ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยสำหรับไลน์อัปเหล่านักบิดของการแข่งขัน MotoGP ประจำฤดูกาล 2026 โดยสองทีมที่มีการปรับผังนักแข่งได้แก่สองทีมแซทเทิลไลท์อย่าง LCR Honda และ Prima Pramac Yamaha ซึ่งในรายหลังมีการปรับไลน์อัปที่น่าสนใจโดยการดึงแชมป์โลก WSBK สองสมัยอย่าง Toprak Razgatlioglu มาจับคู่กับแจ็ค มิลเลอร์
ซึ่งการขยับครั้งนี้ทำให้ทางทีม Prima Pramac Yamaha ต้องทำการสลับขั้วส่งนักบิดสัญชาติโปรตุเกสอย่างมิเกล โอริเวียร่าไปลงแข่งขัน WSBK ในฤดูกาล 2026 ร่วมกับทีม ROKiT BMW Motorrad WorldSBK Team ซึ่งผลงานของ Toprak Razgatlioglu ทำผลงานยอดเยี่ยมนับตั้งแต่ก้าวขึ้นสู่ WSBK ในปี 2018 และกำลังจ่อคว้าแชมป์สมัยที่สามในฤดูกาล 2025
แม้จะสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขัน WSBK แต่เมื่อการที่ได้มาแข่งขันในอีกหนึ่งรายการที่ใช้รถแข่งในกลุ่มของโปรโตไทป์ก็คาดว่ามีความท้าทายกว่าเป็นอย่างมาก ด้วยประสบการณ์ที่ยังไม่เคยลงแข่งขันในระดับโมโตจีพี และทางค่ายยามาฮ่าเองก็ยังมีปัญหากับตัวแข่งอย่าง YZR-M1 ที่มักเกิดอาการ และปัญหาอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ไม่สามารถขึ้นไปสู้ในกลุ่มหัวตารางได้
โดยราซกัตลิโอกลูอาจยังแสดงศักยภาพได้ไม่เต็มที่จนกว่าจะถึงปี 2027 เมื่อกติกาใหม่, ตัวแข่งใหม่ และการเปลี่ยนไปใช้ยาง Pirelli น่าจะ ‘รีเซ็ตกระดาน’ ให้เท่าเทียมขึ้น โดยนักบิดสัญชาติตุรกีรายนี้เองก็ให้สัมภาษณ์กับ Speedweek ว่าการแข่งขันโมโตจีพีครั้งแรกของเจ้าตัวในฤดูกาล 2026 จะเป็นปีแห่งการเรียนรู้ของเจ้าตัวโดยแท้
‘ปีนี้เป็นปีที่หนักสำหรับผม (การแข่งขันฤดูกาล 2025) ผมเคยชนะหรือจบโพเดียมมาตลอด แต่มันจะต่างออกไปในโมโตจีพี ปีหน้าอาจทำได้แค่ติดท็อป 10 หรือจบอันดับที่ 12 หรือ 14
‘การรับมือกับเรื่องนี้ไม่ง่ายหรอก ผมเตรียมใจไว้แล้วว่าปีแรกจะเป็นปีแห่งการเรียนรู้ ต่อให้จบที่ 13 หรือ 14 ผมก็ต้องโฟกัสกับหน้าที่ของตัวเอง การที่ผมคิดแบบนี้หวังว่าจะช่วยผมได้มาก ผมไม่คาดหวังอะไรในปีแรก และจะพยายามปรับตัวเข้ากับตัวรถแล้วสนุกไปกับมัน’
และเมื่อถูกถามไปถึงครั้งที่เจ้าตัวย้ายไปมาแข่งขันให้ BMW ในรายการ WSBK ปีแรกแต่ก็สามารถโชว์ผลงานได้อย่างร้อนแรงจนสามารถคว้าแชมป์ได้ตั้งแต่ปีแรกของการย้ายเข้ามาร่วมทีม ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่าคาดหวังว่าการที่ย้ายกลับมาขี่ยามาฮ่าในโมโตจีพีจะสามารถทำได้ แม้จะยากมากก็ตาม
‘ตอนที่ผมเซ็นกับ BMW ผมมองว่าปีแรกเป็นปีฝึกซ้อม และตั้งใจจะไปลุ้นความสำเร็จในปีที่สอง แต่สุดท้ายเรากลับทำได้ทันทีตั้งแต่ปีแรก’
‘บางทีในโมโตจีพีก็อาจเป็นแบบเดียวกัน บางทีผมอาจเริ่มต้นแบบปีฝึกซ้อม แล้วเราจะทำอันดับดี ๆ ได้หลังผ่านสักห้าหรือหกรายการ’
โทปรัคจะสามารถปรับตัวได้ไวเหมือนครั้งที่เจ้าตัวมาแข่งขันให้กับ BMW แล้วคว้าแชมป์ได้ตั้งแต่ปีแรกของการแข่งขันได้หรือไม่ สำหรับดีกรีแชมป์โลก WSBK 2 สมัยก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย