SuperBikeMag.Com ข่าวมอเตอร์ไซค์ รีวิวมอเตอร์ไซค์ รถจักรยานยนต์ บิ๊กไบค์

ลองขี่ Yamaha Tenere 700 ตะลุยห้วยคอกหมู ไหวมั้ยต้องดู

ลองขี่ Yamaha Tenere 700

ช่วงวันที่ 11-12 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ทาง SuperBike ได้มีโอกาสไปร่วมทริปขับขี่ทดสอบสมรรถนะเจ้า Yamaha Tenere 700 หรือที่เรานิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า T7 กันถึงที่อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี โดยจะเป็นการขี่ทดสอบบนถนนดำจากกรุงเทพไปยังอำเภอสวนผึ้ง และจากนั้นก็จะขี่ลุยเส้นทางธรรมชาติ ในพื้นที่บ้านพุระกำ แก่งส้มแมว และห้วยคอกหมูครับ

ลองขี่ Yamaha Tenere 700

โดยช่วงเช้าได้นัดกันที่ Yamaha Riders’ Club เกษตร-นวมินทร์ ซึ่งทาง Yamaha ได้จัดรถ Tenere 700 ไว้ให้ทาง SuperBike  หรือตัวผมเนี่ยร่วมขี่ทดสอบพร้อมกับตัวแทนดีลเลอร์และลูกค้าที่ซื้อรถ Tenere 700 ไปครับ

 

แว่บแรกที่เห็นภายนอกรู้สึกสะดุดตากับไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ Full LED ที่โดดเด่นด้วยไฟขนาดใหญ่ 4 ดวง ปรับความกว้างและสูง-ต่ำได้ อีกทั้งยังมีไฟ Daytime Running Lights หรือเดย์ไลท์ที่เรานิยมเรียกกันอยู่ด้านล่าง มีเรือนไมล์แบบ LCD ขนาดใหญ่มองเห็นได้ชัดเจนและให้อารมณ์คล้ายรถแข่งแรลลี่ ซึ่งแสดงผลข้อมูลต่าง อาทิ ความเร็ว รอบเครื่อง อุณหภูมิเครื่องยนต์ อุณหภูมิภายนอก ตำแหน่งเกียร์ ระยะทางทริป 1-2 ระยะทางรวม นอกจากนี้ยังดูเด่นที่รูปทรงตัวรถที่สูงและดูเพรียว เหมาะสมกับที่เป็นรถสไตล์แอดเวนเจอร์มากๆ

หลังจากแอบไปเหล่รถคันที่ผมจะได้ขี่แล้วก็เข้าฟังบรีฟเส้นทางกันก่อนจะออกเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดราชบุรี ลุยฝ่าการจราจรที่ค่อนข้างแน่นและติดขัดในกรุงเทพเข้าสู่ถนนบรมราชชนนี เจ้า T7 คันนี้ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว ควบคุมง่าย คล่องตัวมากถึงแม้จะขับขี่ในย่านที่รถติดๆ ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเจ้า T7 คันนี้เลย

พอถึงช่วงทางตรงมีโอกาสได้ลองเปิดคันเร่ง ทดสอบเครื่องยนต์ขนาด 689 ซีซี 4 จังหวะ 4 วาล์ว DOHC 2 สูบ ที่เป็นเครื่องที่ใช้ในตระกูล MT-07 ด้วย ก็พบว่าสามารถบิดได้ 150 -160 กม./ชม. แบบสบายๆ และยังไปต่อได้อีกด้วย ไม่มีอาการดิ้นหรือส่ายให้รู้สึก กับยางติดรถที่ให้มาเป็น ยาง Pirelli Scorpion Rally STR ขนาดยางหน้า 90/90 R21 M/C 54V M + S ขนาดยางหลัง 150/70 R18 M/C 70V M + S ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าทำความเร็วไม่ได้

