SuperBikeMag.Com ข่าวรถยนต์ รีวิวรถใหม่ รถยนต์ไฟฟ้า ข่าวรถจักรยานยนต์

ราคาและสเปคมอเตอร์ไซค์

  • All Posts
  • ราคาและสเปครถมอเตอร์ไซค์
  • All Posts
  • ราคาและสเปครถมอเตอร์ไซค์
CFLite 250NK ขับง่าย เน้นคล่องตัว

CFLite 250NK ขับง่าย เน้นคล่องตัว CFLite 250NK หนึ่งในโมเดลใหม่จากค่าย CFLite ที่อยู่ภายใต้การดูแลของแบรนด์ CFMoto แบรนด์รถจักรยานยนต์ยักษ์ใหญ่จากประเทศจีน ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่าแบรนด์ลูกนี้จะเตรียมจะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ก็อาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะส่งโมเดลประเภทของ ‘เน็กเก็ตไบค์’ เข้ามาทำตลาดชิมลางในประเทศไทยก่อน โดดเด่นด้วยขนาดของตัวรถ และเครื่องยนต์ที่ไม่ได้มีความใหญ่มากมาย ถ้านำไปใช้ขับขี่ในเมืองก็น่าจะมีความคล่องตัวอยู่ไม่น้อย เครื่องยนต์พิกัด 249 ซีซีพร้อมเกียร์แมนนวล หน้าจอดิจิตอล LCD   สเปค และรายละเอียดต่าง ๆ ของตัวรถ เครื่องยนต์ สูบเดียว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ปริมาตรกระบอกสูบ 249 ซีซี พละกำลังสูงสุด (แรงม้า) 25.5 แรงม้าที่ 9,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 21 นิวตันเมตรที่ 8,750 รอบต่อนาที ระบบวาล์ว DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก 72 x 61.2 มม. อัตราส่วนการอัด 11.3 :1 ระบบเกียร์ แมนนวล 6 สปีด ระบบจุดระเบิด ECU ระบบจ่ายเชื้อเพลิง คาบูเรเตอร์ EFI ระบบสตาร์ท สตาร์ทไฟฟ้า ระบบคลัตซ์ คลัตซ์แบบเปียกหลายแผ่นซ้อนกัน ระบบส่งกำลังสุดท้าย โซ่ ขนาดล้อ และยางหน้า 110/70-R17 ขนาดล้อ และยางหลัง 140/60-R17 ระบบกันสะเทือนหน้า โช้คอัพหน้าแบบเทเลสโคปิก ไม่สามารถปรับค่าอะไรได้ ระบบกันสะเทือนหลัง โช้คอัพเดี่ยว ไม่สามารถปรับค่าอะไรได้ ระบบเบรกหน้า ดิสก์เบรกเดี่ยว ระบบเบรกหลัง ดิสก์เบรกเดี่ยว กว้าง x ยาว x สูง 780 x 1,990 x 1,070 มม. ระยะฐานล้อ 1,360 มม. ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ 150 มม. ความจุถังน้ำมัน 12.5 ลิตร ความสูงเบาะ 795 มม. น้ำหนักรถ 151 กิโลกรัม เทคโนโลยี – ไฟหน้าแบบ LED   สีสันที่วางจำหน่าย Zephyr Blue (สีฟ้า) Bordeaux Red (สีแดง)   ในเรื่องของสเปคที่ให้มาพร้อมกับตัวรถ เมื่อดูทั้งหมดแล้วอาจจะดูไม่ค่อยน่าตื่นตาตื่นใจสมกับความเป็นรถจากค่ายจีน ที่มักจะขึ้นชื่อในเรื่องของให้ออปชัน และไม่กั๊กสเปค แต่คติของทาง CF Lite นั้น กำเนิดขึ้นมาเพื่อมุ่งเน้นไปที่ความประหยัด ทำให้ในเรื่องของออปชันต่าง ๆ ก็อาจจะถูกลดทอนลงไป ในเรื่องของการเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยนั้นก็อาจจะต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการ โดยราคาวางจำหน่ายหากอิงจากต่างประเทศอยู่ที่ 2,099.99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือตีมูลค่าเป็นเงินไทยราว 97,000 บาท ถ้าสนใจอยากลองก็คงต้องรอก่อนมาตอนไหนเดี๋ยว SuperBike Thailand จะรีบอัปเดตให้ทราบเลย  อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

2025 Zontes 703F แอดแวนเจอร์ค่ายรถขนขิง เคาะประตูตลาดไทยแล้ว

2025 Zontes 703F แอดแวนเจอร์ค่ายรถขนขิง เคาะประตูตลาดไทยแล้ว 2025 Zontes 703F รถจักรยานยนต์ประเภทแอดเวนเจอร์จากค่าย Zontes แบรนด์รถจักรยานยนต์ยักษ์ใหญ่จากประเทศจีน ที่ในปัจจุบันนี้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย และสร้างยอดการขายที่ส่งผลให้ทางค่ายเติบโตอย่างก้าวกระโดดในประเทศไทย ซึ่งโมเดลที่ได้วางจำหน่ายของทางค่ายก่อนหน้านี้อย่างรถจักรยานยนต์แนวสกูตเตอร์พรีเมียม 350D, 350E หรือแม้แต่สกูตเตอร์แอดเวนเจอร์อย่าง 368G ก็เข้ามาตีตลาด สร้างแรงกระเพื่อมในประเทศไทยได้ไม่น้อย  หลังจากที่กระแสการตอบรับในประเทศไทยของทั้งสามโมเดลที่ Zontes ได้ทำตลาดไปก่อนหน้านี้จึงส่งผลให้ทางค่ายมีแผนที่จะนำรถจักรยานยนต์อีกหนึ่งรุ่นเข้ามาเสริมทัพไลน์อัพของทางค่ายด้วยรถประเภทแอดเวนเจอร์ ซึ่งที่มาของเรื่องนี้ก็มาจากสมาชิกกลุ่มเฟซบุ๊ก ‘Zontes 350 Club Thailand’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอสั้น ๆ ที่รายละเอียดของวิดีโอเป็นรถจักรยานยนต์แนวแอดเวนเจอร์ที่มีองค์ประกอบต่าง ๆ คล้ายคลึงกับเจ้า 703F ซึ่งถนนที่รถคันนี้วิ่งเป็นช่วงถนนบางน้ำเปรี้ยว (ฉะเชิงเทรา) – บ้านสร้าง (ช่วงปราจีนบุรี) เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา    เครื่องยนต์ และระบบช่วงล่าง สายลุยคันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์แบบสามสูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำขนาดเครื่องยนต์ 699 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุดอยู่ที่ 97 แรงม้าที่ 10,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 76 นิวตันเมตรที่ 7,500 รอบต่อนาที เกียร์ 6 สปีดพร้อมควิกชิฟเตอร์ ข้อเหวี่ยงแบบ 120 องศา พร้อมระบบบาลานซ์เซอร์ ช่วยให้การส่งกำลังเป็นไปอย่างนุ่มนวล และลดแรงสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด พ่วงมาด้วยถังน้ำมันขนาด 22 ลิตร ระบบกันสะเทือนด้านล่างจากแบรนด์ Marzocchi แบบปรับตั้งค่าได้อย่างเต็มระบบทั้งด้านหน้า และด้านหลัง โดยด้านหน้าเป็นโช้คอัพแบบหัวกลับ (Up-Side Down) ด้านหลังโช้คอัพเดี่ยวมาพร้อมกับกระปุกซับแทงค์  ระบบเบรกด้านหน้าดิสก์เบรกคู่พร้อมคาลิเปอร์จากแบรนด์ J.Juan แบบสี่ลูกสูบพร้อมจานขนาด 310 มม. ติดตั้งอยู่คู่กับล้อหน้าแบบซี่ลวดขนาด 90/90-19 ด้านหลังดิสก์เบรกเดี่ยว มาพร้อมคาลิเปอร์จากแบรนด์ J.Juan เช่นเดียวกับด้านหน้าพร้อมจานขนาด 265 มม. ติดตั้งอยู่บนล้อหลังแบบซี่ลวดขนาด 150/70-17 รถค่ายจีนเทคโนโลยีมาแบบไม่กั๊ก สำหรับรถจักรยานยนต์จากประเทศจีนอย่างค่ายซอนเทสก็ขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของการที่ขายรถแบบ ‘ไม่กั๊กสเปค’ โดยเจ้าแอดเวนเจอร์คันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคันที่ให้สเปคมาแบบจัดเต็ม เริ่มด้วยหน้าจอสีแบบ TFT ขนาด 6.75 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่ครบครัน อีกทั้งหน้าจอของรถคันนี้ยังมี Refresh Rate ที่สูงถึง 1080p เรียกได้ว่าจอชัด คม ไหลลื่นอย่างแน่นอน เพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบตรวจจับจุดอับสายตา ซึ่งจะแจ้งเตือนผู้ขับขี่ด้วยสัญญาณภาพบนกระจกมองหลังเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา ไม่เพียงแค่ระบบตรวจจับจุดอับสายตาแต่ยังพร้อมด้วยกล้องบันทึกภาพขณะขับขี่ทั้งด้านหน้า และด้านหลังความคมชัดระดับ 1080P, เลนส์มุมกว้าง 140° และรูรับแสง F1.8 ช่วยให้สามารถจับภาพรายละเอียดสำคัญได้ในหลากหลายสภาพการขับขี่ เสริมความสะดวกสบายไปอีกขั้นกับระบบชิลด์หน้าแบบปรับไฟฟ้า ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ตลอดเส้นทาง (ส่วนตัวผู้เขียนว่าเป็นเทคโนโลยีที่เข้าท่า เพราะลำพังจะให้มาเอามือคอยปรับน่าจะไม่ค่อยสะดวกเท่าที่ควร) และอุปกรณ์พื้นต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับตัวรถคันนี้ก็ได้อกล่างสำหรับป้องกันเครื่องยนต์ ไฟส่องสว่างด้านล่าง และแคชบาร์สำหรับกันล้ม ในเรื่องของราคาวางจำหน่ายทางประเทศจีนได้เปิดราคาวางจำหน่ายของเจ้า 703F อยู่ที่ 45,000 หยวนหรือมูลค่าเป็นเงินไทยประมาณ 213,000 บาท (ราคายังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ) ซึ่งความเป็นไปได้ของโมเดลนี้ที่จะนำวางจำหน่ายในประเทศไทยก็มีความเป็นไปได้สูง ซึ่งก็มีการคาดการณ์ราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยอยู่ราว ๆ 250,000 บาท ตีเป็นตัวเลขกลม ๆ หากเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ชนใครบ้าง ? แน่นอนว่าการมาถึงของเจ้า Zontes 703F คันนี้รถจักรยานยนต์ประเภทแอดเวนเจอร์ไบค์อาจจะว้าวุ่นอยู่ไม่น้อย หากเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยด้วยราคาคาดการณ์ราคาดังกล่าว แน่นอนว่าจะต้องเจอคู่ปรับที่จอดรออยู่แล้ว เริ่มกันที่ตัวแทนจากค่ายยักษ์เขียวอย่าง Kawasaki Versys 650 แอดเวนเจอร์ไบค์สองสูบเรียง ราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 259,000 บาท หรือจะเป็นตัวแทนจากค่ายส้อมเสียง แบรนด์ยามาฮ่าที่พร้อมส่งเจ้า Yamaha Tenere 700 เข้ามาแย่งสัดส่วนตลาดของแอดเวนเจอร์ไบค์ ซึ่งมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 479,000 บาท แม้ว่าจะยังไม่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยสำหรับสายลุยพิกัด 700 ซีซีของทางซอนเทส แต่การได้เห็นมาวิ่งบนถนนของประเทศไทยก็เป็นสัญญาณที่ค่อนข้างชัดเจนไม่น้อยว่าอาจจะมีการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ที่อาจจะมาเปิดตัวในประเทศไทยช่วงไตรมาส 4 ของปี 2025 นี้ และราคาวางจำหน่ายจะเปิดตัวเท่าไหร่นั้น ติดตาม SuperBike Thailand ไว้ได้เลย หากมีราคาไทยออกมาเมื่อไหร่จะมาแจ้งให้ทราบอย่างแน่นอน อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Kamax Cub-X เดี๋ยวก่อน..นี่ไม่ใช่ C125

Kamax Cub-X เดี๋ยวก่อน..นี่ไม่ใช่ C125 Kamax Cub-X รถจักรยานยนต์ครอบครัว หนึ่งในโมเดลจากค่าย Kamax แบรนด์รถจักรยานยนต์สัญชาติจีน โดยการออกแบบดีไซน์ทางค่ายเคลมว่าได้รับแรงบันดาลใจจากเจ้า Honda CT125 แต่ถึงอย่างไรก็ตามแต่ดูแบบผิวเผินคันนี้ยังไงมันก็มีสไตล์ตัวรถคล้ายกับเจ้า Honda C125 แทบจะทุกประการ   เครื่องยนต์ขับขี่ง่าย เกียร์วน 4 สปีด โดยเครื่องยนต์ของเจ้าคันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์รหัส T150 แบบสูบเดียว ระบายความร้อนด้วยอากาศขนาดเครื่องยนต์ 147.5 ซีซี พละกำลังสูงสุดของเครื่องยนต์นี้อยู่ที่ 9 แรงม้าที่ 7,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 10.5 นิวตันเมตรที่ 5,000 รอบต่อนาที จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด ความจุถังน้ำมันขนาด 3.8 ลิตร พร้อมการปล่อยไอเสียที่ผ่านมาตรฐาน Euro5+ โดยทางค่ายเคลมว่าเครื่องยนต์นี้เหมาะกับการลุยทั้งทางวิบาก และการขับขี่ในชีวิตประจำวัน ช่วงล่าง และระบบเบรก ระบบกันสะเทือนล่างด้านหน้าเป็นโช้คอัพแบบเทเลสโคปิก และด้านหลังเป็นโช้คอัพแบบสปริงคู่ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มน้ำหนักเบา แต่ถูกออกแบบให้มีความแข็งแรงทนทานมาก เพื่อให้ซับแรงกระแทกได้นุ่มนวลมากยิ่งขึ้น วงล้อของรถคันนี้เป็นล้อแบบซี่ลวดโดยด้านหน้าเป็นล้อขนาด 2.75-17 และด้านหลังขนาด 3.00-17 รัดด้วยยางแบบสองประสงค์ ที่พร้อมให้ผู้ขับขี่วิ่งทั้งทางดำ และทางฝุ่น ซึ่งติดตั้งคู่กับระบบเบรกแบบดิสก์เบรกเดี่ยวทั้งด้านหน้า และด้านหลัง เสริมความปลอดภัยด้วยระบบ ABS ทั้งด้านหน้า และด้านหลังเช่นเดียวกัน เทคโนโลยีที่มาพร้อมกับตัวรถ แม้จะเป็นรถบ้านแต่ก็มีเทคโนโลยีที่ติดมาอยู่บ้าง เริ่มจากระบบเบรกแบบ ABS ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ระบบส่องสว่างที่มาพร้อมไฟแบบ LED รอบคัน เพิ่มความทันสมัย ความปลอดภัย และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นด้วยระบบสตาร์ทเทคโนโลยี Smart Keyless Start ที่ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องนำกุญแจมาเสียบบิดอีกต่อไป บริเวณหน้าจอเรือนไมล์แบบ LCD ที่บอกข้อมูลการขับขี่ครบครันไม่ว่าจะเป็นความเร็ว รอบเครื่องยนต์ ตำแหน่งเกียร์ อุณหภูมิ และเวลา ภาพมุมอื่น ๆ ของตัวรถ   โดยการวางขายจะเปิดตัวที่ประเทศมาเลเซีย ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2025 ซึ่งมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 9,000 ริงกิตมาเลเซีย หรือตีมูลค่าเป็นเงินไทยประมาณ 68,900 บาท (ราคายังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) หากแฟน ๆ ชาวไทยสนใจก็สามารถเป็นเจ้าของได้โดยการสั่งตรงผ่านทางเว็บไซต์ของ Kamax ได้เลย คลิ๊กที่นี่ อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

2025 QJMotor SRT700SX แอดเวนเจอร์ค่ายจีนพร้อมบุกตลาดยุโรป

2025 QJMotor SRT700SX แอดเวนเจอร์ค่ายจีนพร้อมบุกตลาดยุโรป 2025 QJMotor SRT700SX หนึ่งในโมเดลของค่ายรถจักรยานยนต์ยักษ์ใหญ่จากประเทศจีนอย่าง QJMotor ที่เตรียมส่งแอดเวนเจอร์ไบค์คลาสกลางทำตลาดในประเทศทางฝั่งยุโรป โดยการเปิดตัวในรุ่นนี้จะเป็นการเติมเต็มช่องว่างระหว่าง SRT600 และ SRT900SX เครื่องยนต์ และระบบช่วงล่าง แอดเวนเจอร์ไบค์คันนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบสองสูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดความจุ 698 ซีซี ซึ่งผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro5+ เป็นที่เรียบร้อย พละกำลังสูงสุดที่ทำได้ 70 แรงม้าที่ 8,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 69 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบต่อนาที ระบบกันสะเทือนล่างด้านหน้าให้มาเป็นโช้คอัพจากแบรนด์ MARZOCCHI แบบหัวกลับที่มาพร้อมระยะยุบตัว 140 มม. ด้านหลังโช้คอัพเดี่ยวทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม ระบบเบรกด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกคู่ มาพร้อมกับคาลิเปอร์เบรกจาก Brembo แบบสี่ลูกสูบจับคู่กับจานเบรกขนาด 320 มม. ที่ติดตั้งอยู่บนล้อหน้าแบบซี่ลวดขนาด 110/80-19 ด้านหลังดิสก์เบรกเดี่ยวกับลูกสูบเดียวจับคู่กับจานเบรกขนาด 260 มม. อยู่คู่กับล้อหลังแบบซี่ลวดขนาด 150/70-17 และเพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบเบรกแบบ ABS ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง อุปกรณ์มาตรฐานที่มาพร้อมกับตัวรถ แน่นอนว่ารถจากค่ายจีนขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของการให้อุปกรณ์เสริมติดรถมาแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นแคชบาร์ดกันกระแทก, ชิลด์หน้าแบบปรับได้, การ์ดแฮนด์ รวมไปถึงที่จับแบบอุ่นมือ (Heated Grips) ก็รวมอยู่ในอุปกรณ์พื้นฐาน นอกจากนี้ยังติดตั้งไฟ LED รอบคัน และหน้าจอแสดงผลแบบ TFT พร้อมกล่องเก็บสัมภาระอะลูมิเนียมด้านข้าง 2 ใบ และกล่องท้ายอะลูมิเนียมอีก 1 ใบ พร้อมชุดขายึด มาให้ครบจากโรงงาน เรียกได้ว่าออกรถไปพร้อมนำไปขับขี่ได้เลย ภาพอื่น ๆ ของตัวรถ   สีสันที่วางจำหน่าย สีดำ สีแดง สีฟ้า   อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นว่าการเปิดตัวของรุ่นย่อย SRT700SX จะเป็นการเข้ามาเติมเต็มช่องว่างระหว่างรุ่น SRT600 และ SRT900SX ทั้งในแง่ของราคา และในด้านของสมรรถนะ โดยรุ่นนี้จะวางจำหน่ายในบางประเทศของยุโรปเท่านั้น (ในตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยทั้งหมด) ซึ่งราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 6,200 ปอนด์สเตอร์ริงหรือตีมูลค่าเป็นเงินไทยประมาณ 272,000 บาท (ราคายังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งเหล่าไบค์เกอร์ขาลุยในไทยหากใฝ่ฝันอยากขับขี่อาจจะต้องรอเก็บความคิดนั้นไป เพราะยังไงก็ไม่เข้าไทยแน่นอนครับ อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Honda Monkey Chrome Legacy โฉมพิเศษฉลอง 60 ปีไทยฮอนด้า

Honda Monkey Chrome Legacy โฉมพิเศษฉลอง 60 ปีไทยฮอนด้า Honda Monkey Chrome Legacy โฉมพิเศษจากซีรีย์ของเจ้ามังกี้ รถจักรยานยนต์ที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัน ด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังมีขนาดที่กระทัดรัด พร้อมให้ผู้ขับขี่รู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้เดินทาง   เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี ไทยฮอนด้า ขอนำเสนอโมเดลพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองไปกับเจ้ามังกี้ตัวใหม่ที่มาในรุ่น Limited Edition ที่คัสตอมขึ้นมาพิเศษ โดดเด่นด้วยสีโครเมียมทั้งคัน ตั้งแต่ตัวถังน้ำมันโครเมียมสวยสะดุดตาสไตล์กคลาสสิก และฝาครอบข้างที่เป็นโครเมียม ตัดกับเบาะหนังสีดำที่โชว์หมุดสแตนแลสให้ความหรูหราคลาสสิก พร้อมแสดงเอกลักษณ์ความซนในตำนานกับ 3D Soft Emblem โลโก้เจ้าลิงซนครบรอบ 60 ปีไทยฮอนด้า เสริมความลิมิเต็ดด้วย Chrome Edition Serial Number รันเลขตามจำนวนคันที่ผลิต   และไม่เพียงแค่รถที่มาพร้อมความเป็นโครเมียม ที่ในโมเดลนี้ยังมาพร้อมกับหมวกกันน็อกสีเงินเมทัลลิค ที่เข้าเซ็ตกับตัวรถได้อย่างลงตัว โดยเครื่องยนต์ก็ยังคงเป็นเครื่องยนต์เดิมแบบเดียวกับโฉมปกติที่วางจำหน่ายในประเทศไทย เครื่องยนต์สูบเดียว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดเครื่องยนต์ 123.9 ซีซี มาพร้อมเกียร์แบบแมนนวล 5 สปีด จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีดอัจฉริยะ PGM-FI  ระบบกันสะเทือนด้านหน้าโช้คอัพแบบหัวกลับขนาดแกน 31 มม. ด้านหลังโช้คอัพคู่ พร้อมด้วยระบบเบรกแบบดิสก์เบรกทั้งด้านหน้า และด้านหลังเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่มากยิ่งขึ้น สำหรับแฟนคลับสาวก Honda Monkey ท่านไหนที่สนใจอยากเป็นเจ้าของ หรือสะสมโมเดลนี้ มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 117,000 บาท โดยเปิดพรีออเดอร์ในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2025 และสามารถจองได้ที่ CUB House Flagship Store ทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2568 – 6 เมษายน 2568 เท่านั้น อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

All New Honda Scoopy X Kuromi จอมแสบลิมิเต็ด 2000 คันเท่านั้น

All New Honda Scoopy X Kuromi จอมแสบลิมิเต็ด 2000 คันเท่านั้น All New Honda Scoopy x Kuromi ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้วสำหรับการนำรถจักรยานยนต์ของค่ายฮอนด้า มาร่วม Collab กับการ์ตูนดังต่าง ๆ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีทั้ง Donald Duck และพ่อมด Mickey Mouse ที่มาวาดลวดลายอยู่บนรถจักรยนต์ Honda Giorno ซึ่งในครั้งนี้ก็ถึงคราวเจ้า Honda Scoopy โฉมล่าสุดที่วางจำหน่ายในประเทศไทยมา Collab กับวายร้ายจอมแสบจากเรื่อง My Melody อย่าง Kuromi ที่ในปีนี้ก็ครบรอบ 20 ขวบแบบพอดิบพอดี สีสันอันเป็นเอกลักษณ์ และการออกแบบดีไซน์ ตัวรถยังคงเป็นพื้นฐานเดิมของเจ้า Scoopy ที่พึ่งเปิดตัว และวางจำหน่ายในประเทศไทยทุกประการ ซึ่งตัวรถมีสีดำ ตัดสลับกับสีม่วงที่เป็นสีเอกลักษณ์ของเจ้าคุโรมิ ด้านหน้าของตัวรถบริเวณใต้ไฟหน้าเติมความแสบซ่าด้วยสติ๊กเกอร์แบบ 3D ฉลองครบรอบ 20 ปี Kuromi   ถัดมากับบริเวณด้านข้างของตัวรถมาพร้อม Kuromi Sticker ทั้งสองฝั่งเพื่อเพิ่มความน่ารักให้กับตัวรถ และบริเวณที่วางเท้าของผู้ขับขี่ก็มาพร้อมแผ่นยางรองเท้า ‘Kuromi 20th Anniversary’ ไม่เพียงแค่นั้นยังเสริมความลิมิเต็ดขั้นสุดกับสติกเกอร์ Serial Number รันเลขที่ตั้งแต่ 0001 – 2000 คัน มาพร้อม Box set สุดป่วน ได้แก่ Honda Smart Key พร้อมเคสลาย Kuromi ครบรอบ 20 ปี อีกทั้งหมวกกันน็อก และเสื้อยืดแขนยาวลาย Kuromi   เครื่องยนต์ และช่วงล่าง จอมแสบลิมิเต็ดคันนี้มีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของลวดลาย และสีสันของตัวรถเท่านั้น ในเรื่องของเครื่องยนต์ยังเป็นเครื่องยนต์เทคโนโลยี eSP แบบสูบเดียว ระบายความร้อนด้วยอากาศ ขนาด 109.51 ซีซี พละกำลัง 9 แรงม้าที่ 7,500 รอบต่อนาที แรงบิดอยู่ที่ 9.2 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบต่อนาที จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอัจฉริยะ PGM-FI พร้อมเคลมอัตราการประหยัดอยู่ที่ 58.8 กิโลเมตร/ลิตร  ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นโช้คอัพแบบเทเลสโคปิก ด้านหลังแบบยูนิตสวิง โช้คอัพเดี่ยว ระบบเบรกด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกเดี่ยว และด้านหลังมารูปแบบของดรัมเบรก ซึ่งระบบเบรกของรถมาพร้อมกับเทคโนโลยี Combi – Break ที่จะช่วยกระจายแรงเบรกทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ในส่วนของราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 60,800 บาท หากสนใจอยากชมคันจริงสามารถไปได้ที่งาน BANGKOK INTERNATIONAL MOTOR SHOW 2025 ที่อาคารชาเลนเจอร์ (ฮอลล์ 1-3) และ Exhibition Hall 4 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายนนี้ และศูนย์บริการตัวแทนจำหน่าย Honda ทุกสาขาใกล้บ้านได้เลย อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

2025 Aprilia Tuono 457 เน็กเก็ตคลาสกลาง จิตวิญญาณเรซซิ่ง

2025 Aprilia Tuono 457 เน็กเก็ตคลาสกลาง จิตวิญญาณเรซซิ่ง 2025 Aprilia Tuono 457 เน็กเก็ตคลาสกลางจากค่ายเทพสามตา ‘Aprilia’ ที่พร้อมเปิดให้แฟน ๆ ได้พรีออเดอร์อย่างเป็นทางการแล้ว โดยการออกแบบเน้นดีไซน์คงเส้นสายเน้นไปที่ความเป็นสปอร์ต จับคู่กับสมรรถนะที่พร้อมสร้างความเร้าใจให้ผู้ขับขี่ในทุกเส้นทาง เครื่องยนต์ และช่วงล่าง ขับเคลื่อนด้วยเคลื่อนยนต์แบบสองสูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำขนาด 457 ซีซี พละกำลังสูงสุดที่ 47.6 แรงม้าที่ 9,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 43.5 นิวตันเมตรที่ 6,700 รอบต่อนาที มาพร้อมกับระบบเกียร์ 6 สปีด อีกทั้งตัวรถคันนี้ยังโดดเด่นด้วย คลัตซ์ที่มีน้ำหนักเบา ทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานง่ายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งรถคันนี้ยังรองรับระบบ Quickshifter แต่เป็นระบบที่ผู้ขับขี่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม   ในส่วนของระบบช่วงล่าง Tuono คันนี้ด้านหน้าเป็นโช้คอัพแบบหัวกลับขนาดแกน 41 มม.ระยะยุบตัวอยู่ที่ 120 มม. สามารถปรับค่าพรีโหลดได้ ในส่วนของด้านหลังเป็นโช้คอัพเดี่ยวมีระยะยุบตัวอยู่ที่ 130 มม. สามารถปรับค่าพรีโหลดได้ รองรับสภาพการขับขี่ที่หลากหลาย ระบบเบรกด้านหน้ามาพร้อมกับคาลิเปอร์สี่ลูกสูบแบบเรเดียลเมาท์จาก BYBRE พร้อมจานเบรกขนาด 320 มม.ติดตั้งอยู่บนล้อพร้อมยางขนาด 110/70-R17 และด้านหลังมาพร้อมกับคาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยวจาก BYBRE เช่นเดียวกันกับด้านหน้า มาพร้อมจานเบรกขนาด 220 มม. ติดตั้งอยู่บนล้อยางขนาด 150/60-R17 ซึ่งทั้งด้านหน้า และด้านหลังยังมาพร้อมกับระบบเบรก ABS แบบ Dual-Channel จากแบรนด์ Bosch ที่สามารถเลือกเปิด-ปิดได้ เทคโนโลยีที่มาพร้อมกับตัวรถ นอกเหนือจากระบบเบรก ABS ที่มาพร้อมกับตัวรถคันนี้ อีกหนึ่งอย่างที่น่าสนใจคือหน้าจอเรือนไมล์แบบสี TFT ขนาด 5 นิ้ว ภาพคมชัด และมี UI ที่ให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย บอกข้อมูลเกี่ยวกับการขับขี่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งเกียร์ มาตรวัดน้ำมัน อุณหภูมิความร้อนของตัวรถ อีกทั้งหน้าจอนี้ยังควบคุมโหมดการขับขี่ที่มากับตัวรถซึ่งมีทั้งหมด 3 โหมดได้แก่ Eco, Sport และ Rain ที่ให้ผู้ขับขี่สามารถปรับการตอบสนองของเครื่องยนต์ และระบบควบคุมการยึดเกาะให้เหมาะกับสภาพการขับขี่ที่แตกต่างกัน เพื่อให้ได้สัมผัสประสบการณ์ขับขี่ที่ดีที่สุดในทุกสถานการณ์ สีสันที่วางจำหน่าย Piranha Red Puma Grey   ซึ่งถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วอยากเป็นเจ้าของ ก็สามารถพรีออเดอร์ล่วงหน้าได้แล้ว โดยเจ้า Tuono 457 เปิดให้จองล่วงหน้าอย่างเป็นทางการผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Aprilia (คลิ๊กที่นี่) มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 6,599 ยูโร หรือตีมูลค่าเป็นเงินไทยประมาณ 241,400 บาท (ราคายังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ขี่ก่อน หล่อก่อน บอกเลย อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

2025 Speed TWIN 1200 RS

2025 Speed TWIN 1200 RS รถคลาสสิก แต่ช่วงล่างระดับตัวแข่ง 2025 Speed TWIN 1200 RS โมเดิร์นคลาสสิก ที่ผสมผสานเทคโนโลยีสมรรถนะสูงและความคลาสลิกให้เข้ากันได้อย่างลงตัว กับเครื่องยนต์พิกัด 1,200 ซีซี สองสูบลูกโตที่ตอบโจทย์ในทุกการขับขี่ เปิดราคาแนะนำ 659,000 บาท ดีไซน์โมเดิร์นคลาสสิก ปั้มบนจาก Brembo โช้คหน้าหัวกลับจาก Marzocchi โช้คหลังสปริงคู่ Öhlins พร้อมซับแทงค์ จานหน้าดิสก์คู่ คาลิเปอร์เบรก Brembo Stylema ท่อไอเสียทรงคู่ทำจากสเตนเลสสตีล หน้าปัดเรือนไมล์ Duo Display   สเปค ราคาและรายละเอียด อื่นๆ เครื่องยนต์ เครื่องยนต์สูบคู่ EURO5+ ปริมาตรกระบอกสูบ 1200 ซีซี แรงม้า (เคลม) 105 แรงม้า ที่ 7,750 รอบต่อนาที แรงบิด (เคลม) 112 นิวตันเมตร ที่ 4,250 รอบต่อนาที ระบบวาล์ว 4 วาล์ว ต่อสูบ ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก 97.6 มม. x 80 มม. อัตราส่วนการอัด 12.1:1 ระบบเกียร์ 6 สปีด ระบบจุดระเบิด อิเล็กทรอนิกส์ ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ (Ride-by-Wire) ระบบสตาร์ท สตาร์ทมือ ระบบคลัตช์ คลัตช์เปียกแบบ Slip & Assist ระบบส่งกำลังสุดท้าย ชุดโซ่-สเตอร์ ขนาดยางและล้อหน้า 120/70 R17 ขนาดยางและล้อหลัง 160/60 R17 ระบบกันสะเทือนหน้า โช้คหัวกลับ Marzocchi ขนาด 43 มม. ปรับได้ ระบบกันสะเทือนหลัง โช้คคู่ Öhlins พร้อมซับแทงค์ ปรับได้ เบรกหน้า ดิสก์คู่ 320 มม. คาลิปเปอร์ Brembo Stylema แบบเรเดียลเมาท์ 4 ลูกสูบ เบรกหลัง ดิสก์เดี่ยว 220 มม. คาลิปเปอร์ Nissin 2 ลูกสูบ กว้าง X ยาว X สูง NA ระยะฐานล้อ 1,410 มม. ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ NA ความสูงเบาะ 810 มม. น้ำหนักรถ 216 กก. ความจุถังน้ำมัน 14.5 ลิตร ประเภทของน้ำมันที่เติมได้ NA เทคโนโลยี โหมดการขับขี่: Rain, Road, Sport ระบบแทร็คชันคอนโทรล (สามารถปรับได้)  ไฟหน้าและไฟท้าย LED เต็มระบบ หน้าจอเรือนไมล์: แสดงผลแบบ Twin Clocks พร้อมจอ LCD พอร์ตชาร์จ USB: มี กุญแจ Immobilizer: ระบบป้องกันการโจรกรรม คันเร่งไฟฟ้า แอสซิสต์สลิปเปอร์คลัตช์ ระบบ ABS Dual Channel  วางจำหน่ายด้วยกัน 2 สี ได้แก่ สีดำ สีส้ม อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

2025 Harley-Davidson CVO Road Glide RR แบ๊คเกอร์ตัวจบ ลิมิเต็ด 131 คัน

2025 Harley-Davidson CVO Road Glide RR แบ็กเกอร์ตัวจบ ลิมิเต็ด 131 คัน 2025 Harley-Davidson CVO Road Glide RR รถจักรยานยนต์สไตล์ทัวร์ริ่งของ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ที่มาพร้อมกระเป๋าสัมภาระด้านข้างที่เป็นจุดเด่นของรถประเภทนี้ เครื่องยนต์ขนาดใหญ่มาพร้อมพละกำลังที่เอาอยู่ในทุกการเดินทาง ด้วยสมรรถนะสูงสุดที่รถคันนี้มอบให้ทำให้รถคันนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกน่าสนใจสำหรับการเดินทางไกล โดยโมเดลนี้มีการเพิ่มความพิเศษด้วยการมีจำนวนจำกัดเพียง 131 คันเท่านั้น เครื่องยนต์ และระบบช่วงล่าง ขุมพลังเครื่องยนต์คันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ ‘Screamin’ Eagle V-Twin ระบายความร้อนด้วยน้ำขนาด 131 ลูกบาศ์กนิ้ว ประมาณ 2,146 ซีซีที่สามารถรีดพละกำลังสูงสุดได้ถึง 153 แรงม้าที่ 5,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 203 นิวตันเมตรที่ 4,750 รอบต่อนาที จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีดไฟฟ้า พร้อมถังน้ำมันขนาด 22.7 ลิตร และระบายไอเสียด้วยท่อไทเทเนียมจากแบรนด์ Akrapovic ที่ออกแบบมาเพื่อฮาร์ลีย์โดยเฉพาะ ในด้านของระบบช่วงล่าง ด้านหน้าเป็นโช้คอัพ Öhlins FGR 253 โช้คอัพที่ถูกออกแบบมาเพื่อรถจักรยานยนต์สมรรถนะสูงโดยเฉพาะ สามารถปรับตั้งค่าต่าง ๆ ได้อย่างเต็มรูปแบบ ด้านหลังเป็นโช้คอัพคู่พร้อมซับแทงค์ที่สามารถปรับการตั้งค่าได้ผ่านรีโมท สามารถปรับแต่งได้อย่างเต็มรูปแบบให้เข้ากับสไตล์การขับขี่ได้ โดยได้รับการปรับจูนมาแล้วอย่างแม่นยำโดย Öhlins และ Screamin’ Eagle เพื่อตอบสนองความต้องการของนักขี่ Bagger สายสมรรถนะสูงโดยเฉพาะ ระบบเบรกด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกคู่ มาพร้อมคาลิเปอร์เบรกสี่ลูกสูบ GP4-RX จาก Brembo ผลิตขึ้นมาด้วยเทคโนโลยี CNC จับคู่กับจานเบรก Brembo T-Drive ขนาด 320 มม. พร้อมมอบพลังการเบรกในระดับเดียวกับ MotoGP ติดตั้งอยู่บนล้ออลูมิเนียมแบบ 7 ก้านรัดด้วยยางขนาด 130/60-B19 M/C และระบบเบรกหลังเป็นแบบดิสก์เบรกเดี่ยว พร้อมคาลิเปอร์แบบสี่ลูกสูบจาก Brembo พร้อมจานเบรกขนาด 300 มม. ระบบความปลอดภัยอื่น ๆ ที่มาพร้อมกับตัวรถ Anti-lock Brake System (ABS) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก Electronic Linked Braking (ELB) ระบบกระจายน้ำหนักเบรกไปที่ล้อหน้า และล้อหลังพร้อมกัน Traction Control System (TCS) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Drag-Torque Slip Control System (DSCS) ระบบป้องกันล้อสไลด์ Vehicle Hold Control (VHC) ระบบช่วยให้รถหยุดนิ่งเมื่อจอดบนเนิน หรือทางลาดชัน Tire Pressure Monitoring System (TPMS) ระบบตรวจสอบความดันลมยาง Cornering Enhanced Anti-lock Brake System (C-ABS) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อกขณะเข้าโค้ง Cornering Enhanced Electronic Linked Braking (C-ELB) ระบบช่วยกระจายแรงเบรกเมื่ออยู่ในโค้ง Cornering Enhanced Traction Control System (C-TCS) ระบบช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะขณะเข้าโค้ง Cornering Drag-Torque Slip Control System (C-DSCS) ระบบควบคุมการลื่นไถลเมื่อลดความเร็วกระทันหัน   อินโฟเทนเมนต์โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ในด้านของอินโฟเทนเมนต์ก็ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของฮาร์ลีย์เช่นเดิม หน้าจอกลางขนาดเรือนไมล์ขนาด 12.3 นิ้วรันด้วยระบบปฏิบัติการ Skyline OS ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานไม่ต่างกับรถยนต์ รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ผ่านระบบ Apple CarPlay ในแฟริ่งด้านหน้ามามาพร้อมระบบเสียงจาก Rockford Fosgate Stage III ซึ่งมีลำโพงขนาด 6.5 นิ้ว 3 ทิศทาง 2 ตัวที่แฟริ่งด้านหน้า โดยแต่ละตัวจะให้กำลังขับ 250 วัตต์ RMS โดยมีแอมป์ขับขนาด 500 วัตต์ RMS จากทาง Rockford Fosgate เช่นกัน เรียกได้ว่าระบบเสียงกระหึ่ม

2025 QJ Motor SRK800 เน็คเก็ตไซส์กลาง พร้อมทำตลาดในยุโรป

2025 QJ Motor SRK800 เน็คเก็ตไซส์กลาง พร้อมทำตลาดในยุโรป 2025 QJ Motor SRK800 อีกหนึ่งโมเดลใหม่จากค่าย QJ Motor แบรนด์รถจักรยานยนต์ยักษ์ใหญ่จากประเทศจีน ที่ได้ปล่อยโมเดลรถจักรยานยนต์สไตล์เน็คเก็ตไบค์ออกจำหน่ายอีกครั้งในเฉพาะตลาดประเทศยุโรปมาพร้อมกับใบอนุญาติ A2 เพื่อให้มือใหม่สามารถขับขี่รถในรุ่นนี้ได้อีกด้วย การออกแบบดีไซน์ของตัวรถมาพร้อมเส้นสายที่เฉียบคม และดุดัน สะท้อนถึงความเป็นสปอร์ต ที่แฝงไปด้วยความแข็งแกร่งที่ตัวรถมอบให้ สิ่งน่าสนใจของตัวรถ เครื่องยนต์สี่สูบเรียงพร้อมระบบ Quickshifter คาลิเปอร์เบรก Brembo ทั้งด้านหน้า-หลัง หน้าจอสีแบบ TFT ระบบไฟแบบ LED รอบคัน   สเปค และรายละเอียดของตัวรถ เครื่องยนต์ สี่สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ปริมาตรกระบอกสูบ 778 ซีซี ระบบวาล์ว DOHC 16 วาล์ว แรงม้า (เคลม) 95 แรงม้าที่ 10,000 รอบต่อนาที แรงบิด (เคลม) 75 นิวตันเมตร ที่ 8,500 รอบต่อนาที ขนาดกระบอกสูบ / ช่วงชัก 67 x 55.2 มม. อัตราส่วนการอัด N/A ระบบเกียร์ 6 สปีด ระบบจุดระเบิด N/A ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีด ระบบสตาร์ท สตาร์ทไฟฟ้า ระบบคลัตซ์ คลัตซ์แบบเปียกหลายแผ่นซ้อนกัน ระบบส่งกำลังสุดท้าย โซ่ ระบบกันสะเทือนด้านหน้า โช้คอัพแบบหัวกลับจาก Marzocchi สามารถปรับตั้งค่าได้ ระบบกันสะเทือนด้านล่าง โช้คอัพเดี่ยวจากแบรนด์ Marzocchi ยางหน้า 120/70-17 รัดด้วยยาง Pirelli Angle GT ยางหลัง 180/55-17 รัดด้วยยาง Pirelli Angle GT ระบบเบรกหน้า ดิสก์เบรกคู่ พร้อมคาลิเปอร์เบรกจาก Brembo ขนาด 320 มม. ระบบเบรกหลัง ดิสก์เบรกเดี่ยว พร้อมคาลิเปอร์เบรกจาก Brembo ขนาด 260 มม. กว้าง x ยาว x สูง 770 x 2,085 x 1,150 มม. ระยะฐานล้อ 1,450 มม. ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ 150 มม. ความสูงเบาะ 815 มม. น้ำหนักรถ 207 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 17.5 ลิตร ประเภทของน้ำมันที่เติมได้ N/A เทคโนโลยี ระบบ Traction Control  Cruise Control Quickshifter แบบสองทาง ระบบเบรก ABS หน้าจอสีแบบ TFT โหมดการขับขี่ 2 โหมด ธรรมดา และสปอร์ต   สีสันที่วางจำหน่าย สีแดง   ในส่วนของราคาวางจำหน่ายนั้นยังไม่มีการเปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการ แต่คาดการณ์ราคาน่าจะอยู่ช่วงราว ๆ 5,500 – 7,000 ยูโร เพื่อไม่ให้ราคาไปทับกับรุ่นพี่ในค่ายอย่าง QJMotor SRK900 ที่วางจำหน่ายไปก่อนหน้านี้ และมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 8,999 ยูโร และถ้าสาวกในไทยคาดหวังว่าจะได้ขี่โมเดลนี้ในไทยหรือไม่นั้นก็อาจจะยังก่อน อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก