ก้อง สมเกียรติ นักบิดสัญชาติไทยจากทีม LCR Honda ยอมรับกำลังมุ่งพัฒนาการขับขี่เพื่อทีมฮอนด้า ตอนนี้กำลังเร่งพัฒนาตามอเล็กซ์ เอสปากาโร่
Honda เรียกใช้ Aleix ถึงเวลาของการแก้แค้นให้น้องชาย หลังถูกโมบิเดลี่ ทำพฤติกรรมสุดเอือมสร้างความเดือดร้อนหลายครั้ง ในวีคนี้ เดือดแน่!!
YZR-M1 DutchGP เปิดลายตำนาน? พร้อมลุยแข่งที่แอสเซ่น Run to Retro พร้อมที่จะย้อนไทม์ไลน์สู่ทีมแข่งขันในยุคตำนานจากค่ายส้อมเสียง เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 70 ปี ยามาฮ่า มอเตอร์ โดยทาง Yamaha Factory Racing ทำการเซอร์ไพรส์เปิดตัวชุดทีมแข่งพร้อมลวดลายสุดพิเศษมาในธีมขาว-แดง เตรียมลงแข่งขันใน DutchGP ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยธีมดังกล่าวจะถูกตกแต่งให้กับทีมแข่งทั้งสองทีมทั้งทีมสังกัดโรงงาน ซึ่งนำโดย Fabio Quartararo, Alex Rins และทีมเซทเทอร์ไลท์อย่าง Yamaha Pramac Racing นำโดย Jack Miller และ Miguel Oliveira โดยทั้งหมดจะควบเจ้า YZR-M1 แพ็กเกจชุดเฉดสีและลวดลายเดียวกันทั้งหมดในเรซการแข่งขันของวันอาทิตย์ และเพื่อเป็นการรำลึกของการฉลองครบรอบ 70 ปี กับคอนเซ็ปต์ธีมแข่งที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตัวแข่งไอคอนิกแห่งยุค 90 อย่าง YZF-R7 (1999) ตัวแข่งแชมป์โลก WorldSBK ของนักแข่งในตำนานอย่าง Noriyuki Haga มาอวดโฉมในอีเว้นต์พิเศษครั้งนี้อีกด้วย “นี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญเมื่อทีม MotoGP ทั้งสองทีมมารวมกันบนกริดสตาร์ท โดยนำรถ MotoGP ทั้ง 4 คันมาแสดงร่วมกับ YZF-R7 รุ่นปี 1999 ซึ่งเป็นรถรุ่นไอคอนิกภาพลักษณ์อันทรงพลังของทั้งสองทีมที่รวมเป็นหนึ่งเดียวด้วยการใช้ชุดแต่งเดียวกันนั้นไม่เพียงแต่แสดงถึงการมีตัวตนบนสนามเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงแนวคิดเชิงกลยุทธ์ใหม่ของเราในปีนี้ นั่นคือ เราเป็นหนึ่งเดียวกันและแข็งแกร่งขึ้นเมื่ออยู่ด้วยกัน” Paolo Pavesio กรรมการผู้จัดการ Yamaha Racing กล่าว นับเป็นโอกาสพิเศษของยามาฮ่าในการใช้ลวดลายแข่งใหม่ (แต่ไม่ใหม่) ลงแข่งขันในสนามที่เรียกได้ว่า คว้าชัยชนะมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งครั้งล่าสุดในปี 2021 ของฟาบิโอ กวาตาราโร่ โดยเจ้าตัวกล่าวว่า “สีนี้มันสุดยอดไปเลย และการเลือกใช้แข่งสนามนี้ นับว่าเป็นโมเมนต์สุดพิเศษอีกด้วย ชักรู้สึกตื่นเต้นแล้ว” นี่คืออีเว้นพิเศษของ Yamaha และการได้ใส่ลายใหม่ ๆ แบบนี้ก็ดีเสมอ! เราจัดเต็มอีกครั้ง ทั้งชุดหนัง รองเท้า ถุงมือ และหมวกกันน็อคที่เข้าชุดกับตัวรถ และผมชอบลุคโดยรวมมาก หวังว่าแฟน ๆ จะชอบกันนะครับ – อเล็กซ์ รินส์ กล่าว ส่วนทางด้านแจ็คมิลเลอร์และมิเกล โอลิเวร่า ต่างรู้สึกภูมิใจที่ได้รับเกียรติจากทางยามาฮ่าแม้จะเป็นทีมอิสระเช่นกัน ซึ่งสนามอัสเซ่น ถือเป็นสนามเดียวที่มีในฤดูกาลของโมโตจีพี นับตั้งแต่การก่อตั้งชิงแชมป์โลกในปี 1949 (ยกเว้นปี 2020 อันเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19) อีกทั้งสุดสัปดาห์นี้ยังเป็นวาระครบรอบ การจัดแข่งขัน DutchGP ครั้งที่ 100 จึงถือว่าเป็นโอกาสที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปี ของยามาฮ่าอีกด้วย อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่นี่ (คลิ๊ก) อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก
Aprilia Racing เตรียมติวเข้มให้ ‘ฆอร์เก้ มาร์ติน’ Aprilia Racing ต้นสังกัดของแชมป์โลกคนปัจจุบันอย่าง ‘ฆอร์เก้ มาร์ติน’ ที่กำลังจะเตรียมจัดการซ้อมพิเศษในกับนักแข่งรายดังกล่าว หลังจากที่เจ้าตัวประสบปัญหาเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยเหลือเพียงแค่รอไฟเขียวจากทีมแพทย์เท่านั้น แม้จะมีข่าวในช่วงก่อนหน้าเกี่ยวกับการประกาศแยกทางของฆอร์เก้ มาร์ตินกับต้นสังกัด แต่ทางทีมก็โฟกัสในการแข่งขันฤดูกาลปัจจุบัน โดยเตรียมจัดการซ้อมแบบพิเศษให้เจ้าตัวเพื่อเป็นโอกาสให้แชมป์โลกคนปัจจุบันได้กลับขึ้นขี่ตัวแข่งของทางค่ายอย่าง RS-GP อีกครั้ง ซึ่งปัจจุบันฆอร์เก้ มาร์ตินก็เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการพักฟิ้นแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการจะได้กลับมาลงแข่งจะต้องได้รับอนุมัติจากทีมแพทย์อย่างเป็นทางการก่อนเท่านั้น ย้อนกลับไปในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ในช่วงวันแรกของการทดสอบพรีซีซัน และได้รับบาดเจ็บซ้ำอีกครั้งในเดือนเดียวกันก่อนที่จะเดินทางมาแข่งขันนัดเปิดสนาม #ThaiGP25 หลังจากที่เจ้าตัวพลาดการแข่งขันที่บุรีรัมย์, อาร์เจนตินา และสหรัฐอเมริกา มาร์ตินก็กลับมาแข่งขันได้อีกครั้งในรายการกาตาร์กรังด์ปรีซ์ช่วงเดือนเมษายน อย่างไรก็ตาม โชคร้ายก็มาเยือนอีกครั้ง เมื่อเขาพลัดตกจากรถและถูกรถของฟาบิโอ ดิ จานันโตนิโอ ทับเข้าในระหว่างการแข่งขัน ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บที่ปอด (pneumothorax), เยื่อหุ้มปอดอักเสบ และกระดูกซี่โครงหักหลายซี่ อาการบาดเจ็บดังกล่าวทำให้เขาต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลที่โดฮานานถึงสองสัปดาห์ และต้องอยู่ในช่วงพักฟื้นมาตลอดจนถึงขณะนี้ Paolo Bonora (เปาโล โบโนร่า) ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาของทีม Aprilia Racing ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Motorsport.com เกี่ยวกับแผนในการเตรียมความพร้อมในการให้ฆอร์เก้ มาร์ติน กลับมาลงแข่งขันอีกครั้ง “เรากำลังรอให้แพทย์อนุญาตให้ฆอร์เก้กลับมาได้ และเมื่อได้รับการอนุมัติ เราก็จะสามารถจัดวันทดสอบให้เขาได้” อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่นี่ (คลิ๊ก) อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก
ฟีลลิ่งมอเตอร์ไซค์ สิ่งสำคัญไม่ควรมองข้าม ฟีลลิ่งมอเตอร์ไซค์ ทำไมมันถึงมีบทบาทสำคัญต่อการแข่งขัน หรือแม้กระทั่งใช้งานบนท้องถนน มีใครหลาย ๆ คนเคยสงสัยหรือไม่? ทำไมเราดูการแข่งโมโตจีพีหรือเวิร์ลซูเปอร์ไบค์มักจะมีนักแข่งซักคนหรือคนที่เราคาดการณ์หรือเชียร์นั้นสามารถโชว์ศักยภาพได้ดีในสนามนั้น ๆ แต่ทว่าเกิดเหตุกลับตาลปัตรผิดโผ รีดฟอร์มไม่ได้ตามมาตรฐานที่วางไว้ ชวนทำเอาหงุดหงิดไปตาม ๆ กัน เชื่อเลยหล่ะครับ ว่ายังไงก็ต้องมี เหมือนอย่างล่าสุดอย่าง ฟรานเชสโก้ บัญญาญ่า แม่ทัพแนวหน้าแชมป์โลก 2 สมัย กลับโชว์ฟอร์มไม่ได้ดั่งใจตามคาดหวัง หรือไม่ได้ตามมาตรฐานที่วางไว้ตั้งแต่ต้นฤดูกาล 2025 ที่ผ่านมา เพราะมีปัญหาในเรื่องของ ฟีลลิ่งมอเตอร์ไซค์ ความรู้สึกกับการขับขี่ GP25 ตัวใหม่ เพราะฟีลลิ่งมันคืออะไร ทำไมนักแข่งถึงต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นหลัก ในบทความนี้..เราจะมาไขกุญแจให้ทราบกันครับ แน่นอนว่าการขี่มอเตอร์ไซค์มันไม่ใช่เรื่องของแรงม้า ท็อปสปีด หรือตัวเลขสเปคทางเทคนิคที่อยู่บนตัวเลขในจอเท่านั้น แต่หัวใจหลักของการควบคุมรถจริง ๆ ก็คือ “ฟีลลิ่ง” หรือ “ความรู้สึก” ที่นักขับขี่สัมผัสฟีดแบคจากตัวรถในทุกจังหวะ ทั้งการเร่ง การเบรก การเข้าโค้ง หรือแม้กระทั่งตอนขี่ทางตรง ฟีลลิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนภาษาที่ “ไร้คำพูด” ระหว่างคนขี่กับรถ และสามารถเป็นตัวกำหนดได้ว่าการขับขี่นั้นจะจบลงด้วยความมั่นใจ หรือความผิดพลาด “ฟีลลิ่ง” ในโลกของการขี่มอเตอร์ไซค์ หมายถึง ความรู้สึกหลังสัมผัสหรือปฏิกิริยาที่ร่างกายของผู้ขับขี่ได้รับจากตัวรถในทุกจังหวะ เช่น ฟีลลิ่งของคันเร่ง เบรก คลัตช์ น้ำหนักแฮนด์ การสะเทือนจากช่วงล่าง หรือแรงสะท้อนจากพื้นถนน จากการทดสอบในโหมดต่าง ๆ ของตัวผู้ขับขี่ เพื่อจับ “อาการ” ของตัวรถว่ารถที่ขี่นั้น มีคาแรคเตอร์หรือการเซ็ตติ้งมาอย่างไร ? สำหรับนักแข่ง ฟีลลิ่งไม่ใช่แค่ความรู้สึกส่วนตัว แต่มันคือเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินสถานการณ์และตัดสินใจภายในเสี้ยววินาที เช่น การรู้ว่าแทร็กเริ่มลื่น การจับอาการสไลด์ หรือการเลือกเส้นเข้าโค้งที่รถตอบสนองได้ดีที่สุด ฟีลลิ่งจึงเป็นเหมือนเซ็นเซอร์พิเศษที่ไม่มีใครเห็น แต่คนขี่รับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณและประสบการณ์ ประโยชน์ของฟีลลิ่งต่อการแข่งขัน / ใช้งานบนท้องถนน ในเรื่องการแข่ง : ฟีลลิ่งคือข้อมูลสำคัญในการเซ็ตอัปรถสำหรับแข่งขัน นักแข่งต้องบอกวิศวกรได้ว่า “รถรู้สึกยังไง” เพื่อให้ทีมสามารถปรับช่วงล่าง แรงดันยาง อัตราทด หรือแม้แต่พฤติกรรมของ ECU เพื่อปรับให้เข้ากับสไตล์ของนักขี่โดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น นักแข่งที่ชอบรถหน้าแน่น อาจต้องการโช้กหน้าแข็งขึ้น ขณะที่อีกคนอาจชอบรถท้ายไวเพื่อง่ายต่อการเลี้ยว ฟีลลิ่งที่ถ่ายทอดได้ดี ช่วยให้รถตอบสนองตรงตามความถนัดของผู้ขี่ และเพิ่มความเร็วต่อรอบได้อย่างมหาศาล ประกอบกับยังสร้างข้อมูลใหม่ ๆ ให้กับทีมวิศวกรว่าสนามนั้นเป็นอย่างไร โค้งนี้ควรปรับตรงไหน จุดเบรกนี้ควรปรับอย่างไร จังหวะการเร่งออกโค้งใช้ตรงไหน เพื่อความแม่นยำและความได้เปรียบในการแข่งขันอีกด้วย การใช้งานบนท้องถนน : ฟีลลิ่งบนท้องถนนก็ไม่แพ้ในสนามแข่งเช่นเดียวกัน เพราะมันส่งผลต่อความมั่นใจและความปลอดภัยต่อตัวผู้ขับขี่ โดยเฉพาะการขับขี่ในวาระโอกาสต่าง ๆ อาทิ การขี่ใช้งานในเมือง หรือการขับขี่ออกทริปทางไกล การขี่ลุยบนทางลูกรัง ขึ้นเขา ลุยป่า เครื่องยนต์ ช่วงล่าง การออกแบบโพซิชั่นของตัวรถส่งผลต่อผู้ขับขี่ได้มากน้อยเพียงใด เผื่อเป็นปัจจัยหลักข้อหนึ่งในการเลือกพิจารณาก่อนจองรถที่ชอบได้อีกด้วยครับ ฟีลลิ่งที่ดีจะช่วยให้ผู้ขับขี่ กล้าเบรกแรงขึ้น / เข้าโค้งได้มั่นใจ / และควบคุมรถได้ง่ายมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ขับขี่รู้ว่า “รถเรามีอะไรผิดปกติ” เช่น เสียงผิดปกติ การสะเทือนที่ต่างไป หรือความรู้สึกฝืดขณะเข้าเกียร์ เหล่านี้คือสัญญาณที่ฟีลลิ่งเตือนเราก่อนที่ปัญหาจะลุกลาม วิธีตรวจเช็คอาการรถ / เซ็ตติ้งให้เข้ากับผู้ขับขี่ บันทึก “ความรู้สึก” หลังจากที่ได้ขับขี่ : หลังขี่เสร็จ เขียนสั้น ๆ ชอบหรือไม่ชอบตรงไหน
Brembo บริษัทเกี่ยวกับระบบเบรกจากประเทศอิตาลี ทำการเปิดตัวปั๊มบนใหม่ RCS Corsa Corta RR ซึ่งผลิตมาเป็นจำนวนจำกัดเพียง 500 ชุดเท่านั้น
2025 KTM 1390 Super Duke R EVO แรงเหมือนเดิม เพิ่มเติมฉลาดขึ้น ให้มันสุดขึ้นไปอีกเท่า..!! ของการกำเนิดอสูรกายจากไร่ส้ม 2025 KTM 1390 Super Duke R EVO สุดยอดไฮเปอร์เน็กเก็ดสายพันธุ์อัลฟ่ามาพร้อมกับการปรับปรุงสำคัญในหลายจุด แต่ยังคงความดิบความเถื่อนพร้อมชวนกระชากวิญญาณกับฉายา “The Beast” ถ้าหากให้นับว่าเป็นผู้ชายแล้วหล่ะก็..ไอ้นี่แม่งโครตแบดบอยเลย สิ่งที่อัปเพิ่มใหม่ สำหรับรุ่นเจนเนอเรชันใหม่นี้หากดูภายนอกคงอาจไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก โดยรูปร่างหน้าตายังเอกลักษณ์คงเดิมสไตล์พี่ใหญ่ของตระกูล Super Duke สุดยอดเน็กเก็ดที่เน้นความดิบเปลือยไม่เหมือนใครแถมหลอกตาอีกด้วยซ้ำ ถ้าหากไม่ดูสติ๊กเกอร์หรือตัวเครื่องจริง ๆ ก็อาจจะเดาว่าเป็นรุ่นไซส์กลางตัว 890 ก็เป็นไปได้เพราะเขาออกแบบมาให้ดูกระชับ คล่องตัวและสามารถควบคุมได้ง่าย (หรือเปล่านะ) ต้องพิจารณาดี ๆ แต่สิ่งสำคัญคงไม่ใช่เรื่องดีไซน์ซักเท่าไหร่เท่ากับการปรับ “ภายใน” ทั้งระบบแรมแอร์และแอร์บ็อกซ์เก็บอากาศได้มากถึง 10 ลิตร ปรับในเรื่องของระบบชิฟแคมป์เพิ่มความสเถียรภาพการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น มันจึงเป็นรถบล็อกวี LC8 ที่ให้แรงบิดสูง ทรงพลัง ด้วยอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักเกือบ 1:1 กับพละกำลัง 190 แรงม้าและแรงบิด 145 นิวตันเมตร มาพร้อมการรับรองมาตรฐาน Euro5+ เป็นที่เรียบร้อย มีวิงก์เล็ตด้านหน้า นอกจากนี้ยังเสริมความแอโรไดนามิกด้วยวิงก์เล็ตหน้าเครื่องสอดรับกับถังน้ำมันในแบบสปอร์ต (ความจุ 19 ลิตร) หน้าจอ TFT ขนาด 5 นิ้วรีเฟรชกราฟิกใหม่ ใช้งานง่ายยิ่งขึ้น รองรับการเชื่อมต่อผ่านแอป KTMConnect และมีช่องชาร์ USB-C ติดตั้งมาให้อีกด้วย สุดล้ำกับหน้าจอสี เพิ่มโหมดขับขี่เป็น 5 โหมด รุ่นก่อนมีโหมดขับขี่ 3 โหมด รุ่นปัจจุบันเพิ่มให้เป็น 5 โหมดไปใช้กันแบบจุก ๆ ซึ่งประกอบไปด้วยโหมด Street, Sport, Rain, Performance และโหมด Track คันเร่งไฟฟ้า รวมถึงระบบครูซคอนโทรล Telemetry ระบบช่วยออกตัว Lap Timer โดดเด่นด้วยโช้คคู่บุญ WP Apex เอ๊ะ..อาจลืมแจ้งไปว่ารุ่นนี้เขาออกแบบมา 2 เวอร์ชันเช่นเดียวกับเจ็นปี 2024 ก็คือรุ่น Standard และ รุ่น Evo และสิ่งที่แกต่างระหว่าง 2 รุ่นนี้เด่น ๆ เลยก็คือช่วงล่างที่ติดตั้งมาให้ โดยรุ่น Standard ให้โช้ค WP Apex ขนาด 48 มม. และโช้คโมโนช็อค WP ปรับได้เต็มระบบทั้งไฮสปรีดและโลว? (ปรับมือ) แต่สำหรับรุ่น EVO จะให้โช้คอัปเวอร์ชันของไฟฟ้ามาให้ทั้ง WP Apex Semi-Active Tech (SAT) และโช้คโมโนช็อค WP Semi Active ส่วนระบบอื่น ๆ ให้มาเหมือนกันอาทิ คาลิเปอร์โมโนบล็อก Brembo Stylema 4 ลูกสูบ จับคู่จานหน้าขนาด 320 มม.
ไขความลับ !? Honda Scoopy สกู๊ตเตอร์ไซส์เล็ก ยอดขายไม่เล็กตาม ? Honda Scoopy รถสกู๊ตเตอร์ไซส์มินิจากค่าย ‘ปีกนก’ Honda อีกหนึ่งโมเดลของทางค่ายที่เรียกได้ว่าครองตลาดรถสกู๊ตเตอร์ในพิกัดเครื่องยนต์ไม่เกิน 110 ซีซีมาอย่างยาวนาน อีกทั้งในตลาดรถจักรยานยนต์ในเมืองไทยที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ทั้งในด้านของราคา เทคโนโลยี รวมไปถึงการดีไซน์ออกแบบเพื่อให้กลุ่มผู้บริโภคได้เลือกใช้ตามไลฟ์สไตล์ และความต้องการ แต่เจ้าของฉายา ‘ท้ายฮายา’ ก็สามารถสู้กับตลาดได้อย่างสบาย แล้วอะไรคือเบื้องหลังของความสำเร็จของโมเดลนี้ ก่อนที่จะไปเริ่มในเรื่องของเบื้องหลังความสำเร็จของโมเดลนี้ เดี๋ยวจะพาผู้อ่านทุกท่านไปทราบถึงประวัติของโมเดลนี้กันอย่างพอสังเขป เพื่อให้ผู้อ่านทุกท่านได้ทราบว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไร มาตั้งแต่ตอนไหน และเริ่มทำตลาดในประเทศไทยมาเป็นระยะกี่ปีแล้ว Honda Scoopy รถสกู๊ตเตอร์ขนาดเล็กจากค่ายฮอนด้า ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์แนวเรโทร-โมเดิร์น (Retro-Modern) เริ่มเปิดตัว และวางจำหน่ายในประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2009 (ปี พ.ศ 2552) หรือย้อนไปเมื่อประมาณ 16 ปีที่แล้ว เน้นกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นหรือคนเมืองที่ต้องการความคล่องตัว และสไตล์ในการขับขี่ อีกทั้งยังมีการออกแบบดีไซน์หน้าตาให้เข้าถึงวัยรุ่น จึงอาจจะเป็นเหตุผลบางส่วนที่ทำให้โมเดลนี้ขายดี แต่แท้จริงแล้วมันยังมีเหตุผลนัยอื่นอีก ดังนี้ ดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ ‘น่ารักแต่ไม่เด็ก’ การเปิดตัวของโมเดลนี้ไม่ใช่เป็นการเปิดตัวแต่รถจักรยานยนต์ แต่มันคือการแฝงไปด้วยความเป็น ‘แฟชั่นไอเทม’ ที่มีการสื่อถึงตัวตนของผู้ขับขี่ได้อย่างชัดเจน ด้วยเส้นสายตัวถังโค้งมน สไตล์เรโทรผสมโมเดิร์น ทำให้ตัวรถดูน่ารัก ทันสมัย และเข้ากับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น วัยทำงาน หรือแม้แต่ผู้สูงอายุที่มองหารถเล็ก ๆ ใช้งานง่าย อีกทั้งความพิเศษของรถจักรยานยนต์โมเดลนี้คือการ ‘คอลแลปส์’ หรือจับมือกับแบรนด์กีฬา สินค้า หรือการ์ตูนต่าง ๆ ทำให้ Scoopy ไม่ใช่แค่พาหนะ แต่คือสไตล์ที่ขี่ได้จริง ใช้งานง่าย วิ่งได้ทุกวัน แน่นอนว่าการที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงที่รถติด ๆ หรือพื้นที่ที่มีการจราจรติดขัด หากใช้รถคันใหญ่ ๆ ก็อาจจะไม่ค่อยสะดวก และคล่องตัวเท่าที่ควร และหนึ่งใน ‘ข้อได้เปรียบ’ ที่ Scoopy ได้รับความนิยมสูงก็คือ ‘ความคล่องตัว’ ด้วยน้ำหนักรถเบาเพียงประมาณ 95 กิโลกรัม (รวมของเหลว) ก็ทำให้มือใหม่ หรือผู้หญิงสามารถขับได้ง่าย ขนาดตัวรถกะทัดรัดทำให้เลี้ยวง่าย เข้าโค้งสะดวก มุดซอกซอยในเมืองได้ดีเยี่ยม มุดช่องระหว่างรถ หรือวิ่งเข้าซอยต่าง ๆ ก็ทำได้อย่างไม่ติดขัด ประหยัดน้ำมันยืนหนึ่ง จุดเด่นนี้อาจจะเป็นจุดเด่นหลักของรถจักรยานยนต์ไซส์เล็ก อีกทั้งโมเดลนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีเครื่องยนต์แบบ eSP ขนาดเครื่องยนต์ 110 ซีซี มาพร้อมกับระบบการจ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีดแบบ PGM-FI จึงทำให้เจ้า ‘สกู๊ปปี้’ เป็นหนึ่งในรถที่ประหยัดน้ำมัน และทางค่ายก็เคลมไว้ว่าสามารถทำอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 60 กม./ลิตร ประหยัดจนขนาดที่ว่าเติมน้ำมันเพียงแค่ 50-60 บาทก็สามารถวิ่งได้หลายวัน น่าจะถูกใจกลุ่มที่ใช้รถขับไปเรียน ไปทำงาน หรือใช้ในชีวิตประจำวัน เทคโนโลยีเกินตัว ในช่วงก่อนหน้านี้อาจจะ 5-10 ปีก่อนหน้า เรื่องของเทคโนโลยีบนรถจักรยานยนต์อาจจะไม่เป็นที่หวือหวามากนัก ความคล่องตัว ดีไซน์การออกแบบ และเรื่องของการประหยัดน้ำมันอาจจะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้โมเดลนี้สามารถติดตลาดได้ในระยะเวลาอันสั้น หน้าจอเรือนไมล์แบบดิจิตอล ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นด้วยระบบกุญแจ Smart Key แต่ในปัจจุบันเมื่อการเข้ามาของเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาในชีวิตประจำวัน เจ้าโมเดลนี้ก็ไม่พลาดที่จะได้รับการเสริมเทคโนโลยีเข้ามาบนรถจักรยานยนต์คันนี้ ไม่ว่าจะเป็น ระบบความปลอดภัยสมาร์ทคีย์แบบรถจักรยานยนต์ระดับไฮเอนด์, ระบบไฟหน้าแบบ Full LED ที่เพิ่มความสว่างชัดทั้งกลางวัน และกลางคืน, มาตรวัดเรือนไมล์แบบดิจิตอลแสดงข้อมูลเกี่ยวกับการขับขี่ครบครัน, ช่องชาร์จไฟแบบ
2026 KTM 450 Rally Replica แรลลี่ไบค์จากค่ายรถจักรยานยนต์ KTM โดยทางค่ายเคลมว่ารถคันนี้เกิดมาพร้อมนำไปลงแข่ง เพราะถูกออกแบบมาสำหรับแข่งขัน