หากให้พูดถึงคำว่า Performance Bagger ในยุคนี้ชื่อของโมเดล Harley-Davidson CVO Road Glide ST คือหนึ่งในคำตอบแรก ๆ ที่ใครหลายคนนึกถึง เพราะรถคันนี้ไม่ใช่รถจักรยานยนต์สไตล์ทัวร์ริ่งที่แค่แต่งหล่อ แต่มันถูกนิยามว่าคือรถสไตล์แบกเกอร์ที่นำเอา DNA จากสนาม MotoAmerica King of the Baggers มาปั้นเป็นรถถนนแบบโรงงาน เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสถึงความเร้าใจเมื่อได้ร่วมเดินทางกับเจ้าคันนี้
งานออกแบบของรถคันนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถแบกเกอร์ในสนามแข่ง ด้วยการนำดีเอ็นเอจากรายการ MotoAmerica King of the Baggers มาปรับใส่ในตัวรถ โดยการออกแบบหลักมีการออกแบบด้วยดีไซน์ล้ำสมัย วัสดุน้ำหนักเบา ส่วนประกอบประสิทธิภาพสูง พร้อมตามหลักสรีรศาสตร์ที่ปรับแต่งมาอย่างประณีต
แบกเกอร์คันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight™ 121 High-Output ขนาดเครื่องยนต์ 1,977 ซีซีมาพร้อมพละกำลังสูงสุด 126 แรงม้าที่ 5,020 รอบต่อนาที และแรงบิดอยู่ที่ 193 นิวตันเมตรที่ 3,750 รอบต่อนาที อีกทั้งยังมาพร้อมเพลาลูกเบี้ยวสมรรถนะสูง ระบบไอดีแบบ Heavy Breather ที่มีส่วนทำให้สมรรถนะเครื่องยนต์สามารถรีดประสิทธิภาพได้มากขึ้น
![]() |
![]() |
ระบบช่วงล่างของรถคันนี้ด้านหน้ามาพร้อมกับโช้คอัปแบบหัวกลับจากค่าย SHOWA ขนาดแกน 47 มม. ที่มีระยะยุบตัวอยู่ที่ 117 มม. สามารถปรับตั้งค่าได้อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้การยุบตัว คืนตัว และพรีโหลดมีความเหมาะสมกับระดับความสบาย และสไตล์การขับขี่ และในส่วนของด้านหลังมาพร้อมกับโช้คอัปคู่พร้อมซับแทงค์จาก SHOWA สามารถปรับค่าได้เช่นเดียวกัน
ไม่เพียงแค่ดีไซน์การออกแบบ และเครื่องยนต์ที่มีความเร้าใจตามสไตล์ของอเมริกัน แต่เรื่องของนวัตกรรมเทคโนโลยียังมาอย่างเต็มเปี่ยม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ เริ่มจากในเรื่องของระบบ Infotainment อย่างที่ใครหลายคนทราบกันดีว่ารถจักรยานยนต์ค่าย Harley-Davidson ให้ความสำคัญในส่วนนี้อยู่ไม่น้อย โดยคันนี้มาพร้อมกับหน้าจอสีแบบ TFT ขนาด 312 มม. แสดงข้อมูลการขับขี่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นมาตรวัดต่าง ๆ, โหมดการขับขี่ ระบบนำทางพร้อมข้อมูลการจราจรและสภาพอากาศ Bluetooth อีกทั้งยังมาพร้อมเครื่องเสียงบริเวณสองข้างของจอ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการ SKYLINE จากทาง Harley-Davidson
โหมดการขับขี่ที่มาพร้อมกับตัวรถได้แก่ Sport, Track และ Track+ อีกทั้งยังมีโหมด Custom ที่ให้ผู้ขับขี่สามารถปรับค่าเองได้ตามความต้องการของผู้ขับขี่ และไม่เพียงแค่โหมดการขับขี่ แต่รถคันนี้ยังพ่วงมาด้วยระบบความปลอดภัยต่าง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค (ABS), ระบบลิงก์เบรกอิเล็กทรอนิกส์ (ELB), ระบบควบคุมการยึดเกาะ (TCS), ระบบความคุมการลื่นไถลโดยการดึงแรงบิด (DSCS), ระบบควบคุมการทรงตัวของรถ (VHC), ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง (TPMS)
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อคเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าโค้ง (C-ABS), ระบบเบรกที่เชื่อมโยงแบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าโค้ง (C-ELB), ระบบควบคุมการยึดเกาะที่เพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าโค้ง (C-TCS) และระบบควบคุมการลื่นไถลขณะลดเกียร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าโค้ง (C-DSCS)
สีสันที่วางจำหน่าย
![]() |
Rally Red |
![]() |
Mercury Silver |
![]() |
Hot Lap (เพิ่มเงิน 193,000 บาท) |
ในส่วนของราคาวางจำหน่ายโมเดล Harley-Davidson CVO Road Glide ST เริ่มต้นอยู่ที่ 3,193,000 บาท และสีพิเศษอย่าง Hot Lap ที่มาในโทนสีดำตัดสลับสีแดงจะต้องเพิ่มเงินอีก 193,000 บาท สนใจอยากเป็นเจ้าของสามารถสอบถามได้ที่ตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ Harley-Davidson ใกล้บ้านท่าน









