Zontes 368D กับ 5 ประเด็นน่าสนใจที่ต้องพิจารณา
หากใครอยากมีรถสกูตเตอร์มาใช้งานซักคันในงบประมาณไม่เกินแสนกลาง ๆ เป็นคันแรกสำหรับคนเจ็นวัยทำงานอย่างพวกเรา ๆ หรือแม้กระทั่งวัยนักศึกษาที่จะต้องแข่งขันกับเวลาเพื่อไปเรียนให้ทันในคลาสการเรียนการสอน ซึ่งแน่นอนว่ามันจะต้องมีองค์ประกอบที่น่าสนใจทั้งความคล่องตัว ควบคุมง่าย น้ำหนักเบาและที่สำคัญมีพละกำลังที่เรียกได้ว่าแรงสุดในคลาส นับว่าเป็นตัวจบสำหรับคนที่ต้องการรถสกูตเตอร์เพื่อใช้งานจริง ๆ ในบทความนี้ แอดมินก็พร้อมที่จะแนะนำ (ป้ายยา) กับ รีวิว Zontes 368D เปิดตัว รุ่นใหม่ พร้อมกับ 5 จุดเด่นที่น่าสนใจ ทำไมถึงต้องเลือกรุ่นนี้?
![]() |
![]() |
1. รีวิว Zontes 368D กับดีไซน์สปอร์ต
สำหรับ รีวิว Zontes 368D รุ่นนี้มาพร้อมกับการออกแบบในคอนเซ็ปต์ Folding the City เน้นการขับขี่แบบสปอร์ต โฉบเฉี่ยวด้วยเส้นสายแฟริ่งในแบบสปอร์ตพร้อมสัดส่วนออกแบบดูกระชับตามจุดต่าง ๆ ไล่ตั้งแต่ชิลด์หน้าทรงตัด ไฟโปรเจคเตอร์ LED 2 ชั้น พร้อมไฟเดย์ไทม์และบิวอินต์ไฟเลี้ยวในแฟริ่งชุดเดียวกัน ตามด้วยแฟริ่งหน้าใหม่ออกแบบช่องตัดอากาศเพื่อระบายอีกทั้งยังเพิ่มความสวยงามไปในตัว
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
ส่วนมุมค็อกพิทช่วงคอนโซลกลางจะพบกับปะกับซ้ายขวาพร้อมปุ่มสวิตช์คอนโทรลแบบ พร้อมจอ TFT ขนาด 6.75 นิ้ว ส่องลงมาหน่อยมีเก๊ะซ้าย ขวา พร้อมแถบกดด้านบน โดยเก๊ะขวาสามารถเปิดได้ทันทีโดยไม่ต้องออนสวิตช์เครื่องยนต์ มีตัวรับสัญญาณเซ็นเซอร์กุญแจ (สมาร์ทคีย์) ซึ่งสามารถใช้งานได้ในกรณีฉุกเฉิน (แบตหมด) โดยสามารถนำกุญแจมาทาบก็สามารถรันสวิตซ์ออนได้ทันที สวนเก๊ะซ้ายต้องรอออนระบบก่อนแล้วจึงสามารถเปิดได้นั่นเอง ในจุดนี้จะมีช่องชาร์จไฟ USB Type A และ B (รวม 2 ช่อง) และพื้นที่สำหรับเก็บขวดน้ำได้พอประมาณ
![]() |
![]() |
ฟุจเพลตออกแบบให้ปรับท่านั่งได้ 2 ระดับ รองรับท่านั่งขับขี่ในสไตล์ทัวริ่ง เบาะทรงคอมฟอร์จทรงสปอร์ต มือจับคนซ้อนอลูมิเนียมอัลลอยรองรับการติดแร็คท้าย ช่องเก็บของใต้เบาะเก็บหมวกกันน็อกได้เต็มใบหรืออุปกรณ์อื่น ๆ และถังน้ำมันขนาดใหญ่มาให้ขนาด 12 ลิตร บวกกับมิติตัวรถขนาด 790 x 2,025 x 1,190 มม. จึงทำให้เจ้า 368D รุ่นนี้เป็นสกูตเตอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุดเมื่อเทียบในไลน์รหัส 368 เดียวกัน หรือแม้กระทั่งสกูตเตอร์คลาส 300 – 350 ซีซีจากแบรนด์คู่แข่ง รุ่นนี้อาจดูสปอร์ตและคล่องตัวกว่าอย่างเห็นได้ชัด
2.เบา คล่องตัว
