SuperBikeMag.Com ข่าวมอเตอร์ไซค์ รีวิวมอเตอร์ไซค์ รถจักรยานยนต์ บิ๊กไบค์

ข่าวรถยนต์ รีวิวรถยนต์ รถไฟฟ้า EV รถยนต์เปิดตัวใหม่

ข่าวรถยนต์

  • All Posts
  • ข่าวรถยนต์
  • All Posts
  • ข่าวรถยนต์
Honda Civic FD เจาะลึกซีวิคนางฟ้า ตำนานรถมือสองที่ยังน่าใช้ในปี 2026

Honda Civic FD ปี 2569 เจาะลึกที่มาฉายานางฟ้า ดีไซน์ เครื่องยนต์ i-VTEC จุดอ่อนที่ต้องระวัง และราคาตลาดมือสองล่าสุดที่คนอยากซื้อห้ามพลาด

รีวิวรถยนต์

Coming soon…

รถยนต์ไฟฟ้า

  • All Posts
  • รถไฟฟ้า
The Skoda Slavia B Concept ฟื้นตำนานด้วยดีไซน์ล้ำจากอนาคต

The Skoda Slavia B Concept ฟื้นตำนานด้วยดีไซน์ล้ำจากอนาคต The Skoda Slavia B Concept คอมเซปต์ไบค์สุดล้ำจากแบรนด์ Škoda แบรนด์ยานยนต์ชื่อดังจากสาธารณรัฐเช็ก ที่ได้ทำการผุดดีไซน์อดีตยานพาหนะคันแรกของทางค่ายที่เป็นรถจักรยานยนต์ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากประวัติศาสตร์ของทางแบรนด์ Slavia B ต้นกำเนิดสุดคลาสสิค ซึ่งชื่อของคอนเซปต์ไบค์คันนี้มาจากรถจักรยานยนต์คันแรกของค่ายอย่าง ‘Slavia B’ ที่ได้รับการออกแบบดีไซน์ และผลิตขึ้นมาโดย Laurin & Klement โดยสองล้อคันนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์สูบเดียวขนาด 240 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ พละกำลังสูงสุดที่ทำได้ 1.75 แรงม้า และสามารถทำความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งรถจักรยานยนต์คันนี้ไม่มีเกียร์ระบบส่งกำลังถูกส่งผ่านสายพานที่เชื่อมต่อโดยตรงกับเครื่องยนต์ ส่งกำลังสุดท้ายไปยังล้อด้วยระบบโซ่ โดยใช้บันไดถีบสำหรับการสตาร์ทเครื่องยนต์ และเป็นแรงขับเสริมให้กับเครื่องยนต์ ซึ่งรถคันนี้เป็นรถที่ผลิตขึ้นมาในช่วงปี 1899 จนถึงปี 1904 มีวางจำหน่ายในตลาดทั้งหมด 540 คัน โดยรถจักรยานยนต์คันนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้แข่งขันจากปารีสประเทศฝรั่งเศสไปยังเบอร์ลินประเทศเยอรมนีเมื่อปี 1901 ซึ่งผู้ที่ขับขี่ในครั้งนั้นคือ Narcis Podsedníček ช่างเครื่องชาวสาธารณรัฐเช็ก สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นนักบิดคนแรกที่สามารถขี่จบการแข่งขันได้สำเร็จในครั้งนั้น Slavia B Concept สานต่อตำนานด้วยดีไซน์สุดล้ำจากอนาคต เมื่อรถจักรยานยนต์คันแรกของทางค่ายสามารถสร้างประวัติศาสตร์ได้อย่างน่าประทับใจ ระยะเวลาเดินทางผ่านห้วงเวลามากว่า 124 ปี ทาง Škoda ก็ต้องการสานต่อตำนานจึงมอบหมายให้ Romain Bucaille นักออกแบบรถยนต์ของทางค่ายรับหน้าทีในการออกแบบดีไซน์ตำนานคันนี้ ซึ่งก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างล้ำสมัย มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางอย่างในด้านของเครื่องยนต์มีการถอดของเก่าออก และแทนที่ด้วยชุดแบตเตอรี่เพื่อนจ่ายพลังงานให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า และเพื่อเป็นการคงเอกลักษณ์ไว้บ้างส่วนของ Slavia B รุ่นปี 1899 คอนเซปต์ไบค์คันนี้จึงมีการคงดีไซน์คานล่างของเฟรมที่เว้าลง เสริมความคลาสสิคของตำนานคันนี้ด้วยกระเป๋าหนังทรงวินเทจสไตล์ฮิปสเตอร์ ที่ติดตั้งอยู่ด้านหน้า และใต้เบาะนั่ง โดยผู้ออกแบบรถจักรยานยนต์คันนี้ยังออกมาพูดถึงแนวคิด และดีไซน์การออกแบบเพื่อให้เป็นการสานต่อตำนานของค่ายได้อย่างลงตัว  “ผมอยากทำอะไรที่ไม่เหมือนใคร และย้อนกลับไปสู่รากเหง้าของแบรนด์ ผมทำงานออกแบบรถยนต์ทุกวัน และในเมื่อผมก็ชอบมอเตอร์ไซค์ด้วย การได้สร้างมอเตอร์ไซค์สักคันจึงเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่สดใหม่มากจริง ๆ “ผมเริ่มจากการร่างแบบด้วยดินสอเพื่อหาสัดส่วนที่เหมาะสม เนื่องจากเป็นมอเตอร์ไซค์ ผมเลยต้องฝึกวาดอยู่พักหนึ่ง — ก็ห่างจากการวาดแบบนี้มาสักพักแล้ว! ข้อดีของการใช้กระดาษก็คือ คุณสามารถสเก็ตช์ได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ต้องใช้แท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์ มันเป็นกระบวนการแห่งการค้นหา ผมสเก็ตช์ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะรู้สึกพอใจกับผลลัพธ์”   แน่นอนว่ารถจักรยานยนต์คันนี้ยังคงเป็นเพียงแค่คอนเซปต์ไบค์เท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามเมื่อทางผู้ผลิตมองว่าเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าจะก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นในอนาคต ก็อาจจะเป็นไปได้ที่จะได้เห็นรถจักรายานยนต์เทคโนโลยีไฟฟ้าล้ำ ๆ วิ่งเต็มถนนก็เป็นไปได้ รอดูกันต่อไป อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

  • All Posts
  • รถไฟฟ้า
Rictor Skyrider X1 เอาจริงดิ มอเตอร์ไซค์บินได้ !?

Rictor Skyrider X1 เอาจริงดิ มอเตอร์ไซค์บินได้ !? สถานการณ์ในถนนหลากหลายพื้นที่น่าจะหนีไม่พ้นปัญหา ‘รถติด’ เพราะมีรถออกมาสู่ท้องถนนแทบจะทุกวัน แต่ถนนนั้นไม่พอวิ่ง จะเอามอเตอร์ไซค์มามุดเพื่อช่วยบรรเทาก็แทบจะเป็นไปได้ยาก เพราะทุกวันนี้มอเตอร์ไซค์เองก็แทบจะจอดติดแบบรถยนต์แล้ว แต่แล้วก็ไปเจอบทความน่าสนใจอันนึงเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์บินได้ที่มีชื่อว่า Rictor Skyrider X1 ว่าแต่.. มันจะถูกพัฒนาจริงดิ ? จากแนวคิดที่มันเป็นไปไม่ได้ สู่การนำมาพัฒนาเป็นรถมอเตอร์ไซค์สองล้อที่บินได้ และมันเกิดขึ้นจริง!! โดยผลงานจากบริษัท Rictor จากประเทศจีน โดยบริษัทนี้เกี่ยวกับการพัฒนายานพาหนะสำหรับการเดินทาง โดยมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้า อาทิ สกูตเตอร์ไฟฟ้า, จักรยานไฟฟ้า รวมไปถึงมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เพื่อยกระดับคุณภาพการเดินทางของผู้ใช้งาน โดยเทคโนโลยี Skyrider X1 ได้ถูกเปิดตัวในงานแสดงนวัตกรรม และเทคโนโลยีหรือ CES2025 (Consumer Electronics Show) ในเมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งยานพาหนะลำนี้ถูกสร้างขึ้นโดย Rictor เป็นแบรนด์ย่อยของบริษัท Kuickwheel จากประเทศจีน ซึ่งเน้นพัฒนาทางเลือกในการเคลื่อนที่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และประหยัดพลังงาน ซึ่งก่อนหน้านี้ Rictor มีผลิตภัณฑ์เพียงชิ้นเดียวในกลุ่มสินค้า คือ จักรยานไฟฟ้า Rictor K1 รายละเอียด และฟังก์ชันการใช้งาน รถมอเตอร์ไซค์บินได้ลำนี้ผลิตด้วยโครงสร้างจากวัสดุคอมโพสิตคาร์บอนไฟเบอร์ และอลูมิเนียมเกรดการบิน เคลื่อนที่ด้วยระบบด้วยระบบใบพัด 8 ตัว มีด้วยกันทั้งหมดสองรุ่นย่อยได้แก่ รุ่นธรรมดา X1 SL มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 10.5 kWh สามารถบินได้เพียง 25 นาทีต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และอีกหนึ่งรุ่น X1 SX มาพร้อมไซส์แบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ 21 kWh สามารถบินได้นานถึง 40 นาทีต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง มาจากค่ายจีนไม่ต้องกังวลเรื่องเทคโนโลยี จัดให้มาแบบล้ำ ๆ เช่นเคย เริ่มกันที่ ระบบการปรับตัวอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ ที่จะช่วยปรับระดับความสูง ความเร็ว และทิศทางการบินตามสภาพอากาศ, ระบบวางแผนเส้นทางอัตโนมัติ เพื่อช่วยระบุเส้นทางการบินที่ดีที่สุด เพื่อให้ไปถึงจุดหมายปลายทางได้ราบรื่น และฟังก์ชันการบินขึ้น และลงจอดแบบอัตโนมัติ เพียงแค่ตั้งค่าจุดหมายปลายทาง และยานพาหนะจะทำงานที่เหลือให้เอง อย่างไรก็ตาม ยังมีตัวเลือกควบคุมแบบแมนนวลผ่านจอยสติ๊กสำหรับผู้ที่ชอบการควบคุมด้วยตัวเองอีกด้วย ระบบวางแผนการเดินทางอัตโนมัติ ระบบขึ้น – ลงอัตโนมัติ ระบบควบคุมพร้อมจอยสติ๊กสำหรับบังคับเอง ฟังก์ชันควบคุมการปรับตัวอัตโนมัติ   โดยรายละเอียดอื่น ๆ ของมอเตอร์ไซค์บินได้ลำนี้ จะถูกกำหนดเพดานบินเพียง 200 เมตรเท่านั้น (ระยะนับตั้งแต่พื้นดิน) และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้เพียง 60 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ในส่วนของการวางจำหน่าย มีข่าวลือหลุดออกมาว่าอาจมีการวางจำหน่ายในตลาดปี 2026 โดยราคาคาดการณ์อยู่ที่ 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ตีเป็นเงินไทยประมาณ 2,074,000 บาท ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งราคาก็ค่อนข้างสูงอยู่พอสมควร เครื่องหมายคำถามสำหรับการพัฒนา Skyrider ไม่ใช่มอเตอร์ไซค์บินได้คันแรกของโลก แต่ในช่วงก่อนหน้านี้ก็มีหลาย ๆ บริษัทจากทั่วโลกที่พยายามสร้าง และพัฒนายานพาหนะประเภทนี้ เช่น Speeder จาก Mayman Aerospace หรือ Hoverbike จากบริษัทสตาร์ทอัพในประเทศญี่ปุ่น มีลักษณะคล้ายมอเตอร์ไซค์บินได้ โดยทั้งสองโมเดลก่อนหน้าก็มีผลิตออกมาเพียงแค่รุ่นต้นแบบเท่านั้น แต่ไม่มีการพัฒนาต่อเพื่อวางจำหน่าย คาดว่าอาจจะมีอุปสรรคหลายอย่าง เช่น ความปลอดภัย การรับรองมาตรฐาน การจัดการการจราจรทางอากาศ และราคาที่สูง ทำให้ยังไม่สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ในปัจจุบัน แต่ถือว่ามอเตอร์ไซค์บินได้เป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจในโลกอนาคต อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

2025 CFMOTO CFX-2E วิบากไฟฟ้าสำหรับนักซิ่งตัวน้อย

2025 CFMOTO CFX-2E วิบากไฟฟ้าสำหรับนักซิ่งตัวน้อย 2025 CFMOTO CFX-2E รถมอเตอร์ไซค์วิบากไฟฟ้าจากค่าย CFMOTO แบรนด์ผู้ผลิตรถสัญชาติจีน โดยดีไซน์การออกแบบของรถคันนี้ถูกออกแบบมาเพื่อนักบิดอายุน้อยที่ยังเป็นมือใหม่สามารถขับขี่ได้อย่างง่ายดาย และเข้าถึงอารมณ์ความสนุกตลอดการขับขี่ ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงขนาด 1.5 กิโลวัตต์ แรงบิดอยู่ที่ 7 นิวตันเมตร มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 48V มีกำลังเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 50 ซีซี ให้พลังงานที่เพียงพอสำหรับการขับขี่ในทุกสภาพพื้นผิว ขับขี่ได้อย่างราบรื่น เงียบสนิทไร้เสียงรบกวน พร้อมปราศจากมลพิษ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการชาร์จไฟจะใช้เวลา 5 ชั่วโมงจาก 0-100% และยังสามารถถอดเปลี่ยนได้ ทำให้สะดวกต่อการชาร์จได้ในทุกที่ทุกเวลา   โครงเหล็กทรงเปลที่มีความแข็งแรง ทนทาน ความสูงของเบาะเพียง 21.7 นิ้ว น้ำหนักรถเพียง 48 กิโลกรัม ระบบช่วงล่างด้านหน้ามาพร้อมกับโช้คอัพแบบเทเลสโคปิก และด้านหลังเป็นแบบโช้คอัพเดี่ยว ขอบล้ออัลลอย และยางวิบาก ที่ปรับจูนมาเพื่อการขับขี่แบบออฟโรดให้ความรู้สึกถึงการขับขี่ที่นุ่มนวลและมั่นคง แม้ในสภาพพื้นผิวที่ขรุขระ  ระบบเบรกติดตั้งมาให้เป็นแบบดิสก์เบรกไฮดรอลิกประสิทธิภาพสูง ช่วยให้หยุดรถได้อย่างมั่นใจ และมีเชือกคล้องนิรภัยแบบแม่เหล็กที่สามารถตัดการทำงานของรถในกรณีฉุกเฉิน เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ขับขี่ แม้จะเป็นรถสำหรับเด็กแต่ก็มาพร้อมเทคโนโลยี หน้าจอ LCD แสดงข้อมูลที่จำเป็น เช่น ระดับแบตเตอรี่ โหมดความเร็วที่เลือก การแจ้งเตือนสถานะการชาร์จ  โหมดการขับขี่ที่สามารถเลือกได้ถึง 3 โหมด ได้แก่ โหมดฝึกหัด (Learning) ที่ตัวรถจะกำหนดความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 24 กิโลเมตรต่อชั่วโมง, โหมดมาตรฐาน (Standard) ตัวรถจะกำหนดความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และโหมดสปอร์ต (Sport) ตัวรถจะกำหนดความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 49 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อให้เหมาะกับระดับทักษะ และความชำนาญของเด็ก ช่วยให้ผู้ขับขี่พัฒนาทักษะได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ในส่วนของราคาวางจำหน่าย วางขายอยู่ที่ 1,699 ดอลลาร์สหรัฐ หรือตีเป็นเงินไทยประมาณ 58,870 บาท เพื่อเป็นการสั่งสมประสบการณ์การขับขี่ และกิจกรรมภายในครอบครัว หากลูกถูกใจ ไม่มีอะไรแพง อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Royal Enfield Flying Flea C6 ไฟฟ้าคันแรกของค่าย

Royal Enfield Flying Flea C6 ไฟฟ้าคันแรกของค่าย Royal Enfield Flying Flea C6 เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการกับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของค่าย โดยรถคันนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Royal Enfield WD/RE ซึ่งเป็นรถมอเตอร์ไซค์ในช่วงยุคสงครามโลกครั้งที่สอง โดยได้เปิดถึง 2 โมเดลได้แก่ C6 ที่มีสไตล์ของความเป็นเรโทร และ S6 ซึ่งเป็นสไตล์สแคมเบอร์ ดีไซน์แบบเดียวกับรถช่วงสงครามโลก การออกแบบมาพร้อมกับสไตล์แบบเรโทร ที่ผสมผสานเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่เข้ากับดีไซน์คลาสสิก รูปลักษณ์โดยรวมชวนให้นึกถึง Yamaha Y125 MOEGI ที่เป็นรถคอนเซ็ปต์ที่เปิดตัวในปี 2011 เฟรมอะลูมิเนียมหล่อของรุ่น C6 ถูกออกแบบให้เป็นเส้นสายคล้ายกับคอนเซ็ปต์ MOEGI แต่แตกต่างตรงที่มีครีบระบายความร้อนของแบตเตอรี่ในด้านข้าง ระบบช่วงล่าง โช้คอัพด้านหน้าเป็นโช้คอัพแบบ Rubber Band Style Girder Fork (โช้คที่ใช้ยางหรือวัสดุยืดหยุ่นแทนสปริงหรือน้ำมัน) ส่วนโช้คอัพด้านหลังเป็นโช้คอัพเดี่ยวอยู่ใต้เบาะ ในส่วนของระบบเบรกด้านหน้าและด้านหลังเป็นแบบดิสก์เบรกเดี่ยว  แบตเตอรี่เพียงพอต่อการใช้งาน ขุมพลังงานในด้านของแบตเตอรี่ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ Royal Enfield ระบุว่ารถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้จะรองรับการชาร์จเร็วผ่านปลั๊กสามขาแบบใช้ในบ้าน โดยการชาร์จหนึ่งครั้งจะได้ระยะการใช้งานที่เพียงพอสำหรับการขับขี่ในเมือง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับแรงดันไฟฟ้าหรือแอมแปร์ของปลั๊กดังกล่าว เทคโนโลยีการขับขี่มาให้พร้อม   เทคโนโลยีเพิ่มเติมประกอบด้วยระบบเบรก ABS, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, และหน้าจอ TFT แบบสัมผัส Royal Enfield ยังกล่าวอีกว่าระบบอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยตรวจสอบรถของคุณตลอดเวลาเมื่อคุณไม่อยู่ใกล้ เพื่อแจ้งเตือนหากรถถูกก่อกวนหรือเคลื่อนย้าย และมีการอัปเดตซอฟต์แวร์ของระบบผ่าน OTA (Over the Air) รวมถึงการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่อยู่เสมอ และยังมีโหมดการขับขี่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งประสบการณ์การขับขี่ได้ตามต้องการผ่านการปรับคันเร่ง การเบรก และการจัดสรรพลังงานไฟฟ้าภายในตัวรถ Govindarajan ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ Royal Enfield กล่าวเกี่ยวกับรถในโมเดลนี้ว่า ‘Royal Enfield ได้เริ่มพัฒนาโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในเมืองเจนไน ประเทศอินเดีย และลงทุนใน Stark Future ที่บาร์เซโลนา ซึ่งมีชื่อเสียงด้านรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าออฟโรดที่ล้ำสมัย ทุกองค์ประกอบของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของ Royal Enfield ตั้งแต่กลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ชิ้นส่วนทางเทคนิค เช่น มอเตอร์ แบตเตอรี่ ระบบจัดการแบตเตอรี่ (BMS) และซอฟต์แวร์เฉพาะ ไปจนถึงกลยุทธ์การตลาดและค้าปลีก ล้วนได้รับการพัฒนาโดยทีมเทคนิคและการค้าของบริษัท’ ในส่วนของข้อมูลเบื้องต้นจะมีออกมาแค่ของรุ่น C6 เท่านั้นในส่วนของ S6 จะต้องรอข้อมูลเชิงเทคนิคจากทางค่ายอีกครั้ง และทั้งสองรุ่นย่อยจะพร้อมจำหน่ายในกลางปี 2026 แต่ยังไม่ได้ยืนยันราคาวางจำหน่ายออกมาอย่างเป็นทางการ อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

ราคาและสเปครถยนต์

No Posts Found!

No Posts Found!