมกับหมายเลข 46 ที่เป็นเบอร์ประจำตัว ขนาบด้านข้างทั้งสองฝั่งด้วยเฉดสี Tanzanite Blue metallic เพิ่มความโดดเด่นให้กับหมายเลข รถคันนี้มาพร้อมจุดเด่นคือมีแทบสีเหลืองพาดอยู่เหนือขอบประตู เพื่อเป็นการเพิ่มความโดดเด่นให้กับดีไซน์ของตัวรถ ถัดมากับรุ่น Style ที่มาพร้อมกับตัวถังสี Frozen Tanzanite Blue metallic แบบด้าน มาพร้อมกับหมายเลข 46 เช่นเดียวกับรุ่นแต่มาด้วยเฉดสี Frozen Marina Bay Blue metallic เพื่อเพิ่มความหรูหราให้กับตัวรถมากยิ่งขึ้น ก้านล้อตกแต่งด้วยสีเหลือง คาลิเปอร์เบรกสีเหลืองโดดเด่น ซึ่งสิ่งที่เหมือนกันของการตกแต่งทั้งสองรุ่นย่อยนี้คือ การใช้ดีไซน์ที่เน้นการใช้เฉดสีเหลืองเข้ามาเป็นองค์ประกอบหลัก อาทิ ก้านล้อฟอร์จ M light alloy แบบ V-spoke ที่ตกแต่งด้วยสีเหลืองสด ซึ่งก้านล้อยังทำหน้าที่ระบุตำแหน่งของจุ๊บลมยางตามสไตล์ของรถแข่ง ที่คาลิเปอร์เบรกสีเหลืองสดพร้อมโลโก้ M ที่เป็นการสื่อถึงสัญลักษณ์ของวาเลนติโน รอสซี หลังคาคาร์บอนพร้อมโลโก้ VR46 ฝากระโปรงท้ายพร้อมโลโก้ VR46 ในส่วนของด้านบนของตัวรถ มาพร้อมหลังคาแบบคาร์บอนที่เพิ่มความโดดเด่นด้วยโลโก้ VR46 ขนาดใหญ่ที่ถูกทับด้วยลายเซ็นของวาเลนติโน่ รอสซี่ และด้านท้ายบริเวณฝากระโปรงด้านหลังจะมาพร้อมกับตัวอักษร VR46 เพื่อตอกย้ำถึงความเป็นลิมิเต็ดของรถในโมเดลนี้ มาต่อกันที่ดีไซน์ภายในของตัวรถ ที่ยังคงเน้นด้วยจุดเด่นสีเหลืองต่อเนื่องมาถึงห้องโดยสาร และเน้นไปที่ความเป็นสปอร์ตอันเป็นเอกลักษณ์ เริ่มที่พวงมาลัยแบบ M Alcantara แบบสามก้าน พร้อนก้านล่างตัดตรงมาพร้อมกับด้ายตะเข็บเย็บสีเหลือง และมาร์กเกอร์สีเหลืองในตำแหน่ง 12 นาฬิกาเพื่อเพิ่มความเป็นสปอร์ตให้กับตัวรถ เบาะนั่ง M Carbon แบบบัคเก็ตซีทที่หุ้มด้วยหนัง Merino ในโทนสี Black/Night Blue และทางด้านของแผ่นรองไหล่ตกแต่งด้วย Alcantara สีเหลือง เพื่อเพิ่มความโดดเด่นในการตัดกับโทนสีหลักของตัวเบาะ พนักพิงมีจุดเด่นหนึ่งจุดได้แก่โลโก้ของ VR46 คอนโซลตรงกลางที่พาดยาวมาถึงอุโมงเกียร์ของตัวรถ ตกแต่งด้วยชิ้นงานในรูปแบบของคาร์บอน เพื่อเน้นความเป็นเอ็กซ์คลูซีฟให้กับผู้ที่ซื้อไปคอนโซลตรงกลางยังมาพร้อมกับหมายเลขรันนัมเบอร์ และสิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับผู้ซื้อคือการได้พบปะแบบส่วนตัวกับเจ้าของหมายเลข 46 อย่าง วาเลนติโน่ รอสซี่ ที่ VR46

พร้อมให้สาวกชาวไทยได้ซิ่งกันแล้ว All NEW KTM 390 DUKE เน็คเก็ตไบค์ไซส์กลาง มาพร้อมกับออกแบบดีไซน์ที่มีความดุดัน โฉบเฉี่ยว อีกทั้งยังเป็นรถที่มีเอกลักษณ์อย่างชัดเจน เน้นความคล่องตัวสูง แต่ยังคงความแข็งแกร่ง เพื่อรองรับการขับขี่แบบสปอร์ต และสมรรถนะที่เร้าใจเมื่อได้ขับขี่บนท้องถนน ที่สำคัญหากเทียบในตลาดพิกัดไม่เกิน 400 ต้องขอบอกเลยว่าคันนี้ล้ำสุด การออกแบบดีไซน์ที่ใส่แฟริ่งดูเต็มมากยิ่งขึ้น โมเดลใหม่ โมเดล 2023 การออกแบบดีไซน์ของโมเดล KTM 390 DUKE ใหม่นี้ที่ดูผิวเผินลักษณะของตัวรถก็มีขนาดเท่าเดิม