SuperBikeMag.Com ข่าวรถยนต์ รีวิวรถใหม่ รถยนต์ไฟฟ้า ข่าวรถจักรยานยนต์

ข่าวรถยนต์ รีวิวรถยนต์ รถไฟฟ้า EV รถยนต์เปิดตัวใหม่

ข่าวรถยนต์

No Posts Found!

No Posts Found!

รีวิวรถยนต์

Coming soon…

รถยนต์ไฟฟ้า

No Posts Found!

  • All Posts
  • รถไฟฟ้า
  • รถยนต์ไฟฟ้า (EV)
GPX Drone Electric

GPX Drone Electric ต้นแบบเพื่อการยกระดับยานยนต์สมัยใหม่ สำหรับค่ายจีพีเอ็กซ์ ถือเป็นอีกแบรนด์มอเตอร์ไซค์ที่หลายๆคนจับตามอง เพราะครองตำแหน่งยอดขายสูงสุดในไทย ติดอันดับ TOP5 มาอย่างต่อเนื่องหลายปี แถมยังมีการพัฒนาสินค้าจนสามารถส่งออกไปขายในตลาดต่างประเทศมากมาย และล่าสุดก็ได้มีโมเดลต้นแบบอย่าง GPX Drone Electric ที่ผลงานที่เกิดขึ้นจากการร่วมมือกับทางภาครัฐและภาคเอกชนมาให้เราได้เห็นกันแล้ว วันนี้เราได้รับข่าวดีถึงความเคลื่อนไหวของทางค่ายที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ “โครงการวิจัยและพัฒนาแพล็ทฟอร์มแพ็คแบตเตอรี่มาตรฐานแบบสับเปลี่ยนสำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ในประเทศไทย” โดยโครงการนี้ ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งทางหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานระดับมหาวิทยาลัย และ หน่วยงานภาคเอกชน รวมกว่า 9 หน่วยงานด้วยกัน เพื่อร่วมกันพัฒนาสิ่งประดิษฐ์แพ็คแบตเตอรี่ที่จะเป็นมาตรฐานเดียวกัน สำหรับใช้งานในประเทศไทย ปัจจุบันเราจะเห็นเทรนด์การใช้งานของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เกิดพลังงานสะอาดที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม  แต่ ณ ขณะนี้ รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ใช้งานอยู่ทั่วไปยังคงเป็นระบบชาร์จที่บ้าน หรือชาร์จที่สถานี ซึ่งยังจำเป็นต้องใช้ระยะเวลานานในการชาร์จต่อครั้ง โครงการนี้จึงเกิดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะพัฒนาระบบแบตเตอรี่ที่จะใช้กับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสู่การชาร์จที่อยู่ในระบบสถานี ซึ่งหากแบตเตอรี่ใกล้จะหมด ก็สามารถเข้าไปสู่สถานีชาร์จได้ และสามารถสลับเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้อย่างทันที โดยใช้เวลาในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ในระยะเวลาสั้น ๆ หรือไม่เกิน 5 นาทีเท่านั้น เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเดินทางต่อไปได้โดยไม่เสียเวลา   อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ายังคงมีความหลากหลาย แต่ละยี่ห้อก็มีการใช้แบตเตอรี่ในรูปแบบของตนเอง หรือมีความแตกต่างกันออกไป โครงการนี้จึงเข้ามาเพื่อวัตถุประสงค์ในการวิจัยและพัฒนาแพ็คแบตเตอรี่ที่จะเป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อกำหนดมาตรฐานให้แบตเตอรี่ของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าต่างยี่ห้อในประเทศไทย สามารถสับเปลี่ยน ใช้แบตเตอรี่ร่วมกันได้  โดยคำนึงถึงความเหมาะสมกับการใช้งานจริง และตอบโจทย์ความต้องการของผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ในประเทศไทย อีกทั้งยังส่งผลให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการผลิตได้   ทั้งนี้ทางจีพีเอ็กซ์ได้เข้ามาร่วมมีบทบาทในการวิจัยและพัฒนาครั้งนี้ โดยนำเอารถต้นแบบรุ่นเรือธงของค่าย อย่าง DRONE มาพัฒนาสู่ระบบไฟฟ้า ในรหัส DRONE Electric เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาของโครงการในครั้งนี้ ด้วยการร่วมออกแบบจุดวางแบตเตอรี่ และพัฒนาส่วนต่าง ๆ โดยคำนึงถึงปัจจัยสำหรับการใช้งานจริงในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้โครงการได้ก้าวเข้าสู่ขั้นตอนการทดสอบขับขี่และการใช้งานจริงสำหรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่ในสถานีแล้ว และหากโครงการนี้ประสบความสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าประโยชน์สูงสุดจะตกไปอยู่กับผู้ใช้งานรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในอนาคตอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม สำหรับความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ นับว่าเป็นสัญญาณที่ดี  โดยเฉพาะแฟน ๆ ของทางค่าย GPX ที่ได้เห็นผลงานรถต้นแบบคันนี้ เพราะด้วยดีไซน์ตัวรถที่ล้ำสมัยของโมเดลนี้ จนใครหลายๆคน บอกว่าอยากให้นำไปทำเป็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และถึงแม้จะยังคงเป็นเพียงรถต้นแบบเท่านั้น  แต่เชื่อเหลือเกินว่าพัฒนามาขนาดนี้แล้ว อนาคตต้องได้เห็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจากค่าย GPX อย่างแน่นอน แต่จะเป็นรุ่นนี้หรือไม่ และจะเปิดจำหน่ายเมื่อไหร่ คงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป ติดตามข่าวสารจากค่าย GPX  เพิ่มเติม ได้ที่นี่ https://gpxthailand.com https://www.facebook.com/gpxthailandofficial อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Fat Albert

Fat Albert สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสำหรับคนชอบขนเยอะ และนี่คือ Fat Albert ผลงานของวิศวกรชาวเยอรมัน Albert Ebenbichler ที่สร้างสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าขึ้นมาด้วยเป้าหมายในใจที่แปลกไม่เหมือนใครซึ่งก็คือเน้นการใช้งานจริงให้ได้มากที่สุด ซึ่งสำหรับคันนี้คือการขนส่งนั่นเอง สกู๊ตเตอร์ รถไฟฟ้า หรือพาหนะสองล้ออื่น ๆ มักจะเป็นตัวเลือกลำดับแรก ๆ ของผู้คนที่อาศัยและใช้ชีวิตในเขตชุมชนเมือง และสำหรับเจ้าอ้วนคันนี้มันก็เป็นรถที่ตอบโจทย์มาก ๆ เนื่องจากมันขี่ง่ายมาก ๆ แค่บิดก็พร้อมไป นอกจากนี้มันยังราคาไม่แพงมากแถมยังใช้ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาน้อย และยังประหยัดมาก ๆ ด้วยเพราะมันให้ระยะทางการใช้งานที่ค่อนข้างไกลต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และเมื่อเป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าก็ยิ่งจะตอบโจทย์คนที่กำลังมองหาเรื่องของความยั่งยืนและอะไรที่ใช้งานได้จริง ซึ่งนั่นแหละคือสิ่งที่วิศวกรชื่อเดียวกับรถพูดถึง ซึ่งเขาได้ทำการออกแบบให้ตัวรถมีช่องเก็บของใต้เบาะนั้นมีขนาดใหญ่มากเท่าที่จะทำได้ภายใต้แนวคิด สนุกที่จะขน ทำให้เจ้าคันนี้มีช่องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่มาก ๆ อยู่บริเวณกลางตัวรถ มาถึงตรงนี้ผมเชื่อว่าบางคนน่าจะเคยเห็นคลิปวิดีโอที่มีนักเดินทางในสนามบินที่มาพร้อมกระเป๋าเดินทางที่คุณสามารถนั่งขี่มันได้เหมือนรถ ซึ่งก็คล้าย ๆ กับเจ้าคันนี้เลยทีเดียว เพราะเจ้าคันนี้จุของได้มากถึง 70 ลิตรเลยทีเดียว มากพอที่จะใส่กระเป๋าสัมภาระใบเล็กได้ 2 ใบเลย ซึ่งทางผู้ออกแบบก็บอกว่าการทำให้มันจุของได้เยอะก็เลยทำให้มันต้องเสียความสบายไปเสียหน่อย คือไม่สามารถขึ้นรถแบบสกู๊ตเตอร์ปกติได้ ต้องวาดขาขึ้นคร่อมเหมือนมอเตอร์ไซค์ที่ติดถังน้ำมันด้านหน้า แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะว่าเบาะนั่งมันเตี้ย คนขี่ร่างเล็กก็ไม่ใช่ปัญหา สำหรับเรื่องของสมรรถนะกันบ้าง ตัวรถติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 3 กิโลวัตต์หรือประมาณ 4 แรงม้า ซึ่งทำให้สามารถวิ่งได้สูงสุดประมาณ 45 กม./ชม. ซึ่งเหมาะกับนักบิดอายุน้อย ส่วนแบตเตอรี่นั้นจะเป็นขนาด 60 โวลต์ 20 แอมป์ชั่วโมง ซึ่งช่วยให้เดินทางได้ไกลราว ๆ 120 กม./ชม.ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง โดยต้องใช้เวลา 4 ชั่วโมงในการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มผ่านระบบชาร์จธรรมดา และสิ่งที่น่าสนใจคือสกู๊ตเตอร์คันนี้ได้รับการเข้าชิงรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติเยอรมนีอีกด้วย ส่วนการจำหน่ายนั้นรเมต้นที่ 4,970 ยูโรหรือราว ๆ 185,000 บาท ซึ่งก็ออกจะดูแพงมากสำหรับบ้านเรา แต่สำหรับเยอรมันที่รายได้เฉลี่ยสูงแล้วก็ถือว่าราคาไม่ได้แพงมาก อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Verge Mika Häkkinen Edition

Verge Mika Häkkinen Edition รถไฟฟ้าสุดแรงโดยอดีตแชมป์ F1 ย้อนกลับไปในเดือนพฤศจิกายนปี 2019 หลาย ๆ คนน่าจะได้เห็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า Verge TS โดยบริษัทผู้ผลิตสัญชาติฟินแลนด์ ที่มีสมรรถนะสูงมากทีเดียว และต่อมาก็มีรุ่น Ultra ออกมาซึ่งมีสมรรถนะสูงเทียบกับกับรถซูเปอร์ไบค์ที่ใช้น้ำมันเลยทีเดียว ซึ่งก็คาดว่าจะส่งมอบให้ลูกค้าได้ภายในปีนี้ แต่เท่านั้นยังไม่พอทางค่ายยังได้เตรียมส่ง Verge Mika Häkkinen Signature Edition ที่เป็นผลงานร่วมกันกับอดีตแชมป์โลก F1 สองสมัยที่จะผลิตขึ้นจำหน่ายแบบจำนวนจำกัดเพียง 100 คันเท่านั้น โดยเจ้าโมเดลพิเศษนี้จะมีพื้นฐานมาจากรุ่น TS Pro ที่เดิมก็มีดีไซน์ที่ปราดเปรียว ล้ำสมัย สื่อถึงเทคโนโลยี นวัตกรรมและความเป็นรถไฟฟ้าที่โดดเด่น และมีการดีไซน์ปรับปรุงเพิ่มเติมในแบบที่อดีตแชมป์โลก F1 มาดีไซน์เพิ่มเติมให้มีความพิเศษและลงตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งโมเดลนี้จะมีจุดเด่นคือระบบกันสะเทือนทั้งหมดทำสีดำทั้งหมด มีเพลตลายเซ็นพร้อมรันซีเรียลนัมเบอร์จาก 001 – 100 ไม่ซ้ำกัน ตัวรถมาในชุดสีเทาเข้มและสีเงิน มีชิ้นส่วนที่โชว์เนื้องานคาร์บอนไฟเบอร์เพิ่มความดุดัน ตัวรถเคลือบเซรามิกมาให้เลย เบาะหนังเกรดไฮเอนด์สองเนื้อ และพิเศษสุดซองหนังสุดพรีเมี่ยมสำหรับใส่คีย์การ์ดสำหรับใช้งานแทนกุญแจรถปกติ ตัวรถใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบฮับเลสที่อยู่ในตัวล้อหลังเป็นตัวขับเคลื่อน ทำให้ตัวรถมีพื้นที่สำหรับเก็บแบตเตอรี่มากขึ้น รวมถึงมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ อีกทั้งยังทำให้ไม่ต้องใช้ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวจำพวกโซ่ เฟืองหรือสายพานอีกด้วย ทำให้รถดูคลีนและเท่ยิ่งขึ้นไปอีก โดยเจ้ามอเตอร์ดังกล่าวมีขนาด 102 กิโลวัตต์หรือเทียบเท่า 136.8 แรงม้า และยังให้กำลังแรงบิดสูงถึง 1000 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นจุดเด่นของมอเตอร์ไฟฟ้า และรถไฟฟ้าส่วนมาก ทางค่ายเคลมมาว่ามีความเร็วสูงสุดถึง 200 กม./ชม. ทำความเร็วจาก 0 – 100 กม./ชม. ได้ใน 3.5 วินาที ตัวแบตเตอรี่สามารถชาร์จจาก 0 – 80% หรือชาร์จแบบฟาส์ตชาร์จได้ในเวลาเพียง 35 นาที โดยแบตเตอรี่ดังกล่าวให้ระยะพิสัยการใช้งานอยู่ที่ 350 กม.เลยทีเดียว สำหรับช่วงล่างนั้นด้านหน้าจะมีโช้คหัวกลับ และด้านหลังเป็นโช้คเดี่ยว ระบบเบรกที่ใช้หยุดรถสุดแรงคันนี้จะเป็นดิสก์เบรกคู่จาก Galfer ขนาด 320 ม.ม.คู่กับคาลิเปอร์เบรก Brembo M4.32 ซึ่งมี 4 ลูกสูบ ส่วนด้านหลังจะเป็นดิสก์เบรก Galfer เฉพาะรอบนอกขนาด 380 ม.ม.ทำงานร่วมกับคาลิเปอร์เบรกของทาง Verge เอง ส่วนยางจะเป็น Pirelli Diablo Rosso III เรียกว่าเป็นรถไฟฟ้าที่ดีไซน์ล้ำ นวัตกรรมสุดทันสมัย ตลอดไปจนถึงความแรงที่น่าจะตอบโจทย์ผู้ชอบความเร็วกันอย่างแน่นอน แต่ราคานั้นสตาร์ทที่ 80,000 ยูโร หรือราว ๆ 3 ล้านบาทแบบยังไม่รวมภาษี งานนี้ใครเงินเหลือก็ซื้อมาอวดสาวกันได้นะครับ อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

ราคาและสเปครถยนต์

No Posts Found!

No Posts Found!