ลอยแพส่งท้ายปี! Neta วิกฤตหนัก
สถานการณ์ของ Neta Auto ในประเทศไทยในช่วงเดือนธันวาคม 2568 กำลังก้าวเข้าสู่จุดวิกฤตที่สุดนับตั้งแต่เริ่มทำตลาดมา โดยมีประเด็นสำคัญที่น่าจับตามองคือข่าวลือเรื่องการหายตัวไปของผู้บริหารระดับสูงชาวจีน
ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของดีลเลอร์และซัพพลายเออร์ในห่วงโซ่การผลิตทั้งหมด
สัญญาณแพแตก: เมื่อดีลเลอร์ถูกทิ้งให้สู้ลำพัง
มีรายงานระบุว่า ดีลเลอร์ Neta หลายรายในประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาค้างชำระเงินคืน (Rebate) และค่าสนับสนุนการตลาดรวมมูลค่ากว่าพันล้านบาท ขณะที่การติดต่อกับทางสำนักงานใหญ่เป็นไปอย่างยากลำบาก
หลังจากมีกระแสข่าวว่าผู้บริหารบางท่านได้เดินทางออกจากประเทศไทยไปโดยไม่แจ้งกำหนดการกลับที่ชัดเจน สถานการณ์นี้บีบบังคับให้ดีลเลอร์บางแห่งต้อง “ตัดใจขาย” หรือ Cut Loss ด้วยการลดราคา NETA V-II ลงอย่างรุนแรงจนเหลือไม่ถึง 300,000 บาท เพื่อดึงกระแสเงินสดกลับมาประคองธุรกิจ
ปัญหากฎหมายจราจรและภาษี: ดาบสองคมของ EV 3.0
สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าราคาขายต่อ คือเงื่อนไขที่ Neta ทำไว้กับกรมสรรพสามิต ภายใต้มาตรการ EV 3.0 ซึ่งกำหนดให้ต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชดเชยในประเทศตามสัดส่วนที่นำเข้า หากภายในสิ้นปี 2568 นี้
โรงงานประกอบในไทยไม่สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย (ซึ่งปัจจุบันมีรายงานว่าสายการผลิตหยุดชะงัก) กรมสรรพสามิตมีสิทธิ์ที่จะเรียกคืนเงินอุดหนุนและภาษีสรรพสามิตที่เคยให้ไว้ ซึ่งอาจส่งผลให้สถานะทางการเงินของบริษัทแม่ที่ย่ำแย่อยู่แล้วเข้าสู่ภาวะล้มละลายได้ทันที
ผู้บริโภคควรทำอย่างไร?
สำหรับผู้ที่กำลังเล็งโปรโมชั่น “ลดแหลก” ของ Neta ในขณะนี้ จำเป็นต้องพิจารณาความเสี่ยงเรื่องบริการหลังการขายและอะไหล่ในระยะยาว หากบริษัทแม่ไม่สามารถฟื้นฟูกิจการได้ตามแผนปรับโครงสร้างองค์กรที่เคยแจ้งไว้ การรับประกัน (Warranty) และการซ่อมบำรุงอาจกลายเป็นภาระหนักของเจ้าของรถในอนาคต
อ่านข่าวมอเตอร์ไซค์อื่นๆ คลิกที่นี่


