SuperBikeMag.Com ข่าวมอเตอร์ไซค์ รีวิวมอเตอร์ไซค์ รถจักรยานยนต์ บิ๊กไบค์

ข่าวรถยนต์ รีวิวรถยนต์ รถไฟฟ้า EV รถยนต์เปิดตัวใหม่

ข่าวรถยนต์

  • All Posts
  • ข่าวรถยนต์
Honda Civic FD เจาะลึกซีวิคนางฟ้า ตำนานรถมือสองที่ยังน่าใช้ในปี 2026

Honda Civic FD ปี 2569 เจาะลึกที่มาฉายานางฟ้า ดีไซน์ เครื่องยนต์ i-VTEC จุดอ่อนที่ต้องระวัง และราคาตลาดมือสองล่าสุดที่คนอยากซื้อห้ามพลาด

No Posts Found!

รีวิวรถยนต์

Coming soon…

รถยนต์ไฟฟ้า

  • All Posts
  • รถไฟฟ้า
Rictor Skyrider X1 เอาจริงดิ มอเตอร์ไซค์บินได้ !?

Rictor Skyrider X1 เอาจริงดิ มอเตอร์ไซค์บินได้ !? สถานการณ์ในถนนหลากหลายพื้นที่น่าจะหนีไม่พ้นปัญหา ‘รถติด’ เพราะมีรถออกมาสู่ท้องถนนแทบจะทุกวัน แต่ถนนนั้นไม่พอวิ่ง จะเอามอเตอร์ไซค์มามุดเพื่อช่วยบรรเทาก็แทบจะเป็นไปได้ยาก เพราะทุกวันนี้มอเตอร์ไซค์เองก็แทบจะจอดติดแบบรถยนต์แล้ว แต่แล้วก็ไปเจอบทความน่าสนใจอันนึงเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์บินได้ที่มีชื่อว่า Rictor Skyrider X1 ว่าแต่.. มันจะถูกพัฒนาจริงดิ ? จากแนวคิดที่มันเป็นไปไม่ได้ สู่การนำมาพัฒนาเป็นรถมอเตอร์ไซค์สองล้อที่บินได้ และมันเกิดขึ้นจริง!! โดยผลงานจากบริษัท Rictor จากประเทศจีน โดยบริษัทนี้เกี่ยวกับการพัฒนายานพาหนะสำหรับการเดินทาง โดยมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้า อาทิ สกูตเตอร์ไฟฟ้า, จักรยานไฟฟ้า รวมไปถึงมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เพื่อยกระดับคุณภาพการเดินทางของผู้ใช้งาน โดยเทคโนโลยี Skyrider X1 ได้ถูกเปิดตัวในงานแสดงนวัตกรรม และเทคโนโลยีหรือ CES2025 (Consumer Electronics Show) ในเมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งยานพาหนะลำนี้ถูกสร้างขึ้นโดย Rictor เป็นแบรนด์ย่อยของบริษัท Kuickwheel จากประเทศจีน ซึ่งเน้นพัฒนาทางเลือกในการเคลื่อนที่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และประหยัดพลังงาน ซึ่งก่อนหน้านี้ Rictor มีผลิตภัณฑ์เพียงชิ้นเดียวในกลุ่มสินค้า คือ จักรยานไฟฟ้า Rictor K1 รายละเอียด และฟังก์ชันการใช้งาน รถมอเตอร์ไซค์บินได้ลำนี้ผลิตด้วยโครงสร้างจากวัสดุคอมโพสิตคาร์บอนไฟเบอร์ และอลูมิเนียมเกรดการบิน เคลื่อนที่ด้วยระบบด้วยระบบใบพัด 8 ตัว มีด้วยกันทั้งหมดสองรุ่นย่อยได้แก่ รุ่นธรรมดา X1 SL มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 10.5 kWh สามารถบินได้เพียง 25 นาทีต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และอีกหนึ่งรุ่น X1 SX มาพร้อมไซส์แบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ 21 kWh สามารถบินได้นานถึง 40 นาทีต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง มาจากค่ายจีนไม่ต้องกังวลเรื่องเทคโนโลยี จัดให้มาแบบล้ำ ๆ เช่นเคย เริ่มกันที่ ระบบการปรับตัวอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ ที่จะช่วยปรับระดับความสูง ความเร็ว และทิศทางการบินตามสภาพอากาศ, ระบบวางแผนเส้นทางอัตโนมัติ เพื่อช่วยระบุเส้นทางการบินที่ดีที่สุด เพื่อให้ไปถึงจุดหมายปลายทางได้ราบรื่น และฟังก์ชันการบินขึ้น และลงจอดแบบอัตโนมัติ เพียงแค่ตั้งค่าจุดหมายปลายทาง และยานพาหนะจะทำงานที่เหลือให้เอง อย่างไรก็ตาม ยังมีตัวเลือกควบคุมแบบแมนนวลผ่านจอยสติ๊กสำหรับผู้ที่ชอบการควบคุมด้วยตัวเองอีกด้วย ระบบวางแผนการเดินทางอัตโนมัติ ระบบขึ้น – ลงอัตโนมัติ ระบบควบคุมพร้อมจอยสติ๊กสำหรับบังคับเอง ฟังก์ชันควบคุมการปรับตัวอัตโนมัติ   โดยรายละเอียดอื่น ๆ ของมอเตอร์ไซค์บินได้ลำนี้ จะถูกกำหนดเพดานบินเพียง 200 เมตรเท่านั้น (ระยะนับตั้งแต่พื้นดิน) และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้เพียง 60 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ในส่วนของการวางจำหน่าย มีข่าวลือหลุดออกมาว่าอาจมีการวางจำหน่ายในตลาดปี 2026 โดยราคาคาดการณ์อยู่ที่ 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ตีเป็นเงินไทยประมาณ 2,074,000 บาท ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งราคาก็ค่อนข้างสูงอยู่พอสมควร เครื่องหมายคำถามสำหรับการพัฒนา Skyrider ไม่ใช่มอเตอร์ไซค์บินได้คันแรกของโลก แต่ในช่วงก่อนหน้านี้ก็มีหลาย ๆ บริษัทจากทั่วโลกที่พยายามสร้าง และพัฒนายานพาหนะประเภทนี้ เช่น Speeder จาก Mayman Aerospace หรือ Hoverbike จากบริษัทสตาร์ทอัพในประเทศญี่ปุ่น มีลักษณะคล้ายมอเตอร์ไซค์บินได้ โดยทั้งสองโมเดลก่อนหน้าก็มีผลิตออกมาเพียงแค่รุ่นต้นแบบเท่านั้น แต่ไม่มีการพัฒนาต่อเพื่อวางจำหน่าย คาดว่าอาจจะมีอุปสรรคหลายอย่าง เช่น ความปลอดภัย การรับรองมาตรฐาน การจัดการการจราจรทางอากาศ และราคาที่สูง ทำให้ยังไม่สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ในปัจจุบัน แต่ถือว่ามอเตอร์ไซค์บินได้เป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจในโลกอนาคต อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

2025 CFMOTO CFX-2E วิบากไฟฟ้าสำหรับนักซิ่งตัวน้อย

2025 CFMOTO CFX-2E วิบากไฟฟ้าสำหรับนักซิ่งตัวน้อย 2025 CFMOTO CFX-2E รถมอเตอร์ไซค์วิบากไฟฟ้าจากค่าย CFMOTO แบรนด์ผู้ผลิตรถสัญชาติจีน โดยดีไซน์การออกแบบของรถคันนี้ถูกออกแบบมาเพื่อนักบิดอายุน้อยที่ยังเป็นมือใหม่สามารถขับขี่ได้อย่างง่ายดาย และเข้าถึงอารมณ์ความสนุกตลอดการขับขี่ ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงขนาด 1.5 กิโลวัตต์ แรงบิดอยู่ที่ 7 นิวตันเมตร มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 48V มีกำลังเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 50 ซีซี ให้พลังงานที่เพียงพอสำหรับการขับขี่ในทุกสภาพพื้นผิว ขับขี่ได้อย่างราบรื่น เงียบสนิทไร้เสียงรบกวน พร้อมปราศจากมลพิษ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการชาร์จไฟจะใช้เวลา 5 ชั่วโมงจาก 0-100% และยังสามารถถอดเปลี่ยนได้ ทำให้สะดวกต่อการชาร์จได้ในทุกที่ทุกเวลา   โครงเหล็กทรงเปลที่มีความแข็งแรง ทนทาน ความสูงของเบาะเพียง 21.7 นิ้ว น้ำหนักรถเพียง 48 กิโลกรัม ระบบช่วงล่างด้านหน้ามาพร้อมกับโช้คอัพแบบเทเลสโคปิก และด้านหลังเป็นแบบโช้คอัพเดี่ยว ขอบล้ออัลลอย และยางวิบาก ที่ปรับจูนมาเพื่อการขับขี่แบบออฟโรดให้ความรู้สึกถึงการขับขี่ที่นุ่มนวลและมั่นคง แม้ในสภาพพื้นผิวที่ขรุขระ  ระบบเบรกติดตั้งมาให้เป็นแบบดิสก์เบรกไฮดรอลิกประสิทธิภาพสูง ช่วยให้หยุดรถได้อย่างมั่นใจ และมีเชือกคล้องนิรภัยแบบแม่เหล็กที่สามารถตัดการทำงานของรถในกรณีฉุกเฉิน เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ขับขี่ แม้จะเป็นรถสำหรับเด็กแต่ก็มาพร้อมเทคโนโลยี หน้าจอ LCD แสดงข้อมูลที่จำเป็น เช่น ระดับแบตเตอรี่ โหมดความเร็วที่เลือก การแจ้งเตือนสถานะการชาร์จ  โหมดการขับขี่ที่สามารถเลือกได้ถึง 3 โหมด ได้แก่ โหมดฝึกหัด (Learning) ที่ตัวรถจะกำหนดความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 24 กิโลเมตรต่อชั่วโมง, โหมดมาตรฐาน (Standard) ตัวรถจะกำหนดความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และโหมดสปอร์ต (Sport) ตัวรถจะกำหนดความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 49 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อให้เหมาะกับระดับทักษะ และความชำนาญของเด็ก ช่วยให้ผู้ขับขี่พัฒนาทักษะได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ในส่วนของราคาวางจำหน่าย วางขายอยู่ที่ 1,699 ดอลลาร์สหรัฐ หรือตีเป็นเงินไทยประมาณ 58,870 บาท เพื่อเป็นการสั่งสมประสบการณ์การขับขี่ และกิจกรรมภายในครอบครัว หากลูกถูกใจ ไม่มีอะไรแพง อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

  • All Posts
  • รถไฟฟ้า
Arts-Volt-Pillbag

Arts Volt Pillbag รถไฟฟ้าไซส์เล็กจากแดนปลาดิบ Arts Volt Pillbag รถไฟฟ้าไซส์เล็กจากประเทศญี่ปุ่น ที่ทางค่ายเพิ่งจะเปิดตัวแนะนำให้รู้จักเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่เพิ่งจะถือกำเนิดขึ้นมาได้ไม่นาน แต่มีการออกแบบที่น่าสนใจและตอบโจทย์การใช้งานของคนเมืองได้เป็นอย่างดีเลย ถ้าบ้านเรามีนำมาขายด้วยก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับแบรนด์ที่มีชื่อคล้ายกับชื่อของเจ้า Pillbug ไอโซพอดที่มีสัตว์เลี้ยงยุคใหม่ของคนที่ไม่ค่อยจะมีพื้นที่เลี้ยงสัตว์ ก็ถือว่าเลือกชื่อมาได้น่ารักและเข้ากับลักษณะของตัวรถได้ดีเลยทีเดียว ตัวรถมีดีไซน์ที่เน้นความเรียบง่ายไม่ซับซ้อนอะไรนัก แต่ก็มีสไตล์แบบโมเดิร์นเรโทรที่ดูสวยงามไร้ซึ่งกาลเวลา ทั้งยังมีขนาดเล็กในแบบที่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ก็ขี่ได้สบายมาก ๆ จากการมีเบาะนั่งสูงเพียง 70 ซม. และตัวรถเองก็หนักเพียง 40 กิโลกรัมเท่านั้นเอง หัวใจหลักของโมเดลนี้จะเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 500 วัตต์ (อยู่ที่ล้อ) ที่สามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ 20 กม./ชม. ในโหมดออนโร้ด ส่วนโหมดทางเท้าจะทำความเร็วได้ที่ 6 กม.ชม. แต่เห็นแบบนี้ก็มีแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้มากถึง 50 กม. สามารถชาร์จไฟบ้านได้เลย เวลาชาร์จจนเต็มประมาณ 6 ชม. ช่วงล่างด้านหน้าจะมีโช้คหัวกลับ ด้านหลังจะเป็นโช้คสปริงคู่ ระบบเบรกจะเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนล้อและยางจะมีขนาด 100/90 – 10 เท่ากันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง   ทางค่ายเปิดจำหน่ายในราคาที่ 308,000 เยนหรือคิดเป็นเงินไทยได้ราว ๆ 71,000 บาทเท่านั้น สำหรับบ้านเราถ้าพูดถึงภาพกว้าง ๆ ทั่วประเทศ คงไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่นัก แต่ถ้าคุณใช้ชีวิตในเมืองที่การจราจรติดขัดมาก ๆ แล้ว เจ้านี่น่าจะตอบโจทย์ไม่น้อยเลยทีเดียว น้ำหนักก็เบาตัวรถก็มีขนาดเล็กในระดับที่เรียกว่าเข็นเข้าไปในลิฟต์ได้ ไปจอดชาร์จในห้องที่คอนโดยังได้ ซึ่งแน่นอนว่าตอบโจทย์คนญี่ปุ่นในเมืองหลวงอย่างโตเกียวได้อย่างดี แต่บ้านเราถ้ามีเงินเหลือเอามาขี่ไปซื้อของหน้าปากซอยก็ดีไม่น้อยเลยนะ อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

ลือ Ducati เตรียมประกอบซูเปอร์ไบค์ไฟฟ้า

ลือ Ducati เตรียมประกอบซูเปอร์ไบค์ไฟฟ้า คาดขายจริงปีหน้า ล่าสุดมีข่าวจากวงใน ลือ Ducati เตรียมประกอบซูเปอร์ไบค์ไฟฟ้าขายจริงในปีหน้า ซึ่งแน่นอนว่าน่าจะมีพื้นฐานมาจาก V21L รถแข่งจากการแข่งขัน MotoE รายการซัพพอร์ตใน MotoGP นั่นเอง ทีนี้เราลองมาดูสเปกคร่าว ๆ ที่น่าสนใจของ V21L ตัวรถใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 110 กิโลวัตต์ หรือเทียบเท่ากับ 150 แรงม้า ให้แรงบิด 140 นิวตันเมตร สามารถทำท็อปสปีดสูงสุดได้ที่ 275 กม./ชม. มีแบตเตอรี่แพ็คขนาด 18 กิโลวัตต์ชั่วโมงพร้อมซ็อกเก็ตชาร์จไฟที่รับไฟได้มากถึง 20 กิโลวัตต์ (ชาร์จเพียง 45 นาทีได้มากถึง 80%) พร้อมตัวอินเวอร์เตอร์ที่เคลมมาว่ามีประสิทธิภาพสูงถึง 99% ซึ่งทั้งสามส่วนนี้จะมีระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวคอยควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสม ตัวรถมีแชสซีแบบโมโนค็อกคล้าย ๆ กับ Panigale V4 โดยมีเฟรมด้านหน้าทำจากอลูมิเนียมน้ำหนักเบาและใช้เคสคาร์บอนไฟเบอร์ของแบตเตอรี่แพ็คเป็นส่วนนึงของการรับโหลดน้ำหนัก มีระบบกันสะเทือนจากทาง Ohlins เต็มระบบ รวมถึงกันสะบัดด้วย ระบบเบรกจะเป็นดิสก์เบรกหน้าคู่และคาลิเปอร์เบรกจาก Brembo GP4RR M4 และเบรกหลังจะเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวกับคาลิเปอร์เบรก Brembo P4 ส่วนล้อและยางก็จะเป็นขนาดปกติคือ 120/70 – R17 และ 200/55 – R17 นอกจากนี้ยังมีระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อความปลอดภัย ทั้งแทร็คชันคอนโทรล สไลด์คอนโทรล ระบบควบคุมการลอยตัวของล้อ แม็ปปิ้งคันเร่ง และแม็ปปิ้งเอ็นจิ้นเบรก หากดูดี ๆ แล้วจะพบว่าหลาย ๆ ส่วนนั้นดูจะเกินจากรถโปรดักชันไปมาก โดยเฉพาะในส่วนของระบบเบรก คาดว่าเมื่อผลิตขายเป็นรถโปรดักชันจริง ๆ น่าจะมีการปรับสเปกตรงส่วนนี้ลง รวมถึงมีการใส่ระบบไฟส่องสว่าง และระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อความปลอดภัยมากกว่านี้ ตลอดไปจนถึงการใส่โหมดการขับขี่เพิ่มเข้ามา การล็อคสปีดความเร็วเพื่อให้ใช้งานได้มากขึ้น โดยคาดเดาว่าจะมีระยะการใช้งานได้ราว ๆ 150 – 200 กม. ซึ่งก็น่าจะเพียงพอสำหรับการขับขี่ใช้งานในแบบรถซิ่ง อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า Kymco จะใช้พื้นฐานจาก LiveWire

มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า Kymco จะใช้พื้นฐานจาก LiveWire จะกลายเป็นลูกครึ่งไต้หวันอเมริกันไปซะแล้ว กับ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า Kymco ที่มาพร้อมแนวคิดสุดล้ำเอาใจนักบิดที่ชื่นชอบเครื่องยนต์สันดาป ที่เผยแนวคิดมานานหลายปีแล้ว แต่ไม่เป็นจริงสักที ล่าสุดก็ออกมาบอกว่า จะใช้พื้นฐานจากเจ้า LiveWire มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจากแดนลุงแซม ลูกของทาง Harley-Davidson ที่ทุกคนรู้จักกันดี เจ้ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของทางค่ายที่ว่าคือเจ้า  ที่เผยโฉมรถต้นแบบแนวคิดแปลกใหม่มาตั้งแต่ปี 2018 และ 2019 ตามลำดับ ยังไม่ได้ผลิตจริงสักที แม้เวลาจะผ่านไปร่วม 5 ปีแล้ว โดยก่อนหน้านี้ทางค่ายตั้งใจจะให้เป็นรถไฟฟ้าที่มีเกียร์และมีคลัตช์ และตั้งใจจะตั้งโรงงานผลิตที่อิตาลีอีกด้วย ทว่าแผนเดิมก็พังลง เนื่องจากในปี 2022 ทางค่ายเผยภาพใหม่ที่ต่างไปจากเดิมมาก ทั้งยังมีดีลกับทาง Harley-Davidson ที่เป็นเจ้าของ LiveWire เพื่อพัฒนา LiveWire S3 ร่วมกัน ซึ่งโมเดลใหม่ที่ว่านี้ก็จะเป็นโมเดลที่ราคาย่อมเยากว่า แต่จะยังใช้แพลตฟอร์มที่ชื่อว่า Arrow เช่นเดียวกับที่ใช้ในโมเดลปัจจุบันอย่าง Live Wire S2 Del Mar และ Mulholland ก่อนหน้านี้ในปี 2022 ทางคิมโคเองก็เคยยื่นจดสิทธิบัตรโมเดลใหม่ที่มีเงาร่างตั้งอยู่บนพื้นฐานแพลตฟอร์ม Arrow นี้ โดยมีการใช้แชสซีและระบบส่งกำลังจากทาง LiveWire ยิ่งเป็นเครื่องชี้ชัดว่าโมเดลใหม่ของทางแบรนด์ไต้หวันจะใช้แพลตฟอร์มเดียวกันนี้อีกด้วย ที่น่าสนใจที่สุดก็คือเจ้าโมเดลนี้เนี่ยจะแตกต่างจากรถไฟฟ้าทั่วไปด้วยแนวคิดการมีระบบเกียร์แมนวลแบบจำลอง คือรถยังมีมือคลัตช์และคันเกียร์ที่เท้าอยู่ แต่มันต่อเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ของรถแทนที่จะเป็นกลไกตามปกติ ซึ่งเมื่อเขียนโปรแกรมไว้ได้เหมาะสม ระบบนี้จะจำลองลักษณะของเกียร์แบบปกติด้วยการเปลี่ยนแปลงการส่งกำลังโดยผันแปรไปตามเกียร์ที่ใส่ไว้นั่นเอง และเชื่อมต่อหรือตัดการเชื่อมต่อระบบขับเคลื่อนเมื่อกำคลัตช์จำลองที่ว่านี้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้ไบเกอร์ได้รู้สึกเป็นส่วนนึงของรถมากขึ้น รู้สึกว่าควบคุมรถได้มากขึ้น แต่ยังขาดเรื่องของน้ำหนักหรือว่าความซับซ้อนของการใช้คลัตช์และการเปลี่ยนเกียร์จริง ๆ งานนี้ไบเกอร์อย่างเรา ๆ ก็คงต้องมารอลุ้นว่าทางคิมโคจะทำสำเร็จจริงมั้ย แล้วเทคโนโลยีนี้มันจะเวิร์คจริง ๆ อย่างที่เคลมมาหรือเปล่า ถ้าทำได้จริง ความสนุกของการขับขี่มอเตอร์ไซค์อย่างที่นักบิดชื่นชอบก็จะหาได้จากมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ ในอนาคตด้วยก็เป็นได้ แล้วอีกไม่นานก็จะไม่มีข้ออ้างบิดรถแบบไม่รักษ์โลกกันแล้วล่ะพี่น้องนักบิด อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

ราคาและสเปครถยนต์

No Posts Found!

No Posts Found!