ในโลกของความเร็วระดับ MotoGP การขับเคี่ยวกันบนแทร็กอาจจบลงในเวลาเพียง 45 นาที แต่การขับเคี่ยวกัน “หลังบ้าน” เพื่อแย่งชิงสิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันนั้นใช้เวลาเจรจากันเป็นปีๆ และมีมูลค่ามหาศาล ปัจจุบัน Dorna Sports (ผู้ถือสิทธิ์) ได้ปรับกลยุทธ์การจัดปฏิทินการแข่งขันใหม่ โดยเน้นความยั่งยืนทางการเงินและความนิยมในระดับภูมิภาค ทำให้ปฏิทินปี 2025-2026 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของหลายสนามแข่งขันทั่วโลก กับคอลัมน์ สัญญาสนามแข่ง MotoGP 2026

สนามช้างฯ บุรีรัมย์ ป้อมปราการสำคัญที่โลกมอเตอร์สปอร์ตขาดไม่ได้

สำหรับแฟนชาวไทย ประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดคือ “สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต” จะได้ไปต่อนานแค่ไหน? ตามสัญญาฉบับปัจจุบัน ไทยมีสิทธิ์เป็นเจ้าภาพไปจนถึง สิ้นปี 2026 แต่จากความสำเร็จระดับปรากฏการณ์ที่บุรีรัมย์ทุบสถิติยอดผู้ชมสูงสุดของโลก (All-time Attendance Record) ติดต่อกันหลายปี ทำให้สถานะของสนามไทยมีความแข็งแกร่งอย่างมาก

วิเคราะห์จากสถานการณ์ล่าสุดในปี 2568 มีความเป็นไปได้สูงมากที่รัฐบาลไทยและ Dorna จะประกาศขยายสัญญาฉบับใหม่ครอบคลุมไปจนถึง ปี 2030 เนื่องจากไทยได้กลายเป็น “ยุทธศาสตร์หลัก” ในการขยายฐานแฟนคลับในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นตลาดรถจักรยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก การสูญเสียสนามไทยไปจึงไม่ใช่สิ่งที่ Dorna ต้องการอย่างแน่นอน

กลุ่มสัญญา “อมตะ” (The Long-Term Titans)

ในขณะที่หลายสนามต้องลุ้นสัญญาแบบปีต่อปี หรือสัญญา 3 ปี แต่มีบางสนามที่ล็อกคิวรันยาวด้วยอิทธิพลทางการเงินและพาร์ทเนอร์ระดับโลก:

• Lusail International Circuit (กาตาร์): ถือสัญญาที่ยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ MotoGP โดยยาวไปจนถึง ปี 2031 ด้วยเม็ดเงินมหาศาลจากการสนับสนุนของรัฐบาลกาตาร์ ทำให้สนามแห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของฤดูกาล (Opening Round) ที่มั่นคงที่สุด

• Red Bull Ring (ออสเตรีย): ด้วยการที่เป็นบ้านเกิดของ Red Bull พาร์ทเนอร์หลักของทั้งรายการและทีมแข่งหลายทีม ทำให้สนามแห่งนี้ได้รับสัญญาการันตีไปจนถึง ปี 2030 พร้อมแผนการปรับปรุงแทร็กเพื่อความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง

นโยบาย “Rotation” และวิกฤตสนามในสเปน

สเปนถือเป็นประเทศที่มีสนามแข่งระดับ Grade A มากที่สุด (Jerez, Barcelona, Aragon, Valencia) แต่ด้วยนโยบายกระจายการแข่งขันไปทั่วโลก ทำให้ Dorna ไม่สามารถจัดแข่งในสเปนประเทศเดียวถึง 4 เรซในทุกๆ ปีได้อีกต่อไป

ทางออกที่ถูกนำมาใช้คือระบบ “Rotation” หรือการสลับกันจัด โดยสัญญาฉบับใหม่ของกลุ่มสนามในสเปนจะระบุว่า “อาจจะไม่ได้จัดแข่งทุกปี” แต่จะสลับกันจัดปีเว้นปี เพื่อหลีกทางให้สนามใหม่ๆ ในตลาดศักยภาพสูง เช่น อินเดีย (Buddh International Circuit) หรือสนามในยุโรปตะวันออกอย่าง ฮังการี (Balaton Park) ที่กำลังพยายามกลับมาทวงความยิ่งใหญ่

ความท้าทายของสนามใหม่ มาตรฐาน FIM และเสถียรภาพทางการเงิน

การที่สนามหนึ่งจะอยู่ในปฏิทินได้นานแค่ไหน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงินเพียงอย่างเดียว แต่ต้องผ่านเกณฑ์ Grade A จาก FIM ที่เข้มงวดมากขึ้นในปี 2568 โดยเฉพาะเรื่อง Run-off Area และระบบความปลอดภัยแบบดิจิทัล เราได้เห็นบทเรียนจากสนาม Sokol (คาซัคสถาน) และ Buddh (อินเดีย) ที่แม้จะมีสัญญาแต่หากประสบปัญหาเรื่องการชำระเงินหรือการเตรียมสนามไม่ทัน ก็อาจถูกถอดออกจากปฏิทินได้ทันที ซึ่งส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นของแฟนความเร็วทั่วโลก

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและแฟนมอเตอร์สปอร์ต

การเซ็นสัญญาระยะยาว (5-10 ปี) ส่งผลดีอย่างมหาศาลต่อการวางแผนเศรษฐกิจในพื้นที่ ตัวอย่างเช่นในบุรีรัมย์ การรู้ล่วงหน้าว่าจะมีรายการระดับโลกมาจัดต่อเนื่อง ช่วยให้นักลงทุนกล้าสร้างโรงแรม ร้านอาหาร และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว สำหรับแฟนคลับเอง การมีสัญญาที่ชัดเจนช่วยให้การวางแผนจองตั๋วเครื่องบินและที่พักทำได้ล่วงหน้าในราคาที่ถูกลง

บทสรุป

ทิศทางของ MotoGP ในปี 2026-2030 จะมุ่งไปสู่การจัดแข่งขันที่ครอบคลุมทุกทวีปมากขึ้น (Global Expansion) เราอาจจะเห็นสนามในยุโรปบางแห่งที่ขาดงบประมาณสนับสนุนต้องหลุดจากปฏิทินไป และถูกแทนที่ด้วยสนามในอเมริกาเหนือหรืออาเซียนเพิ่มขึ้นอีก 1-2 แห่ง และ สัญญาสนามแข่ง MotoGP 2026 ใครหมดเมื่อไหร่ดูได้จากตารางด้านล่าง

สรุปตารางสนาม พร้อมกำหนดหมดสัญญา

อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่นี่ (คลิ๊ก)

อ่านข่าวมอเตอร์ไซค์อื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

อ่านข่าวรถยนต์อื่น ๆ เพิ่มเติม คลิกที่นี่