SuperBikeMag.Com ข่าวมอเตอร์ไซค์ รีวิวมอเตอร์ไซค์ รถจักรยานยนต์ บิ๊กไบค์

WorldSBK 2026

WorldSBK ปี 2026 มีอะไรน่าดู!

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ศึก World Superbike Championship รายการแข่งรถโปรดักชันระดับโลก อาจถูกมองว่าเป็นลีกชั้นรองเมื่อเทียบกับรายการภายใต้ผู้จัดเดียวกัน ทว่า WorldSBK 2026 ที่กำลังมาถึง กลับเต็มไปด้วยสัญญาณเปลี่ยนแปลงสำคัญ ทั้งไลน์อัพนักบิดชุดใหม่จากหลากหลายชาติ การรุกเจาะตลาดเอเชีย และกระแสข่าวการเข้าร่วมของแบรนด์น้องใหม่ จนทำให้หลายคนตั้งคำถามว่านี่อาจคือจุดเปลี่ยนที่จะยกระดับเกมการแข่งขันให้ดุเดือดขึ้น และปลุกกระแสความนิยมในบ้านเราอีกครั้งด้วยปัจจัยสำคัญต่อไปนี้

WorldSBK 2026 การมาของผู้จัดรายการแข่งขันรถสูตร 1 (F1)

การมาของผู้จัดแข่งขันหน้าใหม่อย่าง Liberty Media ซึ่งเข้าถือสิทธิ์ MotoGP และ WSBK ผ่านการซื้อกิจการ Dorna ด้วยมูลค่าราว ๆ 1.5 แสนล้านบาท ทำให้หลายฝ่ายคาดหวังว่าบรรยากาศของศึกซูเปอร์ไบค์จะถูกยกระดับแบบเดียวกันกับรายการรถสูตร 1 อย่าง Formula 1 ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องราวที่เน้นดราม่าไม่ใช่เพียงการแข่งขันเท่านั้น รวมถึงการทำคอนเทนต์ให้เข้าถึงแฟนคลับรุ่นใหม่ หรือการออกแบบประสบการณ์ในสนามแข่งให้รู้สึกเป็นอีเวนต์ระดับโกลบอลมากกว่าการแข่งมอเตอร์ไซค์ธรรมดา 

สำหรับในมุมของ WorldSBK 2026 นั่นหมายถึงโอกาสที่จะเห็นเกมแข่งขันที่ดุเดือดขึ้น ดราม่ามากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการขยายฐานคนดูกลุ่มใหม่ ๆ ทั่วโลกโดยเฉพาะตลาดเอเชียที่นิยมรถมอเตอร์ไซค์เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก 

เพราะฉะนั้น มีโอกาสที่จะถูกยกระดับไปพร้อมกับกระแสโมโตจีพีหรืออาจมีรูปแบบอีเว้นต์ใหม่ อาทิ ส่งไวด์การ์ดนักแข่ง WSBK ขึ้นไปขี่โมโตจีพี เอา เปกโก้ บัญญาญ่ามาขี่ V4R หรือเชิญนักบิดตำนานอย่าง คาร์ล โฟร์กาตี้ มาขี่แข่งกับ R9 ก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น

การโอนย้ายนักบิด Motogp สู่สนาม WSBK

WorldSBK 2026

ฤดูกาลหน้าปะทะมันส์อย่างแน่นอน ด้วยการมาของเหล่านักบิดจากทางฝั่งโมโตจีพีอย่าง Miguel Oliveira ที่พึ่งหมดสัญญากับ Yamaha Pramac มาสู่ค่าย BMW Motorrad และการจับคู่กับ Danilo Petrucci นักบิดโมโตทูอย่าง Jake Dixon และนักแข่งขวัญใจขาวไทยอย่าง ก้อง สมเกียรติ จันทรา ที่พึ่งไปเก็บประสบการณ์ในสนามโมโตจีพีมาแล้ว และด้วยประสบการณ์ของนักแข่งเหล่านี้ จะช่วยยกระดับความมันส์มากยิ่งขึ้น

