Honda Beat Street 2025
กับ 5 จุดเด่น ของดีจากอินโด
หลังจากเปิดตัวเจ้า Honda CUV:e โมเดลสกูตเตอร์ไฟฟ้าที่ทีมงานได้แอบไปทดสอบขับขี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ แล้วโมเดลเครื่องยนต์สันดาปยังจำเป็นต่อผู้บริโภคในยุคปัจจุบันอยู่หรือไม่? หรือทางค่ายหันมาเล่นโมเดลแพลตฟอร์ม EV ที่สอดคล้องกับยุคของการอนุรักษ์เชื้อเพลิงอย่างเป็นรูปเป็นร่างแล้ว..อย่าพึ่งคิดไปไกลครับ สิ่งนี้อาจเกิดขึ้นแน่นอนแต่ทว่ายังไม่ใช่ตอนนี้ ทางแบรนด์ยังมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบรับความต้องการสำหรับผู้ที่ต้องการรถน้ำมันอยู่นั่นเอง อย่างในคอลัมน์นี้แอดมินจะพาไปชมโมเดลสกูตเตอร์ชื่อใหม่ไม่ค่อยคุ้นหูจากต่างประเทศอย่าง Honda Beat Street 2025 พร้อม 5 จุดเด่นที่น่าสนใจว่าจะมีอะไรแล้วจะเข้าไทยหรือไม่ ?
Honda Beat Street 2025 กับดีไซน์ที่แตกต่าง
ในบรรดารถสกูตเตอร์พิกัดเล็กที่เน้นความคล่องตัวและดีไซน์สุดเท่ ทันสมัย ตอบโจทย์สำหรับคนเมืองโดยเฉพาะรุ่นเวอร์ชันปี 2025 มาใน “ลุคพิเศษ” กับสตรีทไบค์ด้วยการออกแบบแฟริ่งด้านหน้าใหม่ดูบึกบึน แฮนด์บาร์แบบเน็กเก็ดทรงเปลือย ติดการ์ดแฮนด์ให้จากโรงงาน ดูสปอร์ตผสมความเป็นรถลุยเล็กน้อยเหมาะกับนักบิดสายสตรีทที่ชอบความแตกต่าง มาพร้อมกับลายกราฟิกออกแบบดีไซน์ด้วยฟ้อนสมัยใหม่สวยงามขึ้นไปอีกเท่า
ในเรื่องดีไซน์นับว่าเป็นรุ่นที่ค่อนข้างน่าสนใจ และไม่ทับไลน์ในโมเดลสกูตเตอร์พิกัด 110 – 125 ซีซี จากโมเดลในบ้านเราทีเดียวครับ เหมาะกับมือใหม่ที่ต้องการรถสตรีทสุดเท่ไว้ใช้งานในเมือง และแอบลุยได้นิดนึงซึ่งเหมาะกับสภาพถนนในบ้านเราเป็นอย่างมาก
2.ฟังก์ชันภายใน

แม้จะเป็นรถสกูตเตอร์คลาสมินิที่เน้นใช้งานทั่วไปแต่ในเรื่องของระบบฟังก์ชันภายในถือว่าให้มาได้ครบตามมาตรฐานไม่น้อยหน้าคลาสรุ่นพี่ กับจอ LCD แสดงผลข้อมูลต่าง ๆ มากมาย อาทิ มาตรวัด น้ำมัน นาฬิกา ทริป และไฟ Eco Indicator แถมยังออกแบบให้สว่างชัด มองเห็นแม้แสงแดดจ้า และมีไฟพื้นหลังสีขาวน้ำเงินแบบ Cool Tone หล่อขึ้นไปอีกเท่า และอีกหนึ่งฟีเจอร์เด่นคือระบบ Idling Stop System ที่ช่วยดับเครื่องอัตโนมัติเมื่อรถจอดนิ่ง และติดเครื่องใหม่ทันทีเมื่อบิดคันเร่ง
3.เครื่องยนต์ eSP

หัวใจหลักในเรื่องความประหยัด ทนทานและการันตีมาแล้วหลายรุ่น กับเครื่องยนต์ eSP สูบเดียวขนาด 110 ซีซี ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ ใช้ระบบวาล์วแบบ SOHC 2 วาล์ว มีแรงม้าพอใช้งานอยู่ที่ 9 แรงม้าที่ 7,500 รอบ และแรงบิด 9.3 นิวตันเมตรที่ 5,500 รอบ ใช้ระบบหัวฉีด ขับเคลื่อนด้วยสายพาน ติดมาพร้อมถังน้ำมันขนาด 4.2 ลิตร (รองรับ E20) แถมเคลมการประหยัดน้ำมันได้มากถึง 60.6 กม./ลิตร
4.น้ำหนักเบา คล่องตัว
เข้าถึงกลุ่มผู้ขับขี่มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิงสายชิค ๆ คลู กับน้ำหนักตัวเพียง 89 กก. (น้ำหนักไล่เลี่ยกับเวฟ) บวกกับระยะฐานล้อ 1,251 มม. และความสูงเบาะ 742 มม. บอกได้เลยว่าคล่องตัวแน่นอนแถมยังควบคุมได้ง่ายอีกด้วย ตอบโจทย์สายมุดในซอยแคบ ๆ แบบสุด ๆ
5.มีระบบ Combi Brake (CBS)
บวกกับช่วงล่างแบบเทเลสโคปิก ด้านหลังโช้คเดี่ยว ระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกหน้าและดรัมเบรกหลัง มีระบบกระจายแรงเบรกอย่าง Combi Brake System (CBS) เพิ่มความมั่นใจโดยเฉพาะผู้ขับขี่มือใหม่ได้มากเลยทีเดียว ในส่วนล้อให้มาขนาด 12 นิ้วหน้า-หลัง และยางทูปเลส 80/90 – 90/90 ตามลำดับ
![]() |
![]() |
Street Brown | Street Black |
พร้อม 2 สีที่จำหน่ายประกอบไปด้วย Street Brown และ Street Black โดยราคาค่าตัวที่เปิดขายในอินโดนีเซียอยู่ที่ 19,751,000 รูเปีย หรือราว ๆ เกือบ 4 หมื่นบาทไทย คาดการณ์ถ้ามาจริง ๆ น่าเป็นรุ่น 125 ซีซี บวกราคาพร้อมภาษี ไม่น่าเกิน 7 หมื่นบาท
ด้วยความน่าสนใจในส่วนต่าง ๆ ที่มองผ่านแวบแรกแล้วรู้สึกสะดุดตา รุ่นนี้…มีของ ถ้าหากมาไทยน่าจะถูกใจสายแต่งอย่างแน่นอน เพราะมีหลายจุดถ้าหากลองจินตนาการว่าเติมของแต่งเข้าไปแล้วหล่ะก็ เท่ไม่แพ้รุ่นอื่นทีเดียวครับ (สวยกว่า Click) บวกกับส่วนอื่น ๆ อาทิ ความอเนกประสงค์ในการใช้งานและที่สำคัญก็คือ สไตล์การออกแบบที่ตอบโจทย์ใช้งานในเมืองเป็นอย่างยิ่ง การแฮนด์เดอริ่งที่ง่าย จึงทำให้เหมาะกับสายบิดยุคใหม่ไม่ว่าจะขี่ไปเรียนหรือขี่ไปทำงานหรือแอบไปลุย…ทำได้แต่ไม่แนะนำ (สวย ๆ แบบนี้ดีกว่า) จะชายหรือหญิิงได้หมดรุ่นนี้
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่นี่ (คลิ๊ก)
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก