spot_img
spot_img
spot_img
spot_img

Nardò Technical Center ใหญ่..ไม่ใหญ่ มองเห็นได้ชัดจาก Google Earth

Nardò Technical Center ใหญ่..ไม่ใหญ่ มองเห็นได้ชัดจาก Google Earth

Nardò Technical Center
ขนาดพื้นที่เท่ากับนิคมอุตสาหกรรม

ถ้าให้เลือกซูเปอร์ไบค์คันโปรดไปซิ่งที่สนาม Nardò Technical Center คุณจะเลือกรุ่นอะไร? แน่นอนว่าไอแผนที่ลักษณะเป็นวงแหวนใหญ่ ๆ ใจกลางเมืองนาโด้อยู่บริเวณทางตอนใต้ของอิตาลี ที่มีเส้นรอบวงเป็นทางโค้งยาวถึง 12.6 กม. และไม่ต้องเอ๊ะใจไปเพราะนั่นก็คือแทร็กสำหรับการเทสท็อปสปีดของรถซูเปอร์ไบค์หรือซูเปอร์คาร์ระดับโลก..ถูกล้วนผ่านด่านแห่งนี้มาแล้วทั้งสิ้น

Nardò Technical Center
Porsche Engineering เจ้าของรายปัจจุบันของสนามแห่งนี้

ด้วยโครงสร้างของสนามที่เป็น High-Speed Ring มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 กม. ซึ่งมีพื้นที่พอ ๆ กับนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ บวกกับระยะความกว้างของแทร็กที่แบ่งเป็น 2 ส่วนก็คือ วงนอก สำหรับรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ (มี 4 เลน) และวงใน สำหรับรถบรรทุก (กว้าง 9 เมตร) จึงเหมาะสมกับการทดสอบรถสมรรถนะซีซีสูง ๆ หรือเก็บลิมิตยานยนต์ได้เต็มรูปแบบ โดยเจ้าของรายปัจจุบันก็ไม่ใช่ใครอย่าง Porsche Engineering ซึ่งก็อยู่ในเครือของ Volkswagen Group นั่นเอง

Nardò Technical Center

และคุณสมบัติพิเศษของแทร็กที่ออกแบบให้มีความเอียงทำให้รถสามารถวิ่งได้ถึง 240 กม./ชม. (เลนนอกสุด) แบบปกติ (วิ่งโดยไม่ต้องหมุนพวงมาลัย) ส่วนถ้าหากใครที่อยากลิมิตแบบสุด ๆ ต้องเช่าสนามแบบส่วนตัวนะจ๊ะ

และนอกจากนี้ ศูนย์แห่งนี้ยังมีสนามและสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมกว่า 20 สนามสำหรับการทดสอบยานยนต์ในรูปแบบต่าง ๆ อีกด้วย อาทิเช่น ทดสอบท็อปสปีด, ทดสอบอัตราเร่งและเบรก, ทดสอบช่วงล่าง การเสียดทานและเสียง, ทดสอบระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงระบบอื่น ๆ ทั้ง Heat Mapping, Duration Testing, Reliability Testing, Tire Wear Testing, ทดสอบระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ (ADAS), ระบบขับเคลื่อน (Driveline), อากาศพลศาสตร์ และ Midnight Test

เคยเป็นสนามแข่งมอเตอร์ไซค์มาก่อนหรือไม่ ?

สนามแห่งนี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ อย่างจำพวกโมโตจีพี เวิร์ลซูเปอร์ไบค์ หรือเอนดูรานซ์ อะไรทำนองนั้น เพราะมันไม่ได้มีจุดที่นักแข่งจะชิงความได้เปรียบเหมือนสนามทั่วไป ไม่มีจุดเซฟตี้ความปลอดภัยและค่อนข้างอันตรายอยู่สมควร แต่ทว่ามีการนำมอเตอร์ไซค์เข้ามาทดสอบความเร็วและทำสถิติอยู่หลายครั้งทีเดียว 

อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ การปรับปรุงครั้งใหญ่ในช่วงปี 2018 ที่ได้มีการติดตั้งสถานีชาร์จไฟแรงสูง 800V เพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้าทั้งสองล้อและสี่ล้อ เพราะฉะนั้นสนามดาโด้จึงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนายานยนต์ในอนาคตอย่างแน่นอน

เอาหล่ะ…คิดได้หรือยัง ว่าจะเอารถคันไหนไปวิ่งสนามแห่งนี้ดี?

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

- Advertisement -
Joe Superbike
Joe Superbikehttp://www.superbikemag.com
นักเขียน "หัวใจสีเขียว" ที่ชื่นชอบรถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกเป็นชีวิตจิตใจ และมาโลดแล่นในวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก

บทความยอดนิยม

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่