ด้วยฐานแฟนคลับอันเหนียวแน่นของน้องก้องที่สั่งสมมา ทั้งจากไทยและต่างประเทศ ผสมกับการเข้ามาของเหล่านักบิดชื่อดังจากหลายมุมโลกในกริดเดียวกัน ทำให้การเปิดตัวครั้งนี้กลายเป็นเชื้อไฟสำคัญในการสร้างกระแสคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบ ทั้งคลิปไฮไลต์ บทวิเคราะห์ เจาะสถิติ ไปจนถึงคอนเทนต์เบื้องหลังในมุมที่แฟน ๆ ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นสื่อหลักหรือเพจคอมมูนิตี้ต่างก็พร้อมหยิบเรื่องราวของก้องและ Honda HRC ไปต่อยอด เล่าในมุมมองของตัวเอง ซึ่งทั้งหมดนี้มีส่วนอย่างมากในการขยายฐานผู้ชมและเพิ่มรัศมีความนิยมของทั้งตัวนักแข่ง ทีมแข่ง และศึก WSBK ให้เติบโตขึ้นไปพร้อมกัน

WorldSBK 2026

ด้วยฐานแฟนคลับอันเหนียวแน่นของน้องก้องที่สั่งสมมา ทั้งจากไทยและต่างประเทศ ผสมกับการเข้ามาของเหล่านักบิดชื่อดังจากหลายมุมโลกในกริดเดียวกัน ทำให้การเปิดตัวครั้งนี้กลายเป็นเชื้อไฟสำคัญในการสร้างกระแสคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบ ทั้งคลิปไฮไลต์ บทวิเคราะห์ เจาะสถิติ ไปจนถึงคอนเทนต์เบื้องหลังในมุมที่แฟน ๆ ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นสื่อหลักหรือเพจคอมมูนิตี้ต่างก็พร้อมหยิบเรื่องราวของก้องและ Honda HRC ไปต่อยอด เล่าในมุมมองของตัวเอง ซึ่งทั้งหมดนี้มีส่วนอย่างมากในการขยายฐานผู้ชมและเพิ่มรัศมีความนิยมของทั้งตัวนักแข่ง ทีมแข่ง และศึก WSBK ให้เติบโตขึ้นไปพร้อมกัน

รถจีน > ผู้ท้าชิงใหม่

WorldSBK 2026

กระแสข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับการที่ CFMoto เตรียมปล่อยซูเปอร์ไบค์สเปคโรงงานอย่าง V4 SR-RR พิกัดแรงม้าเกิน 210 ตัวลงสู่รายการรุ่นใหญ่ โดยการมาของ V4 จาก CFMoto จึงกลายเป็นตัวแปรลึกลับที่ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าจะแรงจริงแค่ไหน ทั้งในแง่สมรรถนะบนแทร็กและศักยภาพด้านเทคโนโลยี

แต่สิ่งที่แน่นอนคือ การมีผู้เล่นหน้าใหม่จากจีนอาจทำให้เกมการแข่งขันรุ่นคลาสใหญ่สุดในปี 2026 ดูเข้มข้นและน่าจับตามองยิ่งขึ้น เพราะไม่ใช่แค่ศึกแข่งขันระหว่างรถยุโรปกับญี่ปุ่นอีกต่อไป แต่คือเวทีพิสูจน์ว่า จีน พร้อมแทรกตัวขึ้นมาเป็นขั้วอำนาจใหม่ในสมรภูมิโลกสองล้อความเร็วสูงจริงหรือไม่

เปลี่ยนชื่อ ขยับรุ่น (WorldSPB)

WorldSBK 2026

FIM ประกาศจัดตั้งคลาสใหม่ World Sportbike Championship (WorldSPB) อย่างเป็นทางการสำหรับฤดูกาล 2026 เพื่อเข้ามาแทนที่คลาส WorldSSP300 เดิมในฐานะคลาสรองของศึก WorldSBK หรือเวิลด์ซูเปอร์ไบค์ชิงแชมป์โลก การปรับโครงสร้างครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างบันไดการพัฒนานักบิดที่ชัดเจนและต่อเนื่องมากขึ้น จากรุ่นเริ่มต้น ไปสู่ World Supersport (WorldSSP) และรุ่นใหญ่ WorldSBK ในอนาคต