ช่วงทางโค้งบนถนนดำ สมรรถนะของช่วงล่างเจ้า T7 นั้นดีมาก สามารถจิกโค้งเข้าได้แบบเนียนๆ พลิกเข้าโค้งได้แบบต่อเนื่องไม่มีเสียอาการหรือหลุดไลน์ ทำให้ยิ่งมั่นใจและเพิ่มความสนุกในการขับขี่ไม่ต้องมากังวลว่ารถสไตล์นี้ ช่วงล่างจะย้วยหรือนุ่มจนเกินไป ยางแบบนี้เข้าโค้งแล้วจะดิ้นเข้าได้ไม่เนียน ส่วนตัวผมแล้วบอกเลยว่าเจ้า T7 ถือว่าเป็นรถจักรยานยนต์สไตล์แอดเวนเจอร์ไซส์กลางที่ขี่สนุกและจัดว่าดีในการเดินทางบนทางดำเลยล่ะ

ลองขี่ Yamaha Tenere 700

หลังจากได้ทดสอบขับขี่บนทางดำแล้ว ก็ถึงคราวของการขี่ทดสอบบนเส้นทางธรรมชาติที่ Yamaha ได้แบ่งความยากง่ายเป็น 4 ระดับ ระดับที่ 1 ก็จะเป็นเส้นทางจำพวก ทราย ทางขรุขระ ช่องอุโมงค์ต้นไม้ หรือร่องน้ำ อย่างใดอย่างนึง ระดับที่ 2 ก็จะเป็นเส้นทางลาดชันและขรุขระ ต่อมาระดับที่ 3 ก็จะมีทางที่สูงชันและขรุขระเป็นทางยาว และระดับที่ 4 ทางข้ามขอนไม้หรือทางที่เป็นร่องแคบและลึก ซึ่งก็จะเพิ่มระดับความยากมาตามลำดับ

ในวันแรกช่วงแรกกับเส้นทางธรรมชาติ บ้านพุระกำ กับความยากระดับที่ 1 ทางส่วนใหญ่จะเป็นทรายร่วนๆ ไม่หนามาก มีกรวดหินลอย​​​​​ผสมบ้างเป็นช่วงๆ ถือว่าเป็นการวอร์มอัพเล็กน้อย ขี่รูดกันยาวๆ ไปได้เลย ช่วงล่างของเจ้า T7 ซับแรงกระแทกได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นทางขรุขระ ลำธารที่มีหินลอยลื่นๆ ช่วงอุโมงค์ต้นไม้ที่มีเศษไม้หักร่วงอยู่บนพื้นทรายร่วนๆ เจ้า T7 ผ่านได้แบบสบายๆ ด้วยพละกำลังที่มีมาให้แบบเหลือเฟือ บวกกับคันเร่งเบาสบายบิดติดมือ เรียกน้ำย่อยความมันในการขี่เจ้า T7 ให้ติดใจอยากบิดขยี้คันเร่งอีกรอบ

หลังจากที่หวดคันเร่งในเส้นทางธรรมชาติในช่วงแรกแล้ว ได้เวลาพักทานข้าวเติมพลัง ก่อนไปหวดซ้ำอีกทีในรอบสอง กับเส้นทางเดิมแต่วิ่งย้อนกลับอีกทางนึง ไลน์ที่วิ่งก็จะเปลี่ยนไปอีกแบบ เริ่มมีเส้นทางในแบบความยากในระดับที่ 2 เพิ่มเข้ามา คือทางที่เป็นเนินชันและขรุขระ มีหินลอยก้อนไม่ใหญ่นัก ทางที่ลุยในรอบนี้จะค่อนข้างแคบ มีร่องน้ำแต่ไม่ลึกมาก ให้เราได้ใช้ทักษะในการมองอ่านไลน์เพื่อขี่ผ่านอุปสรรคเส้นทางข้างหน้า ซึ่งในจุดนี้ T7 มีช่วงเกียร์ 1-2 ให้ได้ใช้ค่อนข้างกว้างทำให้เปิดขึ้นเนินได้แบบสบายๆ ส่วนระบบช่วงล่างจาก Kayaba ของรถที่ให้มายังสามารถลุยได้แบบสบายๆ หายห่วง

ลองขี่ Yamaha Tenere 700

ผ่านการทดสอบช่วงที่สองของวันแรก เดินทางกลับที่พัก ฟ้าสางแคมป์ มาขี่รถเส้นทางธรรมชาติก็ต้องพักผ่อนแนวใกล้ชิดธรรมชาติกับบรรยกาศที่โอบล้อมด้วยขุนเขาต้นไม้ใหญ่เขียวขจี มีริมลำธารน้ำใสๆ ไหลผ่านหน้าเต็นท์ที่พักหลังใหญ่ ทุกคนเก็บสัมภาระเข้าเต็นท์ลงเล่นน้ำเย็นๆ ในลำธารก่อนทานอาหารมื้อค่ำรอบกองไฟ ได้อรรถรสในแนวแคมป์ปิ้งกับอากาศเย็นๆ ในยามค่ำคืน จากนั้นก็นั่งร่วมวงสนทนาก่อนจะแยกย้ายไปพักผ่อนเอาแรง เพื่อที่จะไปทดสอบความยากในระดับ 3 กับเส้นทางในห้วยคอกหมูที่เป็นเป้าหมายของทริปนี้

เช้าวันที่ 2 กับแสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องผ่านทะลุแมกไม้ เสียงนกป่าร้องต้อนรับรุ่งอรุณของวันใหม่ เหล่านักบิดสายลุยหลังจากตื่นทำธุระส่วนตัว ทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย เปลี่ยนชุดพร้อมลุยพิชิตเป้าหมายของวันนี้ กับฝูงฮายีน่า Tenere 700 คู่ใจ ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ทางขึ้นห้วยคอกหมู

ลองขี่ Yamaha Tenere 700

เส้นทางขึ้นนั้นเป็นเนินสูงชัน มีอุปสรรคเป็นร่องน้ำที่บางช่วงจะลึกและกว้าง มีกรวดหินลอยก้อนใหญ่ๆ กระจัดกระจาย ความยากของที่นี่ก็จัดเป็นเนินรับแขกแรกนี่ล่ะครับ เมื่อบิดขึ้นไปแล้วต้องหักเลี้ยวต่อในทางที่ค่อนข้างจะชันมาก ต้องใช้ทักษะในการควบคุมรถและการอ่านไลน์ในการขี่ขึ้นพอสมควร การเติมคันเร่งในการขี่ก็สำคัญ ถ้าเลี้ยงคันเร่งไม่ดีไม่มีแรงส่งก็เตรียมสละยานกันได้เลย

เมื่อทุกคนพร้อมแล้วก็ลุยกันเลย งานนี้บอกเลยว่าทักษะของผู้ขี่กับประสิทธิภาพของตัวรถจะได้เริ่มทดสอบกันมากกว่าวันแรก  ด้วยพละกำลังของเครื่องที่มีแรงส่งแบบเหลือเฟือ บวกกับช่วงเกียร์ต่ำที่สามารถลากได้ยาว ทำให้เราเปิดคันเร่งส่งขึ้นได้อย่างสบายๆ น้ำหนักตัวรถที่ค่อนข้างเบา 204 กก. ช่วยทำให้การรถควบคุมรถทำได้ง่าย ตำแหน่งวางเท้าเบรกและเกียร์อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมพอดี ตัวถังเพรียว ทำให้หัวเข่าอยู่หนีบกับตัวถังน้ำมันพอดี ช่วยให้ขยับตัวขับขี่ได้ง่าย รู้สึกได้เลยว่าบาลานซ์ของตัวรถนั้นดีมาก ทำให้รู้สึกผ่อนแรงไปได้เยอะ เพียงแค่มองไลน์ที่เราจะขี่ให้ขาด เติมคันเร่งไปเรื่อยๆ ก็ไปได้อย่างสบายๆ จนถึงจุดชมวิวของห้วยคอกหมู พักชมวิวขุนเขาธรรมชาติที่โอบล้อมทั้งฝั่งไทยและพม่า

อีกพักใหญ่ ได้เวลาขี่ลงกลับที่พักกับทางลงเขา ให้ได้ทดสอบระบบเบรกกันหน่อย กับระบบเบรกหน้าดิสก์คู่ 282 มม. ใช้ปั๊ม Brembo 4 ลูกสูบ ด้านหลังเป็น แผ่นดิสก์เดี่ยว 245 มม. พร้อมปั๊ม Brembo 2 ลูกสูบ  มาพร้อมระบบ ABS จากการขี่ลงจากห้วยคอกหมู ระบบเบรคเจ้า T7 ช่วยชะลอการลงในทางขรุขระได้ดีมาก เพียงแค่ควบคุมการบังคับทิศทางมองไลน์ให้ดี ก็สามารถขับขี่ลงทางชันยาวๆ ได้อย่างต่อเนื่องแม้จะมีสะดุดกับหินลอยก้อนใหญ่ๆ แต่ด้วยมิติตัวรถที่ควบคุมได้ง่ายทำให้แก้อาการแล้วกลับมารักษาบาลานซ์เพื่อขี่ต่อได้แบบสบายๆ

จากการได้ ลองขี่ Yamaha Tenere 700 (T7) คันนี้ ทั้งทางดำและทางธรรมชาติทั้ง 2 วันแล้วกับความยากที่ประมาณ ระดับ 1-3 ซึ่งอาจจะไม่ได้ยากเกินไปสำหรับรถที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อการผจญภัยอย่างแท้จริง เหมาะมากกับการมีรถคู่ใจซักคัน ที่จะพาคุณไปได้ไกลขึ้นจากเส้นทางเดิมๆ ความท้าทายในการเดินทางที่พร้อมจะพาคุณไป…จากกรอบข้อจำกัดการขับขี่ในเส้นทางเดิมๆ กับรถคู่ใจซักคัน กับค่าตัวไม่แรงมากนักที่ 439,000 บาท

ลองขี่ Yamaha Tenere 700

อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Yamaha คลิก

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Admin Superbike

บทความยอดนิยม

ข่าวล่าสุด

ลองขี่ Yamaha Tenere 700 ตะลุยห้วยคอกหมู ไหวมั้ยต้องดู

ลองขี่ Yamaha Tenere 700 ตะลุยห้วยคอกหมู ไหวมั้ยต้องดู

ลองขี่ Yamaha Tenere 700

ช่วงวันที่ 11-12 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ทาง SuperBike ได้มีโอกาสไปร่วมทริปขับขี่ทดสอบสมรรถนะเจ้า Yamaha Tenere 700 หรือที่เรานิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า T7 กันถึงที่อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี โดยจะเป็นการขี่ทดสอบบนถนนดำจากกรุงเทพไปยังอำเภอสวนผึ้ง และจากนั้นก็จะขี่ลุยเส้นทางธรรมชาติ ในพื้นที่บ้านพุระกำ แก่งส้มแมว และห้วยคอกหมูครับ

ลองขี่ Yamaha Tenere 700

โดยช่วงเช้าได้นัดกันที่ Yamaha Riders’ Club เกษตร-นวมินทร์ ซึ่งทาง Yamaha ได้จัดรถ Tenere 700 ไว้ให้ทาง SuperBike  หรือตัวผมเนี่ยร่วมขี่ทดสอบพร้อมกับตัวแทนดีลเลอร์และลูกค้าที่ซื้อรถ Tenere 700 ไปครับ

 

แว่บแรกที่เห็นภายนอกรู้สึกสะดุดตากับไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ Full LED ที่โดดเด่นด้วยไฟขนาดใหญ่ 4 ดวง ปรับความกว้างและสูง-ต่ำได้ อีกทั้งยังมีไฟ Daytime Running Lights หรือเดย์ไลท์ที่เรานิยมเรียกกันอยู่ด้านล่าง มีเรือนไมล์แบบ LCD ขนาดใหญ่มองเห็นได้ชัดเจนและให้อารมณ์คล้ายรถแข่งแรลลี่ ซึ่งแสดงผลข้อมูลต่าง อาทิ ความเร็ว รอบเครื่อง อุณหภูมิเครื่องยนต์ อุณหภูมิภายนอก ตำแหน่งเกียร์ ระยะทางทริป 1-2 ระยะทางรวม นอกจากนี้ยังดูเด่นที่รูปทรงตัวรถที่สูงและดูเพรียว เหมาะสมกับที่เป็นรถสไตล์แอดเวนเจอร์มากๆ

หลังจากแอบไปเหล่รถคันที่ผมจะได้ขี่แล้วก็เข้าฟังบรีฟเส้นทางกันก่อนจะออกเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดราชบุรี ลุยฝ่าการจราจรที่ค่อนข้างแน่นและติดขัดในกรุงเทพเข้าสู่ถนนบรมราชชนนี เจ้า T7 คันนี้ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว ควบคุมง่าย คล่องตัวมากถึงแม้จะขับขี่ในย่านที่รถติดๆ ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเจ้า T7 คันนี้เลย

พอถึงช่วงทางตรงมีโอกาสได้ลองเปิดคันเร่ง ทดสอบเครื่องยนต์ขนาด 689 ซีซี 4 จังหวะ 4 วาล์ว DOHC 2 สูบ ที่เป็นเครื่องที่ใช้ในตระกูล MT-07 ด้วย ก็พบว่าสามารถบิดได้ 150 -160 กม./ชม. แบบสบายๆ และยังไปต่อได้อีกด้วย ไม่มีอาการดิ้นหรือส่ายให้รู้สึก กับยางติดรถที่ให้มาเป็น ยาง Pirelli Scorpion Rally STR ขนาดยางหน้า 90/90 R21 M/C 54V M + S ขนาดยางหลัง 150/70 R18 M/C 70V M + S ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าทำความเร็วไม่ได้

ช่วงทางโค้งบนถนนดำ สมรรถนะของช่วงล่างเจ้า T7 นั้นดีมาก สามารถจิกโค้งเข้าได้แบบเนียนๆ พลิกเข้าโค้งได้แบบต่อเนื่องไม่มีเสียอาการหรือหลุดไลน์ ทำให้ยิ่งมั่นใจและเพิ่มความสนุกในการขับขี่ไม่ต้องมากังวลว่ารถสไตล์นี้ ช่วงล่างจะย้วยหรือนุ่มจนเกินไป ยางแบบนี้เข้าโค้งแล้วจะดิ้นเข้าได้ไม่เนียน ส่วนตัวผมแล้วบอกเลยว่าเจ้า T7 ถือว่าเป็นรถจักรยานยนต์สไตล์แอดเวนเจอร์ไซส์กลางที่ขี่สนุกและจัดว่าดีในการเดินทางบนทางดำเลยล่ะ

ลองขี่ Yamaha Tenere 700

หลังจากได้ทดสอบขับขี่บนทางดำแล้ว ก็ถึงคราวของการขี่ทดสอบบนเส้นทางธรรมชาติที่ Yamaha ได้แบ่งความยากง่ายเป็น 4 ระดับ ระดับที่ 1 ก็จะเป็นเส้นทางจำพวก ทราย ทางขรุขระ ช่องอุโมงค์ต้นไม้ หรือร่องน้ำ อย่างใดอย่างนึง ระดับที่ 2 ก็จะเป็นเส้นทางลาดชันและขรุขระ ต่อมาระดับที่ 3 ก็จะมีทางที่สูงชันและขรุขระเป็นทางยาว และระดับที่ 4 ทางข้ามขอนไม้หรือทางที่เป็นร่องแคบและลึก ซึ่งก็จะเพิ่มระดับความยากมาตามลำดับ

ในวันแรกช่วงแรกกับเส้นทางธรรมชาติ บ้านพุระกำ กับความยากระดับที่ 1 ทางส่วนใหญ่จะเป็นทรายร่วนๆ ไม่หนามาก มีกรวดหินลอย​​​​​ผสมบ้างเป็นช่วงๆ ถือว่าเป็นการวอร์มอัพเล็กน้อย ขี่รูดกันยาวๆ ไปได้เลย ช่วงล่างของเจ้า T7 ซับแรงกระแทกได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นทางขรุขระ ลำธารที่มีหินลอยลื่นๆ ช่วงอุโมงค์ต้นไม้ที่มีเศษไม้หักร่วงอยู่บนพื้นทรายร่วนๆ เจ้า T7 ผ่านได้แบบสบายๆ ด้วยพละกำลังที่มีมาให้แบบเหลือเฟือ บวกกับคันเร่งเบาสบายบิดติดมือ เรียกน้ำย่อยความมันในการขี่เจ้า T7 ให้ติดใจอยากบิดขยี้คันเร่งอีกรอบ

หลังจากที่หวดคันเร่งในเส้นทางธรรมชาติในช่วงแรกแล้ว ได้เวลาพักทานข้าวเติมพลัง ก่อนไปหวดซ้ำอีกทีในรอบสอง กับเส้นทางเดิมแต่วิ่งย้อนกลับอีกทางนึง ไลน์ที่วิ่งก็จะเปลี่ยนไปอีกแบบ เริ่มมีเส้นทางในแบบความยากในระดับที่ 2 เพิ่มเข้ามา คือทางที่เป็นเนินชันและขรุขระ มีหินลอยก้อนไม่ใหญ่นัก ทางที่ลุยในรอบนี้จะค่อนข้างแคบ มีร่องน้ำแต่ไม่ลึกมาก ให้เราได้ใช้ทักษะในการมองอ่านไลน์เพื่อขี่ผ่านอุปสรรคเส้นทางข้างหน้า ซึ่งในจุดนี้ T7 มีช่วงเกียร์ 1-2 ให้ได้ใช้ค่อนข้างกว้างทำให้เปิดขึ้นเนินได้แบบสบายๆ ส่วนระบบช่วงล่างจาก Kayaba ของรถที่ให้มายังสามารถลุยได้แบบสบายๆ หายห่วง

ลองขี่ Yamaha Tenere 700

ผ่านการทดสอบช่วงที่สองของวันแรก เดินทางกลับที่พัก ฟ้าสางแคมป์ มาขี่รถเส้นทางธรรมชาติก็ต้องพักผ่อนแนวใกล้ชิดธรรมชาติกับบรรยกาศที่โอบล้อมด้วยขุนเขาต้นไม้ใหญ่เขียวขจี มีริมลำธารน้ำใสๆ ไหลผ่านหน้าเต็นท์ที่พักหลังใหญ่ ทุกคนเก็บสัมภาระเข้าเต็นท์ลงเล่นน้ำเย็นๆ ในลำธารก่อนทานอาหารมื้อค่ำรอบกองไฟ ได้อรรถรสในแนวแคมป์ปิ้งกับอากาศเย็นๆ ในยามค่ำคืน จากนั้นก็นั่งร่วมวงสนทนาก่อนจะแยกย้ายไปพักผ่อนเอาแรง เพื่อที่จะไปทดสอบความยากในระดับ 3 กับเส้นทางในห้วยคอกหมูที่เป็นเป้าหมายของทริปนี้

เช้าวันที่ 2 กับแสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องผ่านทะลุแมกไม้ เสียงนกป่าร้องต้อนรับรุ่งอรุณของวันใหม่ เหล่านักบิดสายลุยหลังจากตื่นทำธุระส่วนตัว ทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย เปลี่ยนชุดพร้อมลุยพิชิตเป้าหมายของวันนี้ กับฝูงฮายีน่า Tenere 700 คู่ใจ ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ทางขึ้นห้วยคอกหมู

ลองขี่ Yamaha Tenere 700

เส้นทางขึ้นนั้นเป็นเนินสูงชัน มีอุปสรรคเป็นร่องน้ำที่บางช่วงจะลึกและกว้าง มีกรวดหินลอยก้อนใหญ่ๆ กระจัดกระจาย ความยากของที่นี่ก็จัดเป็นเนินรับแขกแรกนี่ล่ะครับ เมื่อบิดขึ้นไปแล้วต้องหักเลี้ยวต่อในทางที่ค่อนข้างจะชันมาก ต้องใช้ทักษะในการควบคุมรถและการอ่านไลน์ในการขี่ขึ้นพอสมควร การเติมคันเร่งในการขี่ก็สำคัญ ถ้าเลี้ยงคันเร่งไม่ดีไม่มีแรงส่งก็เตรียมสละยานกันได้เลย

เมื่อทุกคนพร้อมแล้วก็ลุยกันเลย งานนี้บอกเลยว่าทักษะของผู้ขี่กับประสิทธิภาพของตัวรถจะได้เริ่มทดสอบกันมากกว่าวันแรก  ด้วยพละกำลังของเครื่องที่มีแรงส่งแบบเหลือเฟือ บวกกับช่วงเกียร์ต่ำที่สามารถลากได้ยาว ทำให้เราเปิดคันเร่งส่งขึ้นได้อย่างสบายๆ น้ำหนักตัวรถที่ค่อนข้างเบา 204 กก. ช่วยทำให้การรถควบคุมรถทำได้ง่าย ตำแหน่งวางเท้าเบรกและเกียร์อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมพอดี ตัวถังเพรียว ทำให้หัวเข่าอยู่หนีบกับตัวถังน้ำมันพอดี ช่วยให้ขยับตัวขับขี่ได้ง่าย รู้สึกได้เลยว่าบาลานซ์ของตัวรถนั้นดีมาก ทำให้รู้สึกผ่อนแรงไปได้เยอะ เพียงแค่มองไลน์ที่เราจะขี่ให้ขาด เติมคันเร่งไปเรื่อยๆ ก็ไปได้อย่างสบายๆ จนถึงจุดชมวิวของห้วยคอกหมู พักชมวิวขุนเขาธรรมชาติที่โอบล้อมทั้งฝั่งไทยและพม่า

อีกพักใหญ่ ได้เวลาขี่ลงกลับที่พักกับทางลงเขา ให้ได้ทดสอบระบบเบรกกันหน่อย กับระบบเบรกหน้าดิสก์คู่ 282 มม. ใช้ปั๊ม Brembo 4 ลูกสูบ ด้านหลังเป็น แผ่นดิสก์เดี่ยว 245 มม. พร้อมปั๊ม Brembo 2 ลูกสูบ  มาพร้อมระบบ ABS จากการขี่ลงจากห้วยคอกหมู ระบบเบรคเจ้า T7 ช่วยชะลอการลงในทางขรุขระได้ดีมาก เพียงแค่ควบคุมการบังคับทิศทางมองไลน์ให้ดี ก็สามารถขับขี่ลงทางชันยาวๆ ได้อย่างต่อเนื่องแม้จะมีสะดุดกับหินลอยก้อนใหญ่ๆ แต่ด้วยมิติตัวรถที่ควบคุมได้ง่ายทำให้แก้อาการแล้วกลับมารักษาบาลานซ์เพื่อขี่ต่อได้แบบสบายๆ

จากการได้ ลองขี่ Yamaha Tenere 700 (T7) คันนี้ ทั้งทางดำและทางธรรมชาติทั้ง 2 วันแล้วกับความยากที่ประมาณ ระดับ 1-3 ซึ่งอาจจะไม่ได้ยากเกินไปสำหรับรถที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อการผจญภัยอย่างแท้จริง เหมาะมากกับการมีรถคู่ใจซักคัน ที่จะพาคุณไปได้ไกลขึ้นจากเส้นทางเดิมๆ ความท้าทายในการเดินทางที่พร้อมจะพาคุณไป…จากกรอบข้อจำกัดการขับขี่ในเส้นทางเดิมๆ กับรถคู่ใจซักคัน กับค่าตัวไม่แรงมากนักที่ 439,000 บาท

ลองขี่ Yamaha Tenere 700

อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Yamaha คลิก

อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Share It:

Admin Superbike

ข่าวล่าสุด

บทความยอดนิยม

Superbike Mag Thailand