แต่สิ่งใหม่ที่โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดได้แก่ ดีไซน์ไฟหน้ารูปแบบใหม่ที่เพิ่มความเฉียบคม ขนาบข้างด้วยไฟ Daytime Running Light แบบเส้นทั้งสองฝั่งเพื่อเพิ่มความเป็นสปอร์ต อีกทั้งโมเดลปี 2024 ใช้เฟรม Chromium-molybdenum แบบใหม่ ที่ปรับปรุงความแข็งแรงและน้ำหนักเบา ถังน้ำมันที่ออกแบบดีไซน์ใหม่ พร้อมแฟริ่งที่ออกแบบให้ช่วยระบายความร้อน และลดแรงต้านลมเพื่อให้การขับขี่ที่ดีมากยิ่งขึ้น และความสูงของเบาะลดลงเหลือเพียง 800 มม. จากเดิม 830 มม.ในปี 2023 เครื่องยนต์ใหม่ ความจุมากกว่าเดิมถึง 26 ซีซี เครื่องยนต์เทคโนโลยี LC4c สูบเดียว ระบายความร้อนด้วยน้ำขนาดเครื่องยนต์ 399 ซีซี ซึ่งเครื่องยนต์เจนใหม่นี้มีซีซีมากขึ้นถึง 26 ซีซี ที่มีน้ำหนักเบากว่า และแรงกว่าเดิม พละกำลังสูงสุดอยู่ที่ 45 แรงม้าที่ 8,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 39 นิวตันเมตร อีกทั้งยังผ่านมาตรฐานไอเสีย EURO5+ มาพร้อมเกียร์ 6 สปีด พร้อมระบบ Quickshifter และ Assist & slipper clutch หากเทียบกับ MT-03 แล้วต้องบอกให้ผู้อ่านเข้าใจเลยว่าคันนี้แรงกว่า ทอร์คหนักกว่าด้วย ระบบกันสะเทือนล่างพร้อมซิ่ง ระบบกันสะเทือนของตัวรถที่ทางค่ายติดตั้งมาให้เรียกได้ว่าใส่มาแบบจัดเต็ม โดยโช้คอัพทั้งด้านหน้า และด้านหลังจากแบรนด์ WP Suspension ด้านหน้าจะเป็นโช้คหัวกลับขนาด 43 ม.ม. WP Apex ที่สามารถปรับรีบาวด์และคอมเพรสชันได้ 5 ระดับ ขณะที่ด้านหลังเองก็เป็นโช้คเดี่ยว WP Apex ที่สามารถปรับรีบาวด์ และพรีโหลดได้ ในส่วนของระยะยุบทั้งด้านหน้า และด้านหลังเท่ากันที่ 150 มม. ส่วนระบบเบรกนั้นจะเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 320 มม.คู่กับคาลิเปอร์เบรกแบบเรเดียลเมาท์แบบ 4 ลูกสูบ ด้านหลังจะเป็นดิสก์เบรกขนาด 240 มม.กับคาลิเปอร์เบรกแบบลูกสูบเดียว ซึ่งในโฉมเก่าปี 2023 จานเบรกหลังขนาดเพียงแค่ 230 มม. เท่านั้น เพิ่มเติมเทคโนโลยีจัดเต็ม โมเดลที่กำลังจะจำหน่ายในไทยนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ต่าง ๆ เริ่มด้วยโหมดการขับขี่ 3 โหมดได้แก่ Rain, Street และ Track เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งการขับขี่ตามสภาพถนน ได้ตามความต้องการ บริเวณด้านหน้าของผู้ขับขี่มาพร้อมกับหน้าจอแบบ TFT ขนาด 5 นิ้วที่ออกแบบใหม่ พร้อมรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน และไฮไลท์สำคัญในโมเดลใหม่นี้เพิ่มระบบ Launch Control ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการออกตัวให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ALL NEW KTM 390 DUKE 2025 สีสันที่วางจำหน่าย Electronic Orange Atlantic Blue ราคาเดิมรุ่นเก่าแพงกว่า โฉมใหม่นี้ถูกกว่า ! พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้วอย่างเป็นทางการกับราคาที่ถูกลงกว่าโฉมก่อนหน้า โดยโฉมก่อนหน้าวางจำหน่ายที่ 219,800 บาท แต่ในโฉมปัจจุบันที่กำลังจะเข้าไทยนี้มีราคาอยู่ที่ 199,000 บาท เท่านั้น !! หากสนใจอยากครอบครองเน็คเก็ตไบค์คันนี้ก็สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์บริการ KTM ใกล้บ้านท่าน หรือคลิ๊กที่นี่ได้เลย อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Honda RS-X Winner พ่อบ้านไบค์ สไตล์สปอร์ต-อัลเดอร์โบน Honda RS-X Winner โมเดลใหม่จากฮอนด้าทางฝั่งประเทศมาเลเซีย หรือ Boonsiew Honda (BSA) ที่เป็นรถครอบครัวสไตล์สปอร์ต อัลเดอร์โบน ที่ในโมเดลนี้มีการปรับปรุงรายละเอียดบางอย่างเพียงเล็กน้อย พร้อมกับการใส่ออปชั่นฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ที่ตอบโจทย์การใช้งานมากยิ่งขึ้น เครื่องยนต์ และระบบช่วงล่าง เครื่องยนต์แบบสูบเดียว ระบายความร้อนด้วยน้ำขนาด 149.2 ซีซี พละกำลังสูงสุดอยู่ที่ 15.8 แรงม้าที่ 9,000 รอบต่อนาที แรงบิดอยู่ที่ 13.6 นิวตันเมตรที่ 7,000 รอบต่อนาที มาพร้อมระบบเกียร์แบบแมนนวล 6 สปีด พร้อมระบบ Assist & Slipper Clutch จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีดอัจฉริยะ PGM-FI พ่วงมาด้วยถังน้ำมันขนาด 4.5 ลิตร ระบบช่วงล่างของตัวรถคันนี้ด้านหน้าเป็นโช้คอัพแบบเทเลสโคปิก ด้านหลังเป็นโช้คอัพเดี่ยวทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม ระบบเบรกด้านหน้าของรถคันนี้เป็นแบบดิสก์เบรกเดี่ยวทั้งด้านหน้า และด้านหลัง พร้อมระบบ ABS (มีให้เฉพาะด้านหน้า) ติดตั้งอยู่บนล้อขนาด 90/80-17 M/C และ 120/70-17 M/C ทั้งด้านหน้า และด้านหลังตามลำดับ ฟีเจอร์การใช้งาน และเทคโนโลยี แม้จะเป็นรถบ้านในพิกัดไม่เกิน 150 ซีซี แต่ก็มาพร้อมเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่มีความน่าสนใจไม่น้อยเริ่มที่ระบบไฟส่องสว่างแบบ Full LED รอบคัน ระบบความปลอดภัยแบบ ABS ที่มีติดตั้งมาให้เฉพาะล้อหน้า ระบบสตาร์ทแบบ Smart Key System เพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมช่องชาร์จไฟแบบ USB บริเวณช่องเก็บของด้านหน้า ช่องจ่ายไฟแบบ USB ระบบกุญแจ Smart Key สีสันที่วางจำหน่าย สีน้ำเงิน สีแดง-ดำ สีเหลือง สีเขียว เห็นรถโมเดล Honda RS-X Winter ที่เปิดขายอย่างเป็นทางการในประเทศมาเลเซียก็อดทำให้นึกถึงอีกหนึ่งรุ่นจากค่ายส้อมเสียงไม่ได้ ‘Yamaha Exciter155’ รถสไตล์สปอร์ต อัลเดอร์โบนแบบเดียวกันกับ RS-X เป๊ะ ๆ ดีไซน์ก็มีความใกล้เคียงกัน ขนาดเครื่องยนต์ก็ดีขนาดใกล้กัน แต่ก็เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ทางไทยฮอนด้าไม่ประสงค์ที่จะทำตลาดรถโมเดลนี้ในบ้านเรา ในส่วนของราคาวางจำหน่าย Honda RS-X Winter มีราคาอยู่ที่ 9,998 ริงกิตมาเลเซีย ตีมูลค่าเป็นไทยประมาณ 75,900 บาท (ราคายังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) แฟน ๆ ชาวไทยที่อยากขี่รถโมเดลนี้ของฮอนด้าก็อาจจะทำได้แค่มอง เพราะมันไม่มาจำหน่ายในไทยแน่นอนจ้า อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Honda คลิก รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

2025 Kawasaki KLX230 Sherpa เอ็นดูโร่พกพา ขี่ง่ายคล่องตัว โมเดลล่าสุดจากค่าย ‘ยักษ์เขียว’ Kawasaki กับการเผยโฉม 2025 Kawasaki KLX230 Sherpa ที่มุ่งเน้นการออกแบบดีไซน์มาเพื่อตอบสนองกับความต้องการของผู้ขับขี่ไซส์เอเชีย ทำให้เรื่องของส่วนสูงที่สูงแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา สามารถขับขี่เจ้าโมเดลนี้ได้อย่างง่ายดาย การออกแบบดีไซน์ สไตล์ของรถคันนี้มาในแนวของรถวิบาก สีรถมาในโทนสีแนวเอิร์ธโทน (ประเทศไทยมีวางจำหน่ายเพียงสีสันเดียวคือสีเขียว) รูปร่างเพรียวบาง สามารถขับขี่ใช้งานได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น แฮนด์บาร์อลูมิเนียมมาพร้อมความแข็งแรง และน้ำหนักเบา ตัวเฟรมถูกออกแบบมาให้ยึดเกาะกับตัวผู้ขับขี่ทำให้ควบคุมตัวรถได้ดีมากยิ่งขึ้น รายละเอียดอื่น ๆ ของตัวรถ ไฟหน้าออกแบบดีไซน์ใหม่ ประกับแฮนด์ฝั่งซ้ายมาพร้อมปุ่มเปิด-ปิด ABS เครื่องยนต์มาพร้อมการ์ดป้องกันใต้ท้อง ดิสก์เบรกทั้งด้านหน้า และด้านหลัง สเปค และรายละเอียดของตัวรถ เครื่องยนต์ สูบเดียว ระบายความร้อนด้วยอากาศ ปริมาตรกระบอกสูบ 233 ซีซี แรงม้า (เคลม) 18 แรงม้าที่ 8,000 รอบต่อนาที แรงบิด (เคลม) 19 นิวตันเมตรที่ 6,400 รอบต่อนาที ขนาดกระบอกสูบ / ช่วงชัก 67 x 66 มม. อัตราส่วนการอัด 9.4:1 ระบบเกียร์ 6 สปีด ระบบจุดระเบิด ดิจิทัล ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีด ระบบสตาร์ท สตาร์ทมือไฟฟ้า ระบบคลัตซ์ คลัตซ์แบบเปียกหลายแผ่นซ้อนกัน ระบบส่งกำลังสุดท้าย โซ่ ยางหน้า 2.75-21″ 45P แบบใช้ยางใน ยางหลัง 4.10-18″ 59P แบบใช้ยางใน ระบบกันสะเทือนหน้า โช้คอัพแบบเทเลสโคปิก ขนาดแกน 37 มม. พร้อมระยะยุบตัว 200 มม. ระบบกันสะเทือนหลัง โช้คอัพเดี่ยวทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม พร้อมระยะยุบตัว 223 มม. เบรกหน้า ดิสก์เบรกเดี่ยวพร้อมคาลิเปอร์แบบสองลูกสูบ ขนาดจาน 265 มม. เบรกหลัง ดิสก์เบรกเดี่ยวพร้อมคาลิเปอร์แบบลูกสูบเดี่ยว ขนาดจาน 220 มม. กว้าง x ยาว x สูง 920 x 2,080 x 1,150 มม. ระยะฐานล้อ 1,365 มม. ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ 240 มม. ความสูงเบาะ 845 มม. น้ำหนักรถ 134 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 7.6 ลิตร ประเภทของน้ำมันที่เติมได้ N/A เทคโนโลยี ความปลอดภัยระบบเบรก ABS ทั้งด้านหน้า และด้านหลังพร้อมเปิด-ปิดได้ รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน สีสันที่วางจำหน่าย สีเขียว (Medium Smoky Green) สำหรับไบค์เกอร์ที่เป็นสายลุย แต่มีปัญหาเรื่องส่วนสูง เพราะรถประเภทนี้แต่ละครั้งก็สูง ๆ ทั้งนั้นแต่ก็เพื่อให้สามารถขับขี่ข้ามอุปสรรคได้อย่างไร้ปัญหา แต่ถ้าเป็นบุคคลประเภทมินิไซส์ก็ลองให้คันนี้เป็นคำตอบ ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถเพียง 240 มิลลิเมตร โดยราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 159,000 บาท หากสนใจจะเป็นเจ้าของก็สามารถสอบถามได้ที่ศูนย์บริการคาวาซากิใกล้บ้านท่านได้เลย อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Benda LFC700 ครุยเซอร์สี่สูบ ดุดัน ล้ำสมัย Benda LFC700 ครุยเซอร์ไบค์จากค่าย Benda แบรนด์รถจักรยานยนต์ยักษ์ใหญ่จากประเทศจีน โดยโมเดลนี้ถือเป็นสุดยอดการออกแบบของมอเตอร์ไซค์ครุยเซอร์จากทางค่าย เน้นการออกแบบดีไซน์ไปที่ความดุดัน มาพร้อมเทคโนโลยีของตัวรถต่าง ๆ ที่ล้ำสมัย และที่สำคัญตัวอักษร LFC ที่อยู่ในชื่อรุ่น ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับ ‘สโมสรลิเวอร์พูล’ ทีมจากลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษแต่อย่างใด จุดเด่นไฮไลท์ของตัวรถ ด้านหน้ารถมาพร้อมกับช่องดักอากาศทรงกลม ล้อหลังขนาดใหญ่ ด้านท้ายพร้อมตัวอักษร BENDA คาลิเปอร์เบรกจาก Brembo (หน้า-หลัง) หน้าจอสีแบบ TFT ขนาด 5 นิ้ว Benda LFC700 สเปค และรายละเอียดของตัวรถ เครื่องยนต์ สี่สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ปริมาตรกระบอกสูบ 676 ซีซี แรงม้า (เคลม) 84 แรงม้าที่ 9,000 รอบต่อนาที แรงบิด (เคลม) 60 นิวตันเมตรที่ 8,600 รอบต่อนาที ระบบวาล์ว DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก 67 x 48 มม. อัตราส่วนการอัด 11.4:1 ระบบเกียร์ 6 สปีด ระบบจุดระเบิด T.C.I ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีด ระบบสตาร์ท สตาร์ทไฟฟ้า ระบบคลัตซ์ คลัตซ์แบบเปียกหลายแผ่นซ้อนกัน ระบบส่งกำลังสุดท้าย โซ่ ยางหน้า 130/70-19 ยางหลัง 310/35-18 ระบบกันสะเทือนหน้า โช้คอัพแบบหัวกลับจาก KYB ขนาดแกนอยู่ที่ 43 มม. ระยะยุบอยู่ที่ 100 มม. ระบบกันสะเทือนหลัง โช้คอัพเดี่ยวจาก KYB พร้อมระยะยุบที่ 35 มม. เบรกหน้า ดิสก์เบรกคู่หน้าพร้อมคาลิเปอร์แบบสี่ลูกสูบจาก Brembo ขนาด 320 มม. เบรกหลัง ดิสก์เบรกเดี่ยวพร้อมคาลิเปอร์สองลูกสูบจาก Brembo ขนาด 260 มม. กว้าง x ยาว x สูง 880 x 2,440 x 1,100 มม. ระยะฐานล้อ 1,720 มม. ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ 160 มม. ความสูงเบาะ 700 มม. น้ำหนักรถ 287 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 17 ลิตร ประเภทของน้ำมันที่เติมได้ N/A เทคโนโลยี ระบบเบรก ABS หน้าจอสีแบบ TFT ขนาด 5 นิ้ว ช่องชาร์จไฟแบบ USB ภาพมุมอื่น ๆ ของตัวรถ โดยรถครุยเซอร์จากค่าย Benda โฉมนี้จะมีวางจำหน่ายเฉพาะพื้นที่ในประเทศยุโรป ซึ่งมีราคาวางจำหน่ายราคาเบื้องต้นอยู่ที่ 11,990 ยูโร หรือตีเป็นมูลค่าเงินไทยประมาณ 422,000 บาท (ราคายังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) หากให้หาคู่เปรียบเทียบกับรถโมเดลนี้ ถ้าหากให้นึกเร็ว ๆ สักหนึ่งแบรนด์คงเป็น Harley-Davidson Nightster ครุยเซอร์จากแบรนด์ฮาร์ลีย์ แม้ LFC700 จะมีซีซีที่น้อยกว่าแต่ทั้งคู่มีพละกำลังที่แทบจะใกล้เคียงกัน โดยราคาของ Harley-Davidson Nightster ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยจะอยู่ที่ 513,000 บาท หาก LFC700 เข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยราคารวมภาษีก็เกือบที่จะเท่าฮาร์ลีย์โฉมนี้แล้ว แถมไม่ต้องลุ้นด้วยว่าจะเข้าไทยเมื่อไหร่ ชอบแบบไหนก็ไปแบบนั้น อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

BMW S1000RR 2025 เผยโฉมอย่างเป็นทางการกับฉลามขาวจากค่ายใบพัดสีฟ้า มีการปรับปรุงดีไซน์ด้านหน้าให้มีความดุดัน พร้อมสร้างความเร้าใจให้ผู้ขับขี่

2025 Aprilia Shiver 900 เน็คเก็ตจากเทพสามตา มีขายแค่ในจีน 2025 Aprilia Shiver 900 เน็คเก็ตไบค์จากค่ายเทพสามตา ‘Aprilia’ ทีได้ทำการคืนชีพเจ้าโมเดล Shiver 900 อีกครั้งหลังจากที่โมเดลดังกล่าวถูกยุติการวางจำหน่ายไปในช่วงปี 2020 ด้วยสาเหตุที่ว่ารถคันนี้มียอดการทำตลาดไม่ดีเท่าที่ควร และการเปลี่ยนแปลงของมาตรฐานไอเสีย EURO5 ที่บังคับใช้ในประเทศทางยุโรป ทำให้เครื่องยนต์ V-Twin ของ Shiver ไม่ผ่านมาตรฐานไอเสียดังกล่าว หลังจากนั้นเมื่อเวลาผ่านพ้นไปกว่า 5 ปีนับหลังจากวันที่ประกาศยุติการจำหน่าย Aprilia ก็ได้เปิดตัวโมเดลใหม่ของปี 2025 ซึ่งจะมีการผลิต และวางจำหน่ายเฉพาะประเทศจีนเท่านั้น ภายใต้ความร่วมมือของ Piaggio (บริษัทแม่ของแบรนด์ Aprilia) และ Zongshen ผู้ผลิตแบรนด์รถจักรยานยนต์จากประเทศจีน เครื่องยนต์แบบ V-Twin 90 องศา ระบายความร้อนด้วยน้ำขนาดเครื่องยนต์อยู่ที่ 896 ซีซี พละกำลังสูงสุดอยู่ที่ 94 แรงม้าที่ 8,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 90 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที มาพร้อมเกียร์แบบ 6 สปีด จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีดที่พ่วงมาด้วยความจุถังน้ำมันขนาด 15 ลิตร และในโฉมใหม่นี้ยังผ่านมาตรฐานไอเสียของประเทศจีนอีกด้วย โครงสร้างตัวถังของรถคันนี้เป็นเฟรมเหล็กท่อคู่ ระบบกันสะเทือนล่างได้คุณภาพจากงาน KYB ด้านหน้าเป็นโช้คอัพแบบหัวกลับขนาดแกน 41 มิลลิเมตร สามารถปรับรายละเอียดในส่วนของพรีโหลด และรีบาวด์ได้ ระบบกันสะเทือนหลังเป็นโช้คอัพเดี่ยว ทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม สามารถปรับรายละเอียดในส่วนของพรีโหลด และรีบาวด์ได้เช่นเดียวกันกับด้านหน้า ระบบเบรกด้านหน้าเป็นแบบดิสก์เบรกคู่ พร้อมคาลิเปอร์จากโรงงานแบบสี่ลูกสูบขนาด 320 มม. อยู่บนล้อขนาด 120/70-ZR17 ด้านหลังดิสก์เบรกเดี่ยว พร้อมคาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยวขนาด 240 มม. อยู่บนล้อขนาด 180/55-ZR17 มาพร้อมระบบความปลอดภัย ABS ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ในพาร์ทของระบบเทคโนโลยีที่ติดมาพร้อมกับตัวรถ นอกจากระบบความปลอดภัย ABS ทั้งด้านหน้า และด้านหลังแล้วนั้น ยังมีไฟหน้าแบบ LED โหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ Sport, Touring และ Rain หน้าจอแสดงผลแบบ TFT สีเต็มรูปแบบ ระบบกุญแจแบบ Keyless พร้อมช่องเสียบชาร์จไฟแบบ USB ไฟหน้าแบบ LED ใช้เทคโนโลยีแบบ Keyless โลโก้โมเดล Shiver900 ไฟท้ายดีไซน์สปอร์ต สีสันที่วางจำหน่าย LAVA RED BRIGHT WHITE FROSTED GOLD STAR GREY คู่แข่งมีใครบ้าง ? ถึงแม้ว่าจะทำตลาด และวางขายในประเทศจีนเพียงอย่างเดียว แต่การแข่งขันภายในประเทศดังกล่าวก็สูงไม่แพ้ในพื้นที่อื่น ๆ ซึ่งถ้าวัดในพิกัดเครื่องยนต์ใกล้ ๆ กัน ชื่อที่อาจจะโดดเด่นมาเป็นอันดับ 1 ได้แก่ CFMoto 800NK ที่มาพร้อมเครื่องยนต์แบบสองสูบเรียง พละกำลัง 100 แรงม้า มากกว่าของ Aprilia ถึง 6 ตัว แต่มีราคาวางจำหน่ายที่ถูกกว่ากันถึง 24,800 หยวน โดย CFMoto 800NK มีราคาวางจำหน่ายอยู่เพียงแค่ 44,000 หยวน หรือตีมูลค่าเป็นเงินไทยราว ๆ 204,000 บาท หรือจะเป็นลูกครึ่งอิตาลี-จีน Benelli TNT899 ที่มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์สามสูบเรียง 898 ซีซี พละกำลัง 118 แรงม้า มากกว่าของ Aprilia แต่วางจำหน่ายด้วยราคาที่ถูกกว่า โดยมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 54,000 หยวน หรือตีเป็นเงินไทยประมาณ 250,000 บาท หรือจะเป็นค่ายร่วมประเทศอย่าง QJMotor SRK900 เครื่องยนต์สองสูบเรียง 895 ซีซี พละกำลังสูงสุด 95 แรงม้า มากกว่ารถจากค่าย Aprilia 1 ตัว

2025 Yamaha XMAX หั่นราคาหมื่นห้า หรือจะเจนสุดท้ายก่อนบายเธอ? 2025 Yamaha XMAX โฉมใหม่ล่าสุดเปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายในงานเปิดตัวของ Yamaha NMAX เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยการเปิดตัวใหม่ในหนนี้มีการปรับในเรื่องของสีสันที่วางจำหน่าย รวมไปถึงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อยในบางจุด แต่ไฮไลท์เด่นของการเปิดตัวครั้งนี้ คือการหั่นราคาวางจำหน่ายลงถึง 15,000 บาท โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ 300 ซีซี และช่วงล่าง แน่นอนว่าของคู่กันกับชายกลางในตระกูล MAX-Series ก็คงหนีไม่พ้นขุมพลังเครื่องยนต์เทคโนโลยี Blue Core สูบเดียว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดเครื่องยนต์ 292 ซีซี พละกำลังสูงสุด 28 แรงม้าที่ 7,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 29 นิวตันเมตรที่ 5,750 รอบต่อนาที มาพร้อมระบบเกียร์ CVT ผ่านมาตรฐานค่าไอเสีย EURO5 จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด พร้อมจุน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 13 ลิตร ระบบช่วงล่างของ Yamaha XMAX ในโฉมนี้ก็ยังคงเหมือนกับในโฉมก่อนหน้า โดยระบบกันสะเทือนหน้าเป็นโช้คอัพแบบเทเลสโคปิก และด้านหลังเป็นโช้คอัพคู่ทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม โดยระบบความปลอดภัยทั้งด้านหน้า และด้านหลังมาพร้อมกับดิสก์เบรกเดี่ยว พ่วงมาด้วยระบบความปลอดภัย ABS แบบ Dual Channel เพื่อการเบรกที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีระบบ Traction Control เพื่อป้องกันล้อล็อค