ตามคอนเซ็ปต์สำหรับการออกแบบเพื่อรีดสมรรถนะใช้งานอย่างยอดเยี่ยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับขี่ที่มุ่งเน้นใช้งานในเมืองเป็นหลัก เจ้า 368D รุ่นนี้มาพร้อมกับสรีระสัดส่วนซึ่งต้องบอกว่าค่อนข้างถูกใจ สำหรับใครที่ต้องการสกูตเตอร์คลาส 350 ซีซีอัพ แต่มีเฟรมและบอดี้กระทัดรัดขนาดไซส์มาตรฐานรถสกูตเตอร์ 150 – 200 ซีซี รุ่นนี้อาจตอบโจทย์ไม่น้อยทีเดียวครับ
เรื่องแรกก็คือการแฮนด์เดอริ่ง ด้วยมิติระยะแฮนด์ที่เรียกได้ว่าแทบจะไม่กว้างเลย เบาะโดยสารนุ่มสบายก้นแถมความสูงตัวเบาะ 760 มม. กับคนสูงราว ๆ 175 ซม.อย่างแอดมินสามารถยืนและนั่งคร่อมได้สบาย บวกน้ำ หนักตัวรถที่ 160 กก. (รวมน้ำมันเต็มถัง 175 กก.) ที่ค่อนข้างเบาหากเทียบกับในรุ่นคลาสเดียวกันหรือแม้กระทั่งรถเซ็กเมนต์ขนาด 300 – 350 ซีซี เจ้ารุ่นรหัส D จึงเป็นต่อในเรื่องมิติน้ำหนักเห็นอย่างสิ้นเชิง ซึ่งข้อดีก็คือสามารถรองรับยูสเซอร์มินิไซส์หรืออีกอย่างก็คือคนขี่ไซส์เล็ก น้อง ๆ ผู้หญิงสามารถขี่ใช้งานและไม่ตึงเครียดกับรถในเรื่องน้ำหนักจนเกินไปนั่นเอง
การแฮนด์เดอริ่งค่อนข้างกระชับ บวกกับน้ำหนักจากตัวรถส่งผ่านคันเร่งมาถึงมือสามารถสัมผัสได้คือ “คล่องตัว” โดยจุดทดสอบขับขี่ผ่านรูทถนนเส้นพัฒนาการ – สี่แยกอโศก – ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์ ซึ่งเป็นรูทเต็มไปรถรามากมาย แต่ไม่เป็นอุปสรรคปัญหาสำหรับเจ้า 368D รุ่นนี้ แถมยังคอนโทรลได้สบายกว่ารถสกูตเตอร์ 300 ซีซีอีกด้วยซ้ำ (ไม่ได้อวย) โดยเฉพาะจุดเลี้ยวเปลี่ยนเลนส์ในช่วงรถติดทั้งระยะ Grip ระหว่างตัวรถ ระยะมุมเลี้ยว สามารถแฮนเดอริ่งคอนโทรลได้คล่องตัว..ที่ต้องบอกอย่างนี้ก็เพราะว่า !
จากประสบการณ์โดยตรงที่เคยขี่สกูตเตอร์ 300, 350 ซีซี มิติบอดี้ใหญ่ มักจะเจอปัญหากับการฝากรอยสีจากแฟริ่งท้าย ประดับไว้บริเวณกันชนหรือสเกิร์ตหลังท้ายรถยนต์ประจำเพราะกะระยะเลี้ยวไม่พ้น หรือเพราะความเคยชินหรือความเร่งรีบในจุด ๆ นี้อาจเป็นปัญหาเบสิกพื้นฐานที่น่าหงุดหงิดใจที่คนขี่มักพบเจอไม่มากก็น้อย แถมยังเสียเงินโดยใช้เหตุอีกด้วย
3.เครื่องยนต์เต็มซีซี
รีวิว Zontes 368D สำหรับเครื่องยนต์สูบเดียวขนาดพิกัด 368 ซีซีที่ให้กำลังอัดซีซีเต็มสูบ ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ 4 วาล์วจาก Bosch ลูกสูบฟอร์จเพิ่มความทนทานพิเศษแถมจูนแรงบิดมาให้ตั้งแต่รอบต่ำ มีแรงม้าสูงสุด 38.2 แรงม้าที่ 7,500 รอบ แรงบิด 40 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบ สามารถเค้น 0 – 100 ได้ที่ วินาที และทำท็อปสปีดได้มากกว่า 160 กม./ชม. ++ ถือว่าเป็นเครื่องยