ยาง Pirelli พานักแข่งทำลายสถิติ ใน CzechWorldSBK 2025
ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสนามในการแข่งขัน WSBK ที่โหด มันส์และสะใจมากที่สุด โดยเฉพาะแฟน ๆ ฝั่งมวยคู่เอกต่างค่ายอย่าง Nicolo Bulega และ Toprak Razgatlioglu นอกจากในเรื่องสกิล Trash Talk ข่มขวัญคู่แข่งของทั้งคู่แล้ว สกิลในการแข่งขันก็ยังสูสีไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในรอบ CzechWorldSBK 2025 นักบิดทั้งคู่ก็สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมกดสถิติรัว ๆ ด้วยยางแข่งขัน Pirelli ทำเวลาเร็วกว่าปีที่แล้วในทุกเซกชัน
‘โทปรัค’ ทุบสถิติ Best Lap Record ทำเวลาดีที่สุดด้วยยางโปรโตไทป์
เกือบจะคว้าแฮตทริกใน Czech Round ไปซะแล้ว สำหรับแชมป์โลกคนล่าสุดอย่าง โทปรัค ราซกัตลิโอกลู ถูกปาดหน้าเส้นชัยไปอย่างน่าเสียดายในรอบ Race2 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแชมป์โลกชาวตุรกียังคงสามารถทำผลงานได้น่าประทับใจด้วยกดเวลาดีที่สุดในรอบควอลิฟายที่ 1’29.799 นาที เกือบจะถูกบันทึกสถิติครั้งใหม่แต่ดันเกิดธงเหลืองเสียก่อน อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งโพลโพลซิชันยังคงตกเป็นของเจ้าตัวเช่นเดิมด้วยผลเวลาดีสุด 1’30.397 นาที โดยใช้ยางหน้า SC1 และยางหลัง SC0
พร้อมทำลายสถิติ Best Lap Record ในรอบ Race 1 ด้วยผลเวลา 1’31.109 นาที (รอบที่ 10) จากการเปลี่ยนมาใช้ยางหลังเป็นรุ่น Pirelli SC0 D0922 โปรโตไทป์ที่กำลังพัฒนา บวกกับสกิลการแข่งขันสุดร้อนแรงจึงสามารถทำให้เจ้าตัวคว้าโพเดี้ยมในการแข่งขัน เก็บ 25 คะแนนไปครองในวันแรก (อันดับสองเป็นของ Bulega และอันดับสามเป็นของ Petrucchi)
ผลงานยังคงดีต่อเนื่องในวันที่สอง โทปรัคสามารถคว้าชัยชนะด้วยยางชุดเดิมก็คือยางหน้า SC1 และยางหลัง D0922 ในรอบ Superpole Race และไม่เพียงแค่เท่านั้น นักแข่งคนอื่น ๆ ยังคงใช้ยางหน้า SC1 เป็นตัวเลือกในการแข่งขัน ยกเว้นนักบิดฝั่งฮอนด้าอย่าง Xavi Vierge, Tarran Mackenzie และ Zaqhwan Zaidi ที่เลือกใช้ยางซอฟต์ SC0 อย่างไรก็ตาม นักแข่งส่วนใหญ่ยังคงเลือกใช้ยางหลัง Pirelli รหัส D0922 เช่นกัน
ดูคาติเปิดลิมิตทางตรง แซง M1000RR ฝ่าเส้นชัยเป็นอันดับแรก
จนกระทั่งเรซที่สองซึ่งเป็นเรซสุดท้ายของการแข่งขัน โทปรัคสามารถแซงคืนจากบูเรก้าไปได้ในช่วงรอบกลาง ๆ กระทั่งจวนจะถึงหน้าเส้นชัย บูเรก้าบิดตามหลังโทปรัคชนิดได้ว่าวิญญาณติดเจ้าตัวไปด้วย ก่อนอาศัยจังหวะชิงความได้เปรียบจากตัวแข่งในโค้งสุดท้าย ปาดแซงโทปรัคเข้าหน้าเส้นชัยไปได้คนแรก พลิกสถานการณ์ความคาดหวังของแฟน ๆ จากค่ายใบพัดสีฟ้าไปเลยไม่น้อย โดยบูรก้า เลือกใช้ยางสเปคเดียวกัน หน้า SC1 หลัง D0922
Pirelli กับเวลาการแข่งขันที่เร็วขึ้นมากเมื่อเทียบกับปี 2024
นับว่าเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่ายาง Pirelli นั้นสามารถทำลายสถิติด้วยผลเวลารวมที่ดีกว่าปีที่แล้วทุกเซกชัน ทั้งเวลารวมในเรซ 1 จบเวลาที่ 33’38.735 นาที ซึ่งเร็วกว่าปีที่แล้ว 15 วินาที เฉลี่ยเร็วขึ้น 7 วินาทีต่อรอบของนักแข่งแต่ละคน สำหรับรอบซุปเปอร์โพลเรซจบเวลารวมที่ 15’15.882 นาที ทุบสถิติปีที่แล้วเร็วขึ้น 5 วินาที และสุดท้ายในรอบเรซ 2 กับเวลารวม 33’26.909 นาที เร็วกว่าเรซแรกถึง 12 วินาที และเร็วกว่าปีที่แล้ว 37 วินาที โดยเฉลี่ยแล้วแล็ปไทม์ต่อรอบเร็วขึ้น 1.7 วินาทีทีเดียว
ดูคาติ ควบ ยามาฮ่า คว้าชัยใน WorldSSP
ส่วนการแข่งขัน Race 1 ใน WorldSSP โดย Jaume Masia (Ducati) สามารถคว้าชัยชนะในเรซแรก และเป็นครั้งแรกของเจ้าตัว ด้วยยางคอมปาวด์มาตรฐานหน้า SC1 และยางหลัง SC0 กับเวลาสถิติครั้งใหม่ที่ 1’34.403 นาที ส่วนในรอบ Race 2 ชัยชนะตกเป็นของชายหนุ่มจอมเก๋า Can Oncu ที่สามารถพา YZF-R9 พร้อมสเปคยางหน้า SC1 หลัง SC0 ฝ่าเส้นชัยไปเป็นคนแรก ด้วย Best Lap ที่ถูกบันทึกครั้งใหม่ที่ 1’34.338 นาที ทุบผลเวลาสถิติของวันเสาร์ไปโดยปริยาย
“เราทราบดีว่าสนาม Most Circuit เป็นหนึ่งในสนามที่ต้องการใช้ยางมากที่สุด โดยในปฏิทินการแข่งขันของ WorldSBK มีเพียงที่ฟิลิปส์ ไอซ์แลนด์เท่านั้นที่เป็นสนามทำให้ยางเกิดความตึงเครียดมากที่สุด กินเนื้อยางมากสุด (แข่งครึ่งเรซเปลี่ยนยาง เพราะผิวแทร็กใหม่)
อย่างไรก็ตามการประเมินของเราทั้งสุดสัปดาห์นี้ สิ่งที่ไม่คาดฝันก็คือโทปรัคและบูเรก้านั้นห้ำหั่นกันอย่างดุจเดือดในสนามนี้ ซึ่งนับว่าเป็นผลดี โดยหลังจากวันศุกร์ที่ประเมินสภาพสนามและอุณหภูมิสภาพอากาศแล้วไม่ง่ายเลยนัก (อุณหภูมิต่ำ) แต่สองวันที่ผ่านมานี้ นักแข่งทำเวลาได้รวดเร็วมาก และผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าประทับใจ
ในการแข่งขันรอบเรซ 1 วันเสาร์เร็วขึ้นเกือบ 15 วินาทีจากปีที่แล้ว เฉลี่ยต่อรอบดีขึ้นเกือบ 0.7 วินาที ขณะที่การแข่งขันซุปเปอร์โพลเรซวันอาทิตย์ เวลารวมของการแข่งขันดีขึ้นเกือบ 5 วินาที หรือประมาณครึ่งวินาทีต่อรอบ และโทปรัค ก็ทำลายสถิติรอบการแข่งขันด้วยเวลาที่ดีขึ้นเกือบ 1 วินาทีจากที่เขาทำไว้เมื่อวานนี้
ซึ่งหากลองสังเกตเมื่อปีที่แล้วในซุปเปอร์โพล เรซ นักแข่งเกือบทั้งหมดใช้ยางหลัง SC0 ขณะที่ปีนี้ ด้วยอุณหภูมิที่ต่ำกว่า พวกเขาใช้ยางรุ่นโปรโตไทป์ D0922 ซึ่งทำให้ผลลัพธ์ที่ได้นั้นยิ่งมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น
ส่วนที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือในรอบเรซ 2 ที่เร็วกว่าการแข่งขันในเรซ 1 ถึง 12 วินาที และเร็วกว่าปีที่แล้วถึง 37 วินาที โดยเฉลี่ยต่อรอบดีขึ้นถึง 1.7 วินาทีเลยทีเดียว และตอนนี้เราจะกลับไปที่ประเทศอิตาลี ที่สนาม มิซาโน่เพื่อการแข่งขันใน Pirelli Emilia-Romagna Round ซึ่งจะเป็นการปิดฉากครึ่งแรกของการแข่งขันชิงแชมป์ฤดูกาลนี้”
ผลคะแนนรวมล่าสุด
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก
 |
 |