จุดเด่นไฮไลท์ ช่องจ่ายไฟแบบ USB Type-C เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านแอพ Y-Connect ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ ใต้เบาะขนาดความจุ 13 ลิตร หน้าจอแบบ 2 ชั้นพร้อมระบบนำทาง Garmin โช้คอัพปรับใหม่ ซับแรงดีมากขึ้น สีสันที่วางจำหน่าย Silver Gray (สีเทา) Hyper Red (สีแดง) Smoky Gray (สีเทา) Dark Gray (สีดำ-เทา) Midnight Black (สีดำ) โดยราคาวางจำหน่ายของโมเดลใหม่นี้สำหรับชายกลางตระกูล MAX-Series มีการเปิดราคาวางจำหน่ายใหม่อยู่ที่ 176,100 บาท (มีการลดราคาวางจำหน่ายลงถึง 15,000 จากราคาวางจำหน่ายเดิมอยู่ที่ 191,100 บาท) พร้อมการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร สาวกชาว X ถ้าหาจังหวะช้อน นี่แหละถูกต้องที่สุดแล้ว อ่านข่าวอื่นๆ จาก Yamaha คลิกที่นี่ อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

2025 Yamaha WR250F ลายใหม่ พร้อมทะยานสู่ทางออฟโรด 2025 Yamaha WR250F ขาซิ่งในกลุ่มออฟโรดที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วในประเทศสหรัฐอเมริกา ในส่วนของดีไซน์ตัวรถนั้นจะยังคงมีความคล้ายคลึงกับโมเดล 2024 โดยจุดที่แตกต่างหลัก ๆ จะเป็นเพียงแค่สติ๊กเกอร์กราฟิกลวดลายของตัวรถเพียงเท่านั้น เครื่องยนต์ และช่วงล่างเดิม ในด้านของพละกำลังเครื่องยนต์ WR250F คันนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบเดียวกับโมเดลก่อนที่เป็นเครื่องยนต์สูบเดียว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดเครื่องยนต์อยู่ที่ 250 ซีซี มาพร้อมเกียร์แบบ 6 สปีดทำงานร่วมกับระบบส่งกำลังสุดท้ายด้วยโซ่ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีดพร้อมความจุถังน้ำมันขนาด 7.5 ลิตร ระบบกันสะเทือนยังคงใช้งานผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ KYB โดยด้านหน้าเป็นโช้คอัพแบบหัวกลับ ที่สามารถปรับค่าได้แบบเต็มระบบ มีระยะยุบตัวอยู่ที่ 299 มม. ด้านหลังเป็นโช้คอัพเดี่ยว ปรับค่าได้แบบเต็มระบบเช่นเดียวกันกับด้านหน้า มีระยะยุบตัวอยู่ที่ 304 มม. ระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ซึ่งด้านหน้าจับคู่กับจานเบรกขนาด 270 มม. พร้อมคาลิเปอร์เบรกแบบสองลูกสูบติดตั้งอยู่บนล้อขนาด 80/100-21 ด้านหลังจับคู่กับจานเบรกขนาด 240 มม. พร้อมคาลิเปอร์แบบลูกสูบเดี่ยว ติดตั้งอยู่บนล้อขนาด 110/100-18 โดยวงล้อมีสีน้ำเงินสีสันโดดเด่น ภาพรอบคันของตัวรถ สีสันที่วางจำหน่าย Team Yamaha Blue (สีน้ำเงิน) ในส่วนของราคาวางจำหน่ายในโมเดลใหม่นี้ มีจำหน่ายอยู่ที่ราคา 9,099 ดอลลาร์สหรัฐ หรือตีมูลค่าเป็นเงินไทยราว ๆ 308,000 บาท หากเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทย ก็คิดว่าน่าจะถูกใจวัยรุ่นสายลุยอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว อ่านข่าวอื่นๆ จาก Yamaha คลิกที่นี่ อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก