รีวิว BMW R nineT 2021 บ็อกเซอร์ ไฟกลม หล่อสุดในคลาส
สำหรับบทความนี้เราก็จะมา รีวิว BMW R nineT 2021 ที่เพิ่งเปิดตัวกันไปได้ไม่นานนะครับ มันเป็นที่อยู่ในตระกูลโมเดิร์นเรโทรไบค์จากบีเอ็มดับเบิลยูที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรถในยุค 1950 – 1960 ที่มีสียอดนิยมแห่งยุคเป็นสีดำ และ R90S ที่เป็นสปอร์ตไบค์จากยุค 70 กลายมาเป็นมอเตอร์ไซค์ที่มีความเรียบง่ายแบบคลาสสิคแต่มีความทันสมัยอยู่ภายใน และยังออกแบบมาให้ง่ายต่อการคัสตอมตกแต่งเพิ่มเติม
สำหรับโมเดลใหม่ในปีนี้นั้นจะมีแนวคิด Classic Look but Modern Inside คือมีการเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้าไปให้มากขึ้น ช่วยให้ขับขี่ได้ดีขึ้นและปลอดภัยมากขึ้น โดยไม่ทิ้งดีไซน์คลาสสิคในแบบฉบับดั้งเดิมไปนั่นเอง
คลาสสิคดูดีมีชาติตระกูล
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
โมเดลที่เรามาทดสอบนี้จะมีดีไซน์ในสไตล์โมเดิร์นคลาสสิค ไฟหน้าและเรือนไมล์ทรงกลม ถังน้ำมันสีดำแบบดั้งเดิม ตลอดไปจนถึงล้อแบบซี่ลวด (แบบไม่ใช้ยางใน) แต่มีการผสมผสานความทันสมัยควบคู่ลงไปในรถคลาสสิคคันนี้ ทำให้ตัวรถไม่เพียงแต่ดูดีมีสง่าราศีมีชาติตระกูล แต่ยิ่งทำให้มันน่าขี่มากขึ้นกว่าเดิม โดยระบบไฟส่องสว่างเป็น LED ทั้งระบบ ส่วนเรือนไมล์เป็นแบบผสมกึ่งอนาล็อกกึ่งดิจิทัล
![]() |
![]() |
ตัวรถมีดีไซน์เอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่นด้วยทรงเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ที่เป็นลูกสูบนอนยื่นออกมาด้านข้าง ถังน้ำมันอลูมิเนียมสีดำน้ำหนักเบา อาร์มเดี่ยว มาพร้อมท่อปลายคู่จาก Akraprovic พร้อมล้อซี่ลวดที่ต้องบอกเลยว่าออกแบบมาได้ลงตัว ดูแล้วมีเสน่ห์เหลือร้ายไม่แพ้ใครในสายโมเดิร์นคลาสสิคอย่างแน่นอน
ขุมพลังเดิมแต่ปรับจูนใหม่
แม้ว่าเครื่องบ็อกเซอร์นั้นจะพัฒนาไปมากจนมีขนาดใหญ่สุด ๆ แบบที่ใช้ใน R18 หรือใหญ่ขึ้นไปอีกนิดแบบที่ใช้ใน GS รุ่นใหญ่ แต่สำหรับโมเดลนี้จะยังคงใช้เครื่องบ็อกเซอร์บล็อกเดิม แต่มีการปรับจูนใหม่ให้ผ่านมาตรฐานไอเสียใหม่ และมีกำลังดีขึ้น โดยยังคงเป็นเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 สูบนอน ระบายความร้อนด้วยอากาศ ขนาด 1,170 ซีซีเช่นเดิม แต่มีการออกแบบฝาสูบใหม่ ช่วยให้มีประสิทธิภาพในการผสมของอากาศและน้ำมันได้ดีขึ้น
ซึ่งการปรับจูนที่ว่าก็ทำให้เครื่องยนต์มีแรงม้ามาที่ 109 แรงม้าที่ 7,250 รอบ และแรงบิดที่ 116 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบ ช่วยให้สามารถเร่งจาก 0 – 100 ได้ใน 3.5 วินาที โดยที่ช่วง 4,000 – 6,000 รอบมีกำลังดีขึ้น ทำให้เร่งแซงได้ง่ายขึ้น
จากการทดลองขับขี่ก็พบว่าคาแรกเตอร์เครื่องยนต์สูบนอนมันก็จะสั่น ๆ หน่อยในรอบต่ำ ๆ พออยู่ในช่วงรอบกลาง ๆ รอบปลายก็ปกติทั่วไป แต่สำหรับเรื่องความแรงก็ต้องบอกเลยว่าไม่แพ้ใครเหมือนกัน เครื่องยนต์ตัวนี้ทอร์คสูงกว่าแรงม้า กำลังช่วงต้น ๆ กลาง ๆ ทำได้เป็นอย่างดีเลย ช่วงเร่งแซงไม่ต้องพูดถึง ไม่ต้องเชนเกียร์ลงมา เติมคันเร่งเข้าไปได้เลยหายห่วง และยังให้ฟีลลิ่งบิดกระแทกที่นุ่มนวล เพราะระบบขับเคลื่อนเป็นเพลาขับ
เรียกว่าขี่ในเมืองหรือเดินทางออกทริปทำได้อย่างสบาย ๆ โดยเจ้าคันนี้มีคันเร่งไฟฟ้าและมีไรดิ้งโหมดให้ปรับได้พร้อมฟีลลิ่งคันเร่งไฟฟ้าสุดเบา ขี่ง่ายเบาสบายมือมากครับ
ช่วงล่างนุ่มหนึบ
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
ในส่วนของช่วงล่างนั้น ด้านหน้าจะมีโช้คหน้าแบบหัวกลับอัปไซด์ดาวน์ แกนใหญ่ นุ่มนวล ซับแรงกระแทกได้ดีเลย ส่วนโช้คหลังเดี่ยวทำงานร่วมกับ BMW Paralever โดยโช้คหลังจะมีการติดตั้งรีโมทปรับค่าตัวโช้คมาให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นไปอีก เวลาเราต้องการปรับระยะการทำงาน ก็ทำได้ง่าย ๆ มือหมุน ๆ ก็ได้แล้ว
ซึ่งทางเราทดสอบนั้นคือค่าเดิมโรงงาน ช่วงที่ขึ้นคอสะพาน หรือกระดก ตัวโช้คทำงานได้ดีนุ่มและหนึบแน่นตอนเข้าโค้ง อันนี้ถือว่าให้โช้คที่ดีมาจากโรงงานเลย
![]() |
![]() |
ส่วนของเบรก ด้านหน้าจะเป็นดิสก์เบรกหน้าคู่ขนาด 320 ม.ม.และคาลิเปอร์เบรก Brembo ส่วนด้านหลังจะเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 265 ม.ม โดยจะมาพร้อมกับระบบเบรก ABS Pro อันนี้คือสิ่งสำคัญเลยที่บีเอ็มดับเบิ้ลยูใส่มาให้ช่วยเหลือในการเบรกที่ดีขึ้นทั้งในทางตรงและทางโค้ง เบรกได้มั่นใจ ระยะเบรกน้อย
รวมไปถึงแรงเบรกจากเอ็นจิ้นเบรกที่มีระบบ MSR ช่วยควบคุมเอ็นจิ้นเบรกที่ออกมาป้องกันล้อหลังล็อก ฟังดูคล้าย ๆ กับสลิปเปอร์คลัตช์แต่ไม่ใช่ ซึ่งจะช่วยในส่วนนี้ ทำให้เวลาเราเชนเกียร์และเบรกไปพร้อม ๆ กันจะได้ระยะเบรกที่สั้นขึ้นมากกว่าเดิม อันนี้ลองมาแล้ว ปลอดภัยมากขึ้นจริง ๆ
ขี่ไม่ยาก แต่เก๋ามากหน่อย !!
พูดถึงเรื่องของท่านั่งกันบ้างครับ สำหรับโมเดลนี้เรียกได้ว่ามีท่านั่งที่ออกแบบมาได้พอดี ก้าวขึ้นรถได้ง่ายตัวรถไม่สูงมากจนเกินไป คนสูง165-170 ซ.ม. ขี่ได้สบาย ๆ เหลือ ๆ เลยละ ส่วนท่านั่งจะออกแนวคาเฟ่เรเซอร์หน่อย ๆ เก๋า ๆ แฮนด์บาร์ไม่กว้างมาก พอที่จะมุดซอกแซกในเมืองได้อยู่
การบังคับรถช่วงความเร็วต่ำ ๆ ทำได้ดี แต่จะมีเพียงการทำงานของสไตล์เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ที่เป็นสูบนอนเวลาเครื่องเดินเบาหรือถึงรอบจังหวะมันพอดี ก็จะดึงรถออกข้าง ๆ หน่อย ซึ่งตรงนี้มันคือคาแรกเตอร์ ไม่นานเดียวก็ชินไปเอง แล้วก็จะควบคุมตัวรถง่ายนุ่มนวลได้ไม่อยาก
คลาสสิคแต่ไม่ล้าสมัย
นอกจากระบบที่ได้เอ่ยถึงไปแล้วอย่างโหมดการขับขี่หรือไรดิ้งโหมด ระบบเบรก ABS Pro และระบบ MSR แล้ว ตัวรถยังมีระบบอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ อีก ไม่หมดเพียงเท่านั้น
ตัวรถยังมีระบบ DTC หรือไดนามิกแทร็คชันคอนโทรล ซึ่งเสริมการทำงานกับระบบ MSR หรือเรียกว่าระบบควบคุมเอ็นจิ้นเบรก และระบบ DBC หรือไดนามิกเบรกคอนโทรล โดยทั้งหมดนี้จะทำงานควบคู่กันช่วยให้การยึดเกาะสูงสุด อาศัยเซ็นเซอร์มุมเอียง เซ็นเซอร์วัดความเร็วที่ล้อทั้งหน้าและหลัง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้มากยิ่งขึ้น
สรุปหล่อ เท่ ขี่สนุก
สำหรับการทดสอบและ รีวิว BMW R nineT 2021 คันนี้ขอบอกเลยว่า ออกแบบมาตอบโจทย์ไบค์เกอร์ที่เน้นขับขี่ชิลล์ ๆ สายหล่อเป็นหลัก โดยสามารถขี่ใช้งานในเมือง หรือเอาไปออกทริปจิบกาแฟสุดสัปดาห์ก็ทำได้สบาย ๆ รูปลักษณ์ ภูมิฐาน มีระดับ หรือถ้าใครอยากได้ความเท่ขึ้นกว่านี้ก็มียังตัว Option 719 ที่ตัวถัง เฟรม ลวดลายดูเด่นกว่าเฉพาะตัว ต้องบอกเลยว่าเลือกรุ่นนี้ไม่มีผิดหวัง คุ้มค่าสมกับราคาที่จ่ายไป
สำหรับสนนราคาคันนี้เปิดอยู่ที่ 859,000 บาทเท่านั้น ในส่วนรุ่นพิเศษ Option 719 เปิดราคาอยู่ที่ 919,000 บาท ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มค่าให้ทั้งความคลาสสิค ทันสมัย ตัวรถมีเรื่องราว มีตำนานที่มาที่ไป ทั้งนี้สำหรับใครที่สนใจ สามารถไปลองขับขี่กันได้ที่ BMW Motorrad ทุกสาขาทั่วไทยได้เลย