คลาส WorldSPB จะเน้นใช้รถสปอร์ตพิกัดกลางที่วางขายจริงในท้องตลาดหรือที่เรียกกันว่ามิดเดิ้ลเวท ซึ่งให้สมรรถนะเหนือกว่า WorldSSP300 ชัดเจน (ขยับไปใช้รถสปอร์ตคลาสกลางรระหว่าง 400 – 700 ซีซี) แต่ยังคอนโทรลงบประมาณและการแข่งขันไม่ให้หลุดเอื้อม ทั้งยังออกแบบมาเพื่อดึงดูดผู้ผลิตมากขึ้น เพราะสามารถนำโมเดลยอดนิยมอย่างสายสปอร์ตพิกัดไซส์กลางมาใช้แข่งได้โดยตรง

Suzuki ส่งแข่ง

ค่ายคนเดือดเตรียมกลับเข้าสู่การแข่งขันอีกครั้งในปี 2026 หลังห่างหายไปพักใหญ่ทีเดียว โดยคราวนี้เลือกเริ่มต้นบทใหม่ในคลาส World Sportbike Championship (WorldSPB) แทนที่จะลงตรงในรุ่นใหญ่ WSBK เหมือนในอดีต การกลับมาครั้งนี้ใช้รถสปอร์ตพิกัดกลางรุ่น GSX-8R ลงทำศึก ภายใต้ทีม VLR Racing Team Suzuki พร้อมไลน์อัปนักบิดดาวรุ่งอย่าง Jeffrey Buis แชมป์โลก WorldSSP300 สองสมัย และ Kas Beekmans ที่สร้างผลงานโดดเด่นในรายการสปอร์ตไบค์ระดับประเทศมาก่อนหน้า ทำให้การคัมแบ็กของ Suzuki ถูกจับตามองอย่างมาก

ด้านตัวรถ GSX-8R เองก็ถือเป็นอาวุธรุ่นใหม่ของค่าย ที่ใช้เครื่องยนต์พาราเรลทวินขนาดราว 776 ซีซี DOHC ให้แรงบิดจัดและการส่งกำลังที่ต่อเนื่อง เหมาะกับคาแรกเตอร์การแข่งในคลาสมิดเดิลเวตของ WorldSPB ซึ่งเน้นรถใกล้เคียงกับรุ่นจำหน่ายจริง ช่วงล่างและอิเล็กทรอนิกส์ถูกปรับให้บาลานซ์ทั้งการขี่ในสนามและบนถนน จนกวาดผลงานแชมป์ในรายการสปอร์ตไบค์ระดับชาติอย่าง Pirelli National Sportbike Championship มาแล้ว ก่อนจะยกระดับขึ้นสู่เวทีโลกในปี 2026

กฎน้ำหนักใหม่ เน้นความเท่าเทียม

จากกฎข้อบังคับฉบับใหม่ มีการกำหนดให้น้ำหนักรวมของรถที่ใช้เครื่องยนต์ 2 สูบ อาทิ Ducati Panigale V2 ต้องมีน้ำหนักมากกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ (CBR600R,Kawasaki ZX-6R 636, QJ Motor SRK 800 RR) อยู่ที่ 6 กก. 

แนวคิดสำคัญของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือการ “ถ่วงดุล” สมรรถนะของแต่ละรูปแบบเครื่องยนต์ เพราะโดยธรรมชาติแล้ว เครื่องยนต์ 2 สูบมักมีแรงบิดจัดในรอบต่ำถึงกลาง ออกโค้งดี เร่งต้นไว ขี่ง่าย ในขณะที่ 4 สูบจะเด่นที่รอบปลายและความเร็วสูงสุด การเพิ่มน้ำหนักให้ฝั่ง 2 สูบจึงเป็นการพยายามลดข้อได้เปรียบด้านการเร่งและความคล่องตัว เพื่อให้ศักยภาพโดยรวมของรถแต่ละแบบอยู่ในกรอบที่ใกล้เคียงกันมากขึ้น

ปีสุดท้ายของ Pirelli

WorldSBK 2026

สถานะของ Pirelli ในฐานะผู้ผลิตยางประจำศึก WorldSBK จะยังคงเดินหน้าต่อไปตลอดฤดูกาล 2026 แบบ “ยางสเปคเดียวทั้งสนาม” หรือ Single Tyre Supplier นั่นหมายความว่าทุกคลาสในแพดด็อก WorldSBK ไม่ว่าจะเป็น WorldSBK, WorldSSP หรือคลาสรองอื่น ๆ จะต้องใช้ยางจาก Pirelli ทั้งหมดเหมือนเดิม ช่วยให้มาตรฐานการแข่งขันยังคงเสถียรต่อเนื่อง หลังจากที่ Pirelli รับหน้าที่เป็นผู้ผลิตยางหลักของรายการนี้มาตั้งแต่ปี 2004 จนกลายเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของ WorldSBK ไปแล้ว

อย่างไรก็ดี ฤดูกาล 2026 จะถือเป็นปีสุดท้ายของยุค Pirelli เพราะตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป จะเป็นคิวของ Michelin เข้ามารับหน้าที่เป็นผู้ผลิตยางแต่เพียงผู้เดียวให้ทุกคลาสในรายการแทน ภายใต้สัญญาระยะยาวถึงอย่างน้อยปี 2031 ขณะที่ Pirelli เองก็จะย้ายโฟกัสไปเป็นซัพพลายเออร์หลักของ MotoGP ในช่วงเวลาเดียวกัน เรียกได้ว่าเป็นการสลับเวทีระหว่างสองแบรนด์ยางยักษ์ใหญ่ของโลกส่งผลให้ปี 2026 เป็นซีซันสำคัญที่ทั้งทีมแข่งและผู้จัดสามารถเก็บข้อมูล เปรียบเทียบ และเตรียมตัวรับยุคใหม่ของยาง Michelin ใน WorldSBK ได้อย่างเป็นขั้นตอน

ทิศทางเทคโนโลยีใหม่จากสนามแข่งสู่รถโปรดักท์ชัน

เมื่อฝั่ง MotoGP กำลังก้าวเข้าสู่ยุคเครื่องยนต์และแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการหันไปใช้ เครื่อง V4 มากขึ้น หรือการพัฒนาแอโรไดนามิกขั้นสูง ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ย่อมส่งแรงสะเทือนมาถึงโลกของ WorldSBK ทั้งแพ็กเกจแอโร่ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งหมดนี้จะค่อย ๆ ทะยอยลงมาปรากฏในรถ WorldSBK มากขึ้น

เมื่อลองมองภาพรวมของทั้ง ข้อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนมือผู้จัด การย้ายค่ายของนักแข่งระดับโลก การเดบิวต์ของนักบิดไทย การเข้ามาของผู้เล่นหน้าใหม่อย่าง CFMoto การเปิดคลาส WorldSPB การคัมแบ็คของ Suzuki กฎระเบียบใหม่ด้านน้ำหนัก การเปลี่ยนยุคผู้ผลิตยาง ไปจนถึงทิศทางเทคโนโลยีและโอกาสของตลาดเอเชีย ทั้งหมดนี้กำลังประกอบร่างกันเป็นกระแสครั้งใหญ่ที่อาจทำให้ WorldSBK 2026 กลายเป็นหนึ่งในฤดูกาลที่น่าจับตามองที่สุดในรอบหลายปีทีเดียวครับ

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Joe Superbike

นักเขียน "หัวใจสีเขียว" ที่ชื่นชอบรถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกเป็นชีวิตจิตใจ และมาโลดแล่นในวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก

บทความยอดนิยม

ข่าวล่าสุด

WorldSBK 2026 มีอะไรน่าดู!

WorldSBK 2026

WorldSBK ปี 2026 มีอะไรน่าดู!

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ศึก World Superbike Championship รายการแข่งรถโปรดักชันระดับโลก อาจถูกมองว่าเป็นลีกชั้นรองเมื่อเทียบกับรายการภายใต้ผู้จัดเดียวกัน ทว่า WorldSBK 2026 ที่กำลังมาถึง กลับเต็มไปด้วยสัญญาณเปลี่ยนแปลงสำคัญ ทั้งไลน์อัพนักบิดชุดใหม่จากหลากหลายชาติ การรุกเจาะตลาดเอเชีย และกระแสข่าวการเข้าร่วมของแบรนด์น้องใหม่ จนทำให้หลายคนตั้งคำถามว่านี่อาจคือจุดเปลี่ยนที่จะยกระดับเกมการแข่งขันให้ดุเดือดขึ้น และปลุกกระแสความนิยมในบ้านเราอีกครั้งด้วยปัจจัยสำคัญต่อไปนี้

WorldSBK 2026 การมาของผู้จัดรายการแข่งขันรถสูตร 1 (F1)

การมาของผู้จัดแข่งขันหน้าใหม่อย่าง Liberty Media ซึ่งเข้าถือสิทธิ์ MotoGP และ WSBK ผ่านการซื้อกิจการ Dorna ด้วยมูลค่าราว ๆ 1.5 แสนล้านบาท ทำให้หลายฝ่ายคาดหวังว่าบรรยากาศของศึกซูเปอร์ไบค์จะถูกยกระดับแบบเดียวกันกับรายการรถสูตร 1 อย่าง Formula 1 ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องราวที่เน้นดราม่าไม่ใช่เพียงการแข่งขันเท่านั้น รวมถึงการทำคอนเทนต์ให้เข้าถึงแฟนคลับรุ่นใหม่ หรือการออกแบบประสบการณ์ในสนามแข่งให้รู้สึกเป็นอีเวนต์ระดับโกลบอลมากกว่าการแข่งมอเตอร์ไซค์ธรรมดา 

สำหรับในมุมของ WorldSBK 2026 นั่นหมายถึงโอกาสที่จะเห็นเกมแข่งขันที่ดุเดือดขึ้น ดราม่ามากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการขยายฐานคนดูกลุ่มใหม่ ๆ ทั่วโลกโดยเฉพาะตลาดเอเชียที่นิยมรถมอเตอร์ไซค์เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก 

เพราะฉะนั้น มีโอกาสที่จะถูกยกระดับไปพร้อมกับกระแสโมโตจีพีหรืออาจมีรูปแบบอีเว้นต์ใหม่ อาทิ ส่งไวด์การ์ดนักแข่ง WSBK ขึ้นไปขี่โมโตจีพี เอา เปกโก้ บัญญาญ่ามาขี่ V4R หรือเชิญนักบิดตำนานอย่าง คาร์ล โฟร์กาตี้ มาขี่แข่งกับ R9 ก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น

การโอนย้ายนักบิด Motogp สู่สนาม WSBK

WorldSBK 2026

ฤดูกาลหน้าปะทะมันส์อย่างแน่นอน ด้วยการมาของเหล่านักบิดจากทางฝั่งโมโตจีพีอย่าง Miguel Oliveira ที่พึ่งหมดสัญญากับ Yamaha Pramac มาสู่ค่าย BMW Motorrad และการจับคู่กับ Danilo Petrucci นักบิดโมโตทูอย่าง Jake Dixon และนักแข่งขวัญใจขาวไทยอย่าง ก้อง สมเกียรติ จันทรา ที่พึ่งไปเก็บประสบการณ์ในสนามโมโตจีพีมาแล้ว และด้วยประสบการณ์ของนักแข่งเหล่านี้ จะช่วยยกระดับความมันส์มากยิ่งขึ้น

ด้วยฐานแฟนคลับอันเหนียวแน่นของน้องก้องที่สั่งสมมา ทั้งจากไทยและต่างประเทศ ผสมกับการเข้ามาของเหล่านักบิดชื่อดังจากหลายมุมโลกในกริดเดียวกัน ทำให้การเปิดตัวครั้งนี้กลายเป็นเชื้อไฟสำคัญในการสร้างกระแสคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบ ทั้งคลิปไฮไลต์ บทวิเคราะห์ เจาะสถิติ ไปจนถึงคอนเทนต์เบื้องหลังในมุมที่แฟน ๆ ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นสื่อหลักหรือเพจคอมมูนิตี้ต่างก็พร้อมหยิบเรื่องราวของก้องและ Honda HRC ไปต่อยอด เล่าในมุมมองของตัวเอง ซึ่งทั้งหมดนี้มีส่วนอย่างมากในการขยายฐานผู้ชมและเพิ่มรัศมีความนิยมของทั้งตัวนักแข่ง ทีมแข่ง และศึก WSBK ให้เติบโตขึ้นไปพร้อมกัน

WorldSBK 2026

ด้วยฐานแฟนคลับอันเหนียวแน่นของน้องก้องที่สั่งสมมา ทั้งจากไทยและต่างประเทศ ผสมกับการเข้ามาของเหล่านักบิดชื่อดังจากหลายมุมโลกในกริดเดียวกัน ทำให้การเปิดตัวครั้งนี้กลายเป็นเชื้อไฟสำคัญในการสร้างกระแสคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบ ทั้งคลิปไฮไลต์ บทวิเคราะห์ เจาะสถิติ ไปจนถึงคอนเทนต์เบื้องหลังในมุมที่แฟน ๆ ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นสื่อหลักหรือเพจคอมมูนิตี้ต่างก็พร้อมหยิบเรื่องราวของก้องและ Honda HRC ไปต่อยอด เล่าในมุมมองของตัวเอง ซึ่งทั้งหมดนี้มีส่วนอย่างมากในการขยายฐานผู้ชมและเพิ่มรัศมีความนิยมของทั้งตัวนักแข่ง ทีมแข่ง และศึก WSBK ให้เติบโตขึ้นไปพร้อมกัน

รถจีน > ผู้ท้าชิงใหม่

WorldSBK 2026

กระแสข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับการที่ CFMoto เตรียมปล่อยซูเปอร์ไบค์สเปคโรงงานอย่าง V4 SR-RR พิกัดแรงม้าเกิน 210 ตัวลงสู่รายการรุ่นใหญ่ โดยการมาของ V4 จาก CFMoto จึงกลายเป็นตัวแปรลึกลับที่ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าจะแรงจริงแค่ไหน ทั้งในแง่สมรรถนะบนแทร็กและศักยภาพด้านเทคโนโลยี

แต่สิ่งที่แน่นอนคือ การมีผู้เล่นหน้าใหม่จากจีนอาจทำให้เกมการแข่งขันรุ่นคลาสใหญ่สุดในปี 2026 ดูเข้มข้นและน่าจับตามองยิ่งขึ้น เพราะไม่ใช่แค่ศึกแข่งขันระหว่างรถยุโรปกับญี่ปุ่นอีกต่อไป แต่คือเวทีพิสูจน์ว่า จีน พร้อมแทรกตัวขึ้นมาเป็นขั้วอำนาจใหม่ในสมรภูมิโลกสองล้อความเร็วสูงจริงหรือไม่

เปลี่ยนชื่อ ขยับรุ่น (WorldSPB)

WorldSBK 2026

FIM ประกาศจัดตั้งคลาสใหม่ World Sportbike Championship (WorldSPB) อย่างเป็นทางการสำหรับฤดูกาล 2026 เพื่อเข้ามาแทนที่คลาส WorldSSP300 เดิมในฐานะคลาสรองของศึก WorldSBK หรือเวิลด์ซูเปอร์ไบค์ชิงแชมป์โลก การปรับโครงสร้างครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างบันไดการพัฒนานักบิดที่ชัดเจนและต่อเนื่องมากขึ้น จากรุ่นเริ่มต้น ไปสู่ World Supersport (WorldSSP) และรุ่นใหญ่ WorldSBK ในอนาคต

คลาส WorldSPB จะเน้นใช้รถสปอร์ตพิกัดกลางที่วางขายจริงในท้องตลาดหรือที่เรียกกันว่ามิดเดิ้ลเวท ซึ่งให้สมรรถนะเหนือกว่า WorldSSP300 ชัดเจน (ขยับไปใช้รถสปอร์ตคลาสกลางรระหว่าง 400 – 700 ซีซี) แต่ยังคอนโทรลงบประมาณและการแข่งขันไม่ให้หลุดเอื้อม ทั้งยังออกแบบมาเพื่อดึงดูดผู้ผลิตมากขึ้น เพราะสามารถนำโมเดลยอดนิยมอย่างสายสปอร์ตพิกัดไซส์กลางมาใช้แข่งได้โดยตรง

Suzuki ส่งแข่ง

ค่ายคนเดือดเตรียมกลับเข้าสู่การแข่งขันอีกครั้งในปี 2026 หลังห่างหายไปพักใหญ่ทีเดียว โดยคราวนี้เลือกเริ่มต้นบทใหม่ในคลาส World Sportbike Championship (WorldSPB) แทนที่จะลงตรงในรุ่นใหญ่ WSBK เหมือนในอดีต การกลับมาครั้งนี้ใช้รถสปอร์ตพิกัดกลางรุ่น GSX-8R ลงทำศึก ภายใต้ทีม VLR Racing Team Suzuki พร้อมไลน์อัปนักบิดดาวรุ่งอย่าง Jeffrey Buis แชมป์โลก WorldSSP300 สองสมัย และ Kas Beekmans ที่สร้างผลงานโดดเด่นในรายการสปอร์ตไบค์ระดับประเทศมาก่อนหน้า ทำให้การคัมแบ็กของ Suzuki ถูกจับตามองอย่างมาก

ด้านตัวรถ GSX-8R เองก็ถือเป็นอาวุธรุ่นใหม่ของค่าย ที่ใช้เครื่องยนต์พาราเรลทวินขนาดราว 776 ซีซี DOHC ให้แรงบิดจัดและการส่งกำลังที่ต่อเนื่อง เหมาะกับคาแรกเตอร์การแข่งในคลาสมิดเดิลเวตของ WorldSPB ซึ่งเน้นรถใกล้เคียงกับรุ่นจำหน่ายจริง ช่วงล่างและอิเล็กทรอนิกส์ถูกปรับให้บาลานซ์ทั้งการขี่ในสนามและบนถนน จนกวาดผลงานแชมป์ในรายการสปอร์ตไบค์ระดับชาติอย่าง Pirelli National Sportbike Championship มาแล้ว ก่อนจะยกระดับขึ้นสู่เวทีโลกในปี 2026

กฎน้ำหนักใหม่ เน้นความเท่าเทียม

จากกฎข้อบังคับฉบับใหม่ มีการกำหนดให้น้ำหนักรวมของรถที่ใช้เครื่องยนต์ 2 สูบ อาทิ Ducati Panigale V2 ต้องมีน้ำหนักมากกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ (CBR600R,Kawasaki ZX-6R 636, QJ Motor SRK 800 RR) อยู่ที่ 6 กก. 

แนวคิดสำคัญของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือการ “ถ่วงดุล” สมรรถนะของแต่ละรูปแบบเครื่องยนต์ เพราะโดยธรรมชาติแล้ว เครื่องยนต์ 2 สูบมักมีแรงบิดจัดในรอบต่ำถึงกลาง ออกโค้งดี เร่งต้นไว ขี่ง่าย ในขณะที่ 4 สูบจะเด่นที่รอบปลายและความเร็วสูงสุด การเพิ่มน้ำหนักให้ฝั่ง 2 สูบจึงเป็นการพยายามลดข้อได้เปรียบด้านการเร่งและความคล่องตัว เพื่อให้ศักยภาพโดยรวมของรถแต่ละแบบอยู่ในกรอบที่ใกล้เคียงกันมากขึ้น

ปีสุดท้ายของ Pirelli

WorldSBK 2026

สถานะของ Pirelli ในฐานะผู้ผลิตยางประจำศึก WorldSBK จะยังคงเดินหน้าต่อไปตลอดฤดูกาล 2026 แบบ “ยางสเปคเดียวทั้งสนาม” หรือ Single Tyre Supplier นั่นหมายความว่าทุกคลาสในแพดด็อก WorldSBK ไม่ว่าจะเป็น WorldSBK, WorldSSP หรือคลาสรองอื่น ๆ จะต้องใช้ยางจาก Pirelli ทั้งหมดเหมือนเดิม ช่วยให้มาตรฐานการแข่งขันยังคงเสถียรต่อเนื่อง หลังจากที่ Pirelli รับหน้าที่เป็นผู้ผลิตยางหลักของรายการนี้มาตั้งแต่ปี 2004 จนกลายเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของ WorldSBK ไปแล้ว

อย่างไรก็ดี ฤดูกาล 2026 จะถือเป็นปีสุดท้ายของยุค Pirelli เพราะตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป จะเป็นคิวของ Michelin เข้ามารับหน้าที่เป็นผู้ผลิตยางแต่เพียงผู้เดียวให้ทุกคลาสในรายการแทน ภายใต้สัญญาระยะยาวถึงอย่างน้อยปี 2031 ขณะที่ Pirelli เองก็จะย้ายโฟกัสไปเป็นซัพพลายเออร์หลักของ MotoGP ในช่วงเวลาเดียวกัน เรียกได้ว่าเป็นการสลับเวทีระหว่างสองแบรนด์ยางยักษ์ใหญ่ของโลกส่งผลให้ปี 2026 เป็นซีซันสำคัญที่ทั้งทีมแข่งและผู้จัดสามารถเก็บข้อมูล เปรียบเทียบ และเตรียมตัวรับยุคใหม่ของยาง Michelin ใน WorldSBK ได้อย่างเป็นขั้นตอน

ทิศทางเทคโนโลยีใหม่จากสนามแข่งสู่รถโปรดักท์ชัน

เมื่อฝั่ง MotoGP กำลังก้าวเข้าสู่ยุคเครื่องยนต์และแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการหันไปใช้ เครื่อง V4 มากขึ้น หรือการพัฒนาแอโรไดนามิกขั้นสูง ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ย่อมส่งแรงสะเทือนมาถึงโลกของ WorldSBK ทั้งแพ็กเกจแอโร่ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งหมดนี้จะค่อย ๆ ทะยอยลงมาปรากฏในรถ WorldSBK มากขึ้น

เมื่อลองมองภาพรวมของทั้ง ข้อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนมือผู้จัด การย้ายค่ายของนักแข่งระดับโลก การเดบิวต์ของนักบิดไทย การเข้ามาของผู้เล่นหน้าใหม่อย่าง CFMoto การเปิดคลาส WorldSPB การคัมแบ็คของ Suzuki กฎระเบียบใหม่ด้านน้ำหนัก การเปลี่ยนยุคผู้ผลิตยาง ไปจนถึงทิศทางเทคโนโลยีและโอกาสของตลาดเอเชีย ทั้งหมดนี้กำลังประกอบร่างกันเป็นกระแสครั้งใหญ่ที่อาจทำให้ WorldSBK 2026 กลายเป็นหนึ่งในฤดูกาลที่น่าจับตามองที่สุดในรอบหลายปีทีเดียวครับ

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Share It:

Joe Superbike

นักเขียน "หัวใจสีเขียว" ที่ชื่นชอบรถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกเป็นชีวิตจิตใจ และมาโลดแล่นในวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก

ข่าวล่าสุด

บทความยอดนิยม

รีวิวมอเตอร์ไซค์

Superbike Mag Thailand CHANEL

รีวิวรถยนต์