Dragster 700 Twin สเปค ราคา และความบ้าบอ
Italjet Dragster ชื่อนี้คงได้ยินมาซักพักใหญ่ๆ ในเมืองไทย กับรุ่นที่รุกตลาดครั้งแรกในนามของ Dragster 300 ที่ SuperBikemag ได้รีวิวไปช่วงปี 2024 ในช่วงเดียวกันกับที่ รุ่น 300 เข้าสู่ตลาดมอเตอตร์ไซค์ของประเทศไทย ก็มีข่าวออกมาในรุ่น Italjet Dragster 700 Twin ซึ่งได้เปิดตัวในงาน EICMA 2024
ถัดมาอีกเกือบ 1 ปี ก็ถึงเวลาอันดีที่ทางค่ายจะเปิดให้ทดสอบแบบ Global Launch ที่สนาม Imola Circuit ประเทศอิตาลี ซึ่งในงานไม่มีมีรถโชว์แค่รุ่นเดียว แต่ยังเล่าความเป็นมาของ Italjet ตั้งแต่คันแรกจนถึง คันปัจจุบันนั่นก็คือ Italjet Dragster 700 Twin และด้วยความเป็น Italjet เจ้า Dragster 700 Twin Limited edition ที่ผลิตมาทั้งหมด 700 คัน ขายหมดเกลี้ยง ตั้งแต่ก่อนงานเปิดตัว
ใช่ ขายหมดเกลี้ยง (ในสองสัปดาห์) ส่วนในงานมีเพียงรถเดโม่ 5-6 คันเท่านั้นที่ยังหลงเหลือให้สื่อได้ลองขับขี่ ด้วยความเกร็งๆ เพราะ..มีแค่นั้น พลาดตีลังกา ก็เซ็นรับรถไปเลย ความบ้าบอสเต็ปแรกคือยอดขาย ทั้งๆที่ยังไม่เคยได้ลองขี่ มีแค่บางคนที่ได้เห็นตัวจริงในงาน EICMA แต่คนส่วนมาก ซื้อรถเพราะรูปถ่ายล้วนๆ และคนไทยก็เป็น 1 ในกลุ่มหลังที่สั่งซื้อตัว Dragster 700 Twin จากภาพถ่าย โดยที่จะมีเข้ามาไทยแค่ 7 คัน และทั้ง 7 คัน ก็มีเจ้าของแล้วทั้งหมด
Italjet Dragster 700 Twin ดีไซน์
ถ้าเทียบกับยี่ห้ออื่นๆ การออกแบบคอนเซ็ปต์อาร์ต หรือรถต้นแบบ หน้าตาที่วาดบนกระดาษหรืออาร์ตบอร์ด จะไม่เหมือนรถจริงซะทีเดียว เส้นสายจะดูล้ำสมัย หรือส่วนต่างที่เว่อร์ๆ เอาสวยไว้ก่อน แต่พอจะผลิตจริงหลายส่วนโดนตัดออก สุดท้ายแค่ละหม้ายคล้ายกับคอนเซ็ปต์อาร์ตแบบ 10-20% หรือเรียกว่า ใช้แรงบันดาลใจจากต้นแบบ ในทางกลับกัน Italjet ไม่ได้ทำแค่คอนเซ็ปต์อาร์ต แต่เอาคอนเซ็ปต์อาร์ตมาทำรถที่ขับได้จริง
ทุกส่วนของตัวรถจับรวมมาในโจทย์ของ “เพื่อนทำรถให้เพื่อน” โดยมีแค่คอนเซ็ปต์ว่า ไม่ต้องถามว่าลูกค้าต้องหาหรือต้องการอะไรจากแบรนด์ กลับเป็นเราอยากขายให้อะไรกับลูกค้า อย่างคันนี้ก็คืออยากผลิตสกูตเตอร์ ติดเฟรมถัก เครื่องยนต์ขนาดกลางๆ ขี่ไป รูปทรงหน้าตาแบบรถ Motogp ไว้ขี่ไปกินกาแฟ หรือลงขี่สนามแบบขำๆ เลยออกมาเป็น Dragster 700 Twin อย่างที่ที่เห็นคันนี้
ในระหว่างเปิดตัว ตัวผมก็ได้สอบถามเรื่องประเภท หรือ Categories ว่าไอ Dragster 700 เนี่ยมันจัดอยู่ในประเภทไหน จะพูดว่า สกูตเตอร์ก็ไม่เชิง เพราะ มันแค่นั่งขับตัวตรงเหมือนนั่งเก้าอี้ แต่ที่เหลือคือเอารถสปอร์ตมาใส่ สรุปว่า Italjet ได้สร้างประเภทรถใหม่ เป็น Sport Scooter ก็ว่าได้ ซึ่ง “ยัง” ไม่มีใครทำ จากการสอบถาม ทีมการตลาดก็พูดอย่างภูมิใจออก และยิ้ม แนวๆหวังว่า “นี่คือการสร้างกระแสลูกใหม่ให้ค่ายรถอื่นทำรถมาสู้ในกลุ่มนี้บ้าง เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอยู่ในประเภทอะไร แต่เอาเป็นว่า Italjet บุกเบิกไว้ให้แล้ว”
สเปค
Italjet Dragster 700 Twin ไม่ได้มีเสปค หรือกำลังเครื่องที่ดูหวือหวา แต่เป็นการจับยัดได้อย่างลงตัวมากกว่า ประมาณว่า…ทำไปได้
เริ่มตั้งแต่เครื่องยนต์ Italjet Dragster ใช้เครื่องยนต์ 2 สูบ จาก Benelli (QJ Motor) ขนาด 692 cc ผลิตแรงม้าได้ 68 ตัว และ แรงบิด 70 nm ซึ่งซุ่มเสียงถ้าใครรู้จัก Benelli อยู่แล้ว ก็จะเข้าใจวามันไม่ใช่เสียง 2 สูบแบบทั่วไป เรื่องความแรงก็อยู่ในระดับกลางๆ เพราะรถขนาดเครื่องประมาณนี้ จะให้แรงม้าประมาณ 65-70 อยู่แล้ว และมันไม่ใช่ปัจจัยสำคัญสำหรับ 700 Twin
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ก็ถือว่ามาตรฐานในคลาส 700 cc มีระบบ ABS และ แทร็คชันคอนโทรลคอนโทรลแบบเปิด-ปิดได้ และมีเซ็นเซอร์วัดลมยาง เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
หน้าจอ TFT จอสี สว่างพอตัวไม่ถึงกับแยงตา แต่แสงจ้าก็มองเห็นและ เมื่อถึง Redline หน้าจอ จะเปลี่ยนเป็นสีแดง “ทั้งจอ” ดูง่ายดี เวลาเปลี่ยนเกียร์ น่าเสียดาย ตอนที่ทดสอบ มองไม่เห็นเลขเกียร์ หรืออาจจะหาไม่เจอไม่รู้ แต่คงมีแหละ อย่างน้อยก็บอกว่า เกียร์ N
ช่วงล่างและเบรค
เทพ เหมือนเคย อย่าหาว่าอวยเลย แต่ Italjet ใส่จานเบรคอันเบ้อเร่อมาตั้งแต่รุ่น 300 แล้ว ในรุ่น 700 ใส่จานหน้า 270 มม. จานหลังโคตรเบิ้ม 260 มม. กดนิดเดียวล้อล๊อกด้วยพลังแห่ง Brembo ช่วงล่าง Marzocchi + Ohlins ที่แสนจะนิ่มนวล แต่ ขี่แบบสปอร์ต เข่าติดพื้นก็ได้ ไม่ย้วยจนเกินไป (หรือว่าทีมช่างเซ็ตมาให้ขี่สนามนี้รึเปล่า อันนี้ไม่รู้ โดยทั่วไปออกจากโรงงานมายังไง ก็ทำอย่างงั้น ยกเว้น Ducati ที่ทีมช่างปรับให้เหมาะกับสนามนั้นๆ อิอิ)
ล้อขนาด 15 นิ้ว ทั้งหน้าและหลัง ใส่ Pirelli Diablo Rosso Scooter ที่คุ้นเคย(ขนาดยาง อ่านในตารางข้างล่างเอา) ที่แปลกใจคือ รถบิ๊กสกูตเตอร์ส่วนใหญ่จะให้ล้อหน้าใหญ่กว่าล้อหลัง เพื่อให้ Handling ได้ง่ายขึ้น แต่ คันนี้คือ Sport เลยให้ 15-15 ให้เนียนในโค้งแทน
ตาราง สเปค และ รายละเอียด
สมรรถนะ | |
ความเร็วสูงสุด | 190 กม./ชม. |
กำลังสูงสุด | 68 แรงม้า ที่ 8,500 รอบ/นาที |
แรงบิด | 70 นิวตันเมตร ที่ 6,000 รอบ/นาที |
น้ำหนักแห้ง | 190 กก. |
น้ำหนักบรรทุกสูงสุด (ไม่รวมผู้โดยสาร) | 390 กก. |
ระบบไฟส่องสว่าง | LED |
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง | 2.7 ลิตร/100 กม. |
ความจุถังน้ำมัน | 16 ลิตร |
จอ | TFT 5 นิ้ว รองรับ Bluetooth |
ระบบช่วยเหลือ | Traction Control, ABS เปิด/ปิดได้ ระบบ TPMS (วัดแรงดันลมยาง) |
เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง | |
ระบบจุดระเบิด | Bosch |
เกียร์ | 6 สปีด |
เครื่องยนต์ | 2 สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ |
ความจุกระบอกสูบ | 692 ซีซี |
ประเภทเครื่องยนต์ | 4 จังหวะ |
คลัตช์ | แบบเปียก |
การสตาร์ท | สตาร์ทไฟฟ้า |
ระบบขับเคลื่อน | โซ่ |
เบรก ยาง และ ช่วงล่าง | |
เบรกหน้า | Brembo 4 พอต ดิสก์คู่ ขนาด 270 มม |
เบรกหลัง | Brembo 2 พอต ดิสก์เดี่ยว ขนาด 260 มม |
ระบบเบรก | ABS |
ยางหน้า | Pirelli Diablo Rosso Scooter 120/70R15 |
ยางหลัง | Pirelli Diablo Rosso Scooter 160/60-R15 |
โช้คหน้า | โช้คหัวกลับ Marzocchi (USD Fork) Fully Adjustable |
โช้คหลัง | โช้คเดี่ยว Marzocchi (Ohlins รุ่น limited) Fully Adjustable, พร้อมปรับตัวความสูง |
ความประทับใจแรก
หน้าตา ขึ้นอยู่กับคนมอง แบ่งออกได้ 2 แบบ คือ ไม่รักก็เกลียดเลย ซึ่ง Italjet ก็ได้บอกแบบนั้นว่า ไม่ได้ทำมาให้ทุกคนชอบ แต่ทำมาให้เฉพาะคนที่ชอบ“รัก” มันคือการ ออกแบบหน้าตาที่ดูแหวกแนวที่สุด ถ้าเทียบกับสกูตเตอร์อื่น ๆ ที่ขายกัน แต่หน้าตาแบบนี้ไม่แปลกสำหรับแบรนด์ Italjet ถ้าไม่รู้จะแนะนำให้ลอง Google Image ลองย้อนไปดูรุ่น 200 300 ที่ผ่านมาว่ามันแปลกขนาดไหน
รุ่น Premium | รุ่น Limited |
เปิดตัวมา แยก เป็น 2 รุ่น รุ่นละ 2 สี คือ Dragster 700 Premium กับสี เหลือง/ดำ และ ขาว/แดง กับรุ่น Dragster 700 Twin Limited ลาย Gresini และสี ดำ/ทอง ถ้าดูจากรูป ชื่อสีอาจจะดูงงๆ แต่ก็ชั่งเถอะ เขาว่าไงก็ว่าตาม ซึ่งในรุ่น Twin Limited จะมีของแต่งมาเพิ่ม 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ โช้คหลัง และกันสะบัดจาก Ohlins และครอบแคร้งใส
ราคาที่เข้าไทยในรุ่น Premium อยู่ที่ 898,000 บาท และ Limited 998,000 บาท ถือว่าเป็นสกูตเตอร์คลาสกลาง สำหรับคนที่งบเหลือแล้วอยากมีรถเพิ่มไว้ในคอลเลคชั่น
Italjet Dragster 700 Twin ทดสอบการขับขี่
ณ Imola Circuit Italy สนาม ที่ F1 พึ่งซ้อมเสร็จหมาดๆ กับการขับขี่ 3 Lap แถม อีก 1 เพราะไม่เห็นธง รวมเป็น 4 Lap ถ้วน…ซึ่ง เป็นระยะเวลากับ สกูตเตอร์ระดับพรีเมียม ที่น้อยมากเหมือนเอาเวลาซื้อเบอร์ตอง แล้วเสร็จกิจเร็วเกิน อดเบิ้ลรอบเพราะงบหมด (ฟังเพื่อนเล่ามา)
ถ้าไม่นับว่าเวลาน้อย นี่คือ รถที่นั่งเหมือนเก้าอี้ มีเกียร์ และเข่าติดพื้นได้ “คันแรก” ในชีวิตการขับขี่ ถ้าไม่นับโหน เพราะคันนี้แค่กางเข่า ก็เข้าได้เหมือนรถสปอร์ต
ความประหลาดอย่างเดียวของมันก็คือ การที่เบาะหรือตัวคนขี่ นั่งอยู่บนหัวสูบของเครื่องยนต์ เวลาเลี้ยวเปลี่ยทิศทาง (เข้าชิเคน) มันจะมีอาการโยนแปลกๆ เพราะปกติ ของรถสปอร์ต เราจะนั่งหลังเครื่อง เวลา โยนโค้ง มันจะนิ่ง แต่ ด้วยความที่วางตำแหน่งเครื่องแบบสกูตเตอร์ จังหวะ ลงโค้งหรือโยนรถ หน้าจะไว พับเร็ว เล่นเอาเสียว เหมือนจะ Low side
การทำความคุ้นเคยกับรถคันนี้ไม่ได้ยาก แต่อาจใช้เวลาซักพัก ซึ่งระหว่างทดสอบ กว่าจะเข้ามือก็เลยธงเข้ารอบ 4 ไปแล้ว พอมานึกย้อนดูอีกที ก็ถือว่าโชคดีที่เลยไปอีก 1 รอบ ซึ่งในรีววิว วีดีโอ ที่พูดเอาไว้ว่า มันอาจะไม่เหมาะกับสนาม ก็ไม่จริงซะทีเดียว เพราะ Dragster 700 คันนี้มันสามารถ(เร็วได้) และ หลังจากที่เดินไปดูยาง ขอบยางหน้ายังเหลือ แปลว่า ลงได้อีก ถ้ามีเวลามากกว่านี้ ได้เข่าติดพื้นสวย ๆ แน่นอน
สมรรถนะของตัวรถ ต้องพูดว่าไม่ได้เป็นรถที่หวือหวาในเรื่องของเทคโนโลยีการขับขี่ หรือความแรงใดๆ ระบบไม่ได้มีอะไรที่ซับซ้อน มีแค่ Traction และ ABS ที่เปิด-ปิดได้ แต่สิ่งที่น่าประทับใจคือ โช้คที่เซ็ตมานุ่ม แต่ขี่สนุก อาจเป็นเพราะขี่ไม่ได้เร็วมากนัก ก็ตามโจทย์ว่า สกูตเตอร์ เลยไม่ได้เค้น ทำความเร็วเหมือนปกติที่ขี่จนเจอลิมิตของตัวเอง (ด้วยการแวะกรวด) ถ้าเป็นรถออกทริป คือจบ…ได้ทั้งหล่อ และเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่พอมือ ชูโรงคือเรื่องเบรก ขึ้นชื่อว่า Brembo ยังไงก็เอาอยู่ ถ้าจะให้ติ ก็คือ จานเบรกหลังที่ใหญ่ไป ทำให้ Modulation น้อยกดนิดเดียวล้อหลังล็อก
เรื่องของเครื่องยนต์ บอกตรงๆว่า หารอบที่แรงม้ากระแทกไม่เจอ และแต่ละเกียร์ยาวมาก มีช่วง Section นึงที่ขี่โดยที่ไม่เปลี่ยนเกียร์เลยก็ไหลๆไปได้ หมายถึงว่า เครื่องมันมีแรงม้า ที่ “น่าจะ”คงที (ตอนที่พรีเซนต์ตัวรถไม่ได้มีพูดถึงเครื่องยนต์หรือสเปครถแต่อย่างได้) ถ้าโจทย์คือใช้ Dragster 700 ไว้ขี่ลงสนามเครื่องยนต์ตัวนี้ไม่ใช่แน่นอน แต่ถ้าขี่ทางหลวง…สบาย ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อยๆ (แป้นเกียร์ไกลมาก)
ท่านั่งและการขับขี่
แปลก เพราะท่านั่ง เหมือนนั่งเก้าอี้แต่มีเกียร์ แป้นกดเกียร์-เบรคหลัง ยาว และ ลึก ไม่สะดวกสำหรับเด็กโข่ง ที่เตี้ยกว่ามาตรฐานชายไทย จะเปลี่ยนเกียร์หรือเบรคแต่ละที่ต้องตั้งใจเลื่อนไปครึ่งเท้า ถ้าจังหว่ะไม่ดี หรือกำลังโฟกัสถนนอยู่ ก็เสียจังหว่ะเอาได้ คงจะเหมาะกับคนสูง 175+ เป็นต้นไปน่าจะพอดี
แฮนด์และการบังคับเลี้ยว ทรงแบบรถสปอร์ต แต่ความกางประมาณรถ Naked ขี่สบายๆ (เพราะขี่ แค่ 4 รอบ นานกว่านี้ไม่รู้) แต่พอเดาได้ว่า ไม่เมื่อย เพราะ…นั่งเก้าอี้ + ไม่เอื้อม ปุ่มกดและก้านเบรค ทุกอย่างลงตัวหมด และเหมือนแฮนด์ จะปรับเข้า-ออก ได้อีกนิดนึงจากแผงคอบน
ด้วยความที่ Dragster 700 เป็นทั้งสปอร์ต และ สกูตเตอร์ ทำให้การขับขี่ของคนตัวเล็กกว่ามาตรฐานชายไทย สร้างความคุ้นเคยได้ยากกว่ารถ มอเตอร์ไซค์แนวสปอร์ต หรือ บิ๊กสกูตเตอร์ ทั่วไป ถ้าให้ขยายความ สปอร์ต เราต้องหนีบถังเข้าโค้ง เท้าพร้อมเข้าเกียร์ และเบรคตลอด ส่วนบิ๊กสกูตเตอร์เรานั่งขี่สบายๆ เท้า ไม่ได้ใช้ มีแค่เปิดปิดคันเร่ง เพราะ นี่คือรถใหญ่แบบนั่งเก้าอี้ขี่ แต่ต้องเปลี่ยนเกียร์
ดีเทล เล็กๆน้อยๆ
โช้คหน้าและหลัง แบบ Fully Adjustable ปรับละเอียดได้ แบบรถสปอร์ต ตัว 1000 ระบบคีย์เลส ไม่ต้องเสียบกุญแจ ตัวลูกบิดเปิด-ปิดคล้ายๆ ฮอนด้า และมีพอร์ทชาร์จ 2 รู ใน 1 จุด เป็น USA และ USB ถุ้ย…เป็น Type C และ USB-A อยู่ในช่องเดียวกัน.และเซอร์ไพรส์ที่สุดคือใต้เบาะ จากเดิมรุ่น 300 ที่ใส่มือถือได้ 1 เครื่อง ในรุ่น 700 จัดฟิตเม้นต์ใหม่ กลายเป็นใส่อะไรไม่ได้เลย ตรงสเปครถสปอร์ต 100% เน้นขี่ล้วนๆ อ้อแล้วอีกอย่าง ท่อคู่ทรงกระป๋อง ออกตูด ออกแบบโดย Akrapovic ทั้งเส้นแต่มีแคท ซึ่งสามารถซึ้อ ท่อตรงใส่เพิ่มได้ถ้าอยากลั่น และ แรงขึ้น
สรุป
ข้อดี
- ช่วงล่าง โช้ค ยาง เบรค ลงตัวหมดท่อสวย เสียงเพราะ
- ดีไซน์เฉียบคม สะกดทุกสายตา
- ของแต่ทำมาแล้ว แม้แต่ตัวไม่ Limited จอดเฉยๆ ก็ดูสุด
- สกูตเตอร์ที่ไม่ใช่สกูตเตอร์
ข้อสังเกตุ
- เป็นมอเอตร์ไซค์ที่หลายคนอยากได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนอยากซื้อ
- เหมาะเป็นรถอีกคันที่ซื้อสะสม
- สกูตเตอร์ที่ไม่ใช่สกูเตอร์ (ไม่ได้พิมซ้ำ แต่คนละความหมาย ถ้าเข้าใจโจทย์)
- ใช้ขี่ได้อย่างเดียว แบกอะไรแบบสกูตเตอร์ทั่วไปไม่ได้
- ความสบายของคนซ้อนไม่ต้องพูดถึง