ฟีลลิ่งมอเตอร์ไซค์
สิ่งสำคัญไม่ควรมองข้าม
ฟีลลิ่งมอเตอร์ไซค์ ทำไมมันถึงมีบทบาทสำคัญต่อการแข่งขัน หรือแม้กระทั่งใช้งานบนท้องถนน
มีใครหลาย ๆ คนเคยสงสัยหรือไม่? ทำไมเราดูการแข่งโมโตจีพีหรือเวิร์ลซูเปอร์ไบค์มักจะมีนักแข่งซักคนหรือคนที่เราคาดการณ์หรือเชียร์นั้นสามารถโชว์ศักยภาพได้ดีในสนามนั้น ๆ แต่ทว่าเกิดเหตุกลับตาลปัตรผิดโผ รีดฟอร์มไม่ได้ตามมาตรฐานที่วางไว้ ชวนทำเอาหงุดหงิดไปตาม ๆ กัน เชื่อเลยหล่ะครับ ว่ายังไงก็ต้องมี เหมือนอย่างล่าสุดอย่าง ฟรานเชสโก้ บัญญาญ่า แม่ทัพแนวหน้าแชมป์โลก 2 สมัย กลับโชว์ฟอร์มไม่ได้ดั่งใจตามคาดหวัง หรือไม่ได้ตามมาตรฐานที่วางไว้ตั้งแต่ต้นฤดูกาล 2025 ที่ผ่านมา เพราะมีปัญหาในเรื่องของ ฟีลลิ่งมอเตอร์ไซค์ ความรู้สึกกับการขับขี่ GP25 ตัวใหม่ เพราะฟีลลิ่งมันคืออะไร ทำไมนักแข่งถึงต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นหลัก ในบทความนี้..เราจะมาไขกุญแจให้ทราบกันครับ
แน่นอนว่าการขี่มอเตอร์ไซค์มันไม่ใช่เรื่องของแรงม้า ท็อปสปีด หรือตัวเลขสเปคทางเทคนิคที่อยู่บนตัวเลขในจอเท่านั้น แต่หัวใจหลักของการควบคุมรถจริง ๆ ก็คือ “ฟีลลิ่ง” หรือ “ความรู้สึก” ที่นักขับขี่สัมผัสฟีดแบคจากตัวรถในทุกจังหวะ ทั้งการเร่ง การเบรก การเข้าโค้ง หรือแม้กระทั่งตอนขี่ทางตรง ฟีลลิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนภาษาที่ “ไร้คำพูด” ระหว่างคนขี่กับรถ และสามารถเป็นตัวกำหนดได้ว่าการขับขี่นั้นจะจบลงด้วยความมั่นใจ หรือความผิดพลาด
“ฟีลลิ่ง” ในโลกของการขี่มอเตอร์ไซค์ หมายถึง ความรู้สึกหลังสัมผัสหรือปฏิกิริยาที่ร่างกายของผู้ขับขี่ได้รับจากตัวรถในทุกจังหวะ เช่น ฟีลลิ่งของคันเร่ง เบรก คลัตช์ น้ำหนักแฮนด์ การสะเทือนจากช่วงล่าง หรือแรงสะท้อนจากพื้นถนน จากการทดสอบในโหมดต่าง ๆ ของตัวผู้ขับขี่ เพื่อจับ “อาการ” ของตัวรถว่ารถที่ขี่นั้น มีคาแรคเตอร์หรือการเซ็ตติ้งมาอย่างไร ?
สำหรับนักแข่ง ฟีลลิ่งไม่ใช่แค่ความรู้สึกส่วนตัว แต่มันคือเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินสถานการณ์และตัดสินใจภายในเสี้ยววินาที เช่น การรู้ว่าแทร็กเริ่มลื่น การจับอาการสไลด์ หรือการเลือกเส้นเข้าโค้งที่รถตอบสนองได้ดีที่สุด ฟีลลิ่งจึงเป็นเหมือนเซ็นเซอร์พิเศษที่ไม่มีใครเห็น แต่คนขี่รับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณและประสบการณ์
ประโยชน์ของฟีลลิ่งต่อการแข่งขัน / ใช้งานบนท้องถนน
ในเรื่องการแข่ง : ฟีลลิ่งคือข้อมูลสำคัญในการเซ็ตอัปรถสำหรับแข่งขัน นักแข่งต้องบอกวิศวกรได้ว่า “รถรู้สึกยังไง” เพื่อให้ทีมสามารถปรับช่วงล่าง แรงดันยาง อัตราทด หรือแม้แต่พฤติกรรมของ ECU เพื่อปรับให้เข้ากับสไตล์ของนักขี่โดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น นักแข่งที่ชอบรถหน้าแน่น อาจต้องการโช้กหน้าแข็งขึ้น ขณะที่อีกคนอาจชอบรถท้ายไวเพื่อง่ายต่อการเลี้ยว ฟีลลิ่งที่ถ่ายทอดได้ดี ช่วยให้รถตอบสนองตรงตามความถนัดของผู้ขี่ และเพิ่มความเร็วต่อรอบได้อย่างมหาศาล
ประกอบกับยังสร้างข้อมูลใหม่ ๆ ให้กับทีมวิศวกรว่าสนามนั้นเป็นอย่างไร โค้งนี้ควรปรับตรงไหน จุดเบรกนี้ควรปรับอย่างไร จังหวะการเร่งออกโค้งใช้ตรงไหน เพื่อความแม่นยำและความได้เปรียบในการแข่งขันอีกด้วย
การใช้งานบนท้องถนน : ฟีลลิ่งบนท้องถนนก็ไม่แพ้ในสนามแข่งเช่นเดียวกัน เพราะมันส่งผลต่อความมั่นใจและความปลอดภัยต่อตัวผู้ขับขี่ โดยเฉพาะการขับขี่ในวาระโอกาสต่าง ๆ อาทิ การขี่ใช้งานในเมือง หรือการขับขี่ออกทริปทางไกล การขี่ลุยบนทางลูกรัง ขึ้นเขา ลุยป่า เครื่องยนต์ ช่วงล่าง การออกแบบโพซิชั่นของตัวรถส่งผลต่อผู้ขับขี่ได้มากน้อยเพียงใด เผื่อเป็นปัจจัยหลักข้อหนึ่งในการเลือกพิจารณาก่อนจองรถที่ชอบได้อีกด้วยครับ
ฟีลลิ่งที่ดีจะช่วยให้ผู้ขับขี่ กล้าเบรกแรงขึ้น / เข้าโค้งได้มั่นใจ / และควบคุมรถได้ง่ายมากขึ้น
นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ขับขี่รู้ว่า “รถเรามีอะไรผิดปกติ” เช่น เสียงผิดปกติ การสะเทือนที่ต่างไป หรือความรู้สึกฝืดขณะเข้าเกียร์ เหล่านี้คือสัญญาณที่ฟีลลิ่งเตือนเราก่อนที่ปัญหาจะลุกลาม
วิธีตรวจเช็คอาการรถ / เซ็ตติ้งให้เข้ากับผู้ขับขี่
บันทึก “ความรู้สึก” หลังจากที่ได้ขับขี่ : หลังขี่เสร็จ เขียนสั้น ๆ ชอบหรือไม่ชอบตรงไหน ตอนเบรก/เร่ง/เข้าโค้ง รู้สึกยังไง มีจุดไหนไม่มั่นใจ/หน่วง/สะเทือนผิดปกติ
เปลี่ยนทีละอย่าง : ปรับโช้ค รีบาวด์ พรีโหลด หรือแรงดันยางทีละจุด แล้วออกไปลองขี่ใหม่ เช็กว่าฟีลลิ่งเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นไหม ถ้าใช่ = จดไว้ ถ้าไม่ใช่ = กลับไปตั้งค่าเดิม
เปรียบเทียบแบบ “การพูด” : ให้ความรู้สึกนำหน้าเสมอ บางครั้งตัวเลขโช้คหรือแรงดันอาจเหมาะตามทฤษฎี แต่ถ้าฟีลไม่มา ให้ฟังความรู้สึกของผู้ขี่เป็นหลัก
ทดลองโดยไม่มองใช้เครื่องมือสามแต่เป็นตัวเปรียบ : แปลง่าย ๆ คือขี่โดยไม่มองค่าในจอตัวรถหล่ะครับ ใช้ความรู้สึกตลอดทั้งคัน เช่น คลัตช์ เบรก แฮนด์ ยาง ถ้าฟีลลิ่งขัด ๆ จุดใดจุดหนึ่ง อาจกระทบฟีลลิ่งของรถทั้งคัน
ตัวอย่าง : โมเดล สกูตเตอร์ 1 คัน และฟีลลิ่งที่ต้องสัมผัส ?
ท่านั่งขับขี่
- นั่งแล้ว “ผ่อนคลาย” หรือ “เกร็ง”?
- น้ำหนักตัวลงจุดไหน? ลงตัวกลางเบาะ ไม่เอียงจุดถ่วงน้ำหนักไปด้านหน้าหรือหลังมากเกินไป
- ตำแหน่งมือกับแฮนด์ ตึงหย่อนขนาดไหน ?
- ขาแตะถึงพื้นไหม สำหรับส่วนสูงของผู้ขับขี่
- รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถใหม่ ? คุมง่ายหรือยาก..
- มีอาการเมื่อยเฉพาะจุด หลังขี่หรือไม่ ?
เครื่องยนต์
- แรงบิด เป็นอย่างไร
- การตอบสนองคันเร่ง หน่วงไหม กระตุกหรือเปล่า ?
- เสียงเครื่อง เป็นอย่างไร ไหลลื่นหรือสะดุด
- อัตราเร่งและรอบ ลื่นไหลหรือไม่ มีหน่วงในช่วงไหน ต้นกลางปลาย
- เครื่องสั่นแรงไปไหม
ช่วงล่าง
- ตอนเบรกแรง ๆ เป็นอย่าง โช้คยวบเยอะหรือไม่
- ตอนเร่งออกจากโค้ง ท้ายเกาะ หรือมีอาการสบัด
- จังหวะเข้าโค้ง โช้คดิ้นย้วยหรือไม่
- ขี่ทางตรงยาว สั่นไหม ?
ฟีลลิ่งช่วงล่างที่ดี จะต้องซับแรงได้ ตอบสนองไว ไม่กระตุกหรือดีดกลับ และยังเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่อีกด้วย
สรุป
ฟีลลิ่งของนักขับขี่ ไม่ได้เป็นแค่ความรู้สึกในใจ แต่คือเครื่องมือระดับสูงในการควบคุมรถ ให้เราตอบสนองได้แม่นยำ มีความมั่นใจ และปลอดภัยมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นนักแข่ง หรือสายขี่เที่ยว ฟีลลิ่งคือสิ่งที่ทำให้คุณ “รู้” ว่ารถกำลังพูดอะไรกับคุณ และเมื่อคุณฟังมันออก คุณก็จะขี่ได้อย่างมั่นใจในทุกสถานการณ์
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก