หากลองหลับตาแล้วจินตนาการถึงถนนเมืองไทยเมื่อ 30 ปีก่อน เสียงท่อไอเสียที่แผดกร้าวและควันขาวจางๆ ที่มีกลิ่นหอมของออโต้ลูปจะลอยมาเตะจมูกทันที นั่นคือยุคสมัยของ “2 จังหวะครองเมือง” และท่ามกลางรถแข่งในกริตบนท้องถนนคันแล้วคันเล่า ชื่อของ Honda Nova RS คือชื่อที่ถูกสลักไว้ในฐานะ “ราชันแห่งรถกระเทย” Honda Nova RS ตำนานรถกระเทย อย่างไม่มีใครกล้าปฏิเสธ แม้เทคโนโลยีจะเปลี่ยนไปสู่รถไฟฟ้าที่เงียบกริบ แต่ชื่อของ Nova RS กลับยิ่งทรงคุณค่าและมีราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ
จุดกำเนิดและวิวัฒนาการ จาก Nova S สู่ความร้ายกาจในรหัส RS
ย้อนกลับไปในช่วงกลางทศวรรษที่ 80 ถึงต้น 90 ตลาดรถจักรยานยนต์ในไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อ Honda ตัดสินใจเปิดตัวตระกูล Nova เพื่ออุดช่องว่างระหว่างรถครอบครัวที่ขี่ง่าย กับรถสปอร์ตถังหน้าคันใหญ่ที่ขี่ยาก การวางตำแหน่งทางการตลาดนี้เองที่ทำให้เกิดมอเตอร์ไซค์รูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Moped Sport หรือที่คนไทยเรียกติดปากว่า “รถกระเทย” เพราะมันมีช่วงหน้าแบบรถผู้ชาย (โช้คเทเลสโกปิคยาว) แต่มีช่วงล่างและถังน้ำมันใต้เบาะแบบรถผู้หญิง
จากจุดเริ่มต้นด้วยรุ่น Nova S ที่มี 4 เกียร์และดิสก์เบรกแบบธรรมดา Honda ไม่หยุดนิ่งและส่งรหัส RS (Road Sport) ออกมาสั่นสะเทือนวงการ ด้วยการยัดเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดในยุคนั้นลงไป ทำให้มันกลายเป็นรถที่วัยรุ่นทุกคนต้องมี ถ้าใครขี่ Nova RS ในตอนนั้น ความเท่ของคุณจะพุ่งสูงกว่าคนขี่รถเก๋งเสียด้วยซ้ำ
เจาะลึกวิศวกรรม 2 จังหวะ 105ซีซี หัวใจของความแรงที่ใครก็ตามไม่ทัน
หัวใจสำคัญที่ทำให้ Nova RS กลายเป็นตำนานคือเครื่องยนต์ 2 จังหวะ ขนาด 105.4 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ แม้ตัวเลขซีซีจะดูไม่มากเมื่อเทียบกับมาตรฐานปัจจุบัน แต่นี่คือเครื่องยนต์ที่ “ม้าดีทุกตัว” การตอบสนองของคันเร่งนั้นติดมือชนิดที่ว่ารถ 4 จังหวะ 150 ซีซี ในยุค 2025 ยังต้องมีหนาว เพราะรถ 2 จังหวะให้กำลังในทุกๆ รอบการหมุนของลูกสูบ
ด้วยพละกำลังสูงสุดกว่า 12 แรงม้า (ในบางเวอร์ชัน) บนน้ำหนักตัวที่เบาหวิว ทำให้ Nova RS มี “แรงม้าต่อน้ำหนัก” ที่ดีเยี่ยม ส่งผลให้อัตราเร่งช่วงต้นและช่วงกลางดุร้ายราวกับสัตว์ป่า มันคือรถที่เกิดมาเพื่อ “สวน” ทุกค่ายที่บังอาจมาท้าทายที่ไฟแดง
ดีไซน์ที่เปลี่ยนโลก โช้คเดี่ยวและดิสก์เบรกที่ปลุกกระแส “รถซิ่ง”
Nova RS คือผู้มาโปรดของเหล่า “ขาซิ่ง” เพราะ Honda ใจป้ำใส่ระบบ โช้คอัพหลังเดี่ยว (Mono Shock) มาให้ ซึ่งในยุคนั้นรถครอบครัวทั่วไปยังใช้โช้คคู่กันอยู่เลย การมีโช้คเดี่ยวไม่เพียงแต่ทำให้รถดูสปอร์ตและสวยงามขึ้น แต่มันยังช่วยในเรื่องของการทรงตัวขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่วัยรุ่นยุคนั้นถวิลหา
นอกจากนี้ ระบบเบรกหน้าแบบดิสก์เบรกที่มีประสิทธิภาพสูง ยังช่วยให้การหยุดความแรงของเครื่องยนต์ 105 ซีซี ทำได้อย่างมั่นใจ การดีไซน์ตัวรถที่เพรียวลมและท่านั่งที่ก้มหมอบได้เล็กน้อย ทำให้ Nova RS กลายเป็นแม่แบบของรถแข่งในสนามแข่งถนน (Drag Race) ทั่วประเทศไทย
การแบ่งรุ่นย่อย รหัสลับที่นักสะสมปี 2568 ต้องไล่ล่า
หากคุณเดินเข้าไปในตลาดรถมือสองวันนี้ คุณจะพบว่าราคาของ Nova แต่ละรุ่นต่างกันลิบลับ นักสะสมจะมองหา Nova RS หรือ Nova RS Super เป็นอันดับแรก เพราะเป็นรุ่นท็อปที่มีออปชันเต็มที่สุด โดยเฉพาะตัว “RS Super” ที่มาพร้อมเกียร์ 5 สปีด (ในรุ่นหลังๆ) และคลัตช์มือที่ให้ฟีลลิ่งการขับขี่แบบสปอร์ตขนานแท้
สีสันและลายสติกเกอร์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัย ลายยอดฮิตอย่าง “สีม่วง-ขาว” หรือ “เหลือง-ดำ” กลายเป็นของแรร์ที่สภาพนางฟ้าอาจมีราคาพุ่งทะลุ 100,000 บาทไปแล้ว ซึ่งถ้าเทียบกับราคารถใหม่ในยุคนั้นที่อยู่ราวๆ 30,000 – 40,000 บาท จะเห็นได้ว่านี่คือการลงทุนที่คุ้มค่ากว่าทองคำเสียอีก!
ความเก๋าที่รถรุ่นใหม่ซื้อไม่ได้ด้วยเงิน
ในปี 2568 ที่โลกกำลังเห่อรถไฟฟ้าที่ไร้เสียงและไร้จิตวิญญาณ การได้เห็น Nova RS สภาพเดิมๆ วิ่งผ่านพร้อมกลิ่นออโต้ลูปหอมๆ มันคือการตบหน้าเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างจังว่า “ความเท่ที่แท้จริงคืออะไร” รถรุ่นใหม่ๆ อาจจะมีหน้าจอ TFT มีระบบ ABS หรือเชื่อมต่อบลูทูธได้ แต่สิ่งเหล่านั้นเทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกที่ได้ “เตะเกียร์” แล้วรถพุ่งทะยานไปข้างหน้าพร้อมควันขาวที่เป็นเอกลักษณ์
Honda Nova RS ตำนานรถกระเทย จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่รถจักรยานยนต์คลาสสิก แต่มันคือตำนานที่เป็นบทเรียนสำคัญของวงการยานยนต์ไทยว่า รถที่ดีไม่จำเป็นต้องมีซีซีเยอะที่สุด แต่ต้องเป็นรถที่ “เข้าถึงใจ” คนขี่ได้มากที่สุด… และ Nova RS ก็ทำหน้าที่นั้นได้อย่างไร้ที่ติมาตลอด 30 ปี
อ่านข่าวมอเตอร์ไซค์อื่นๆ คลิกที่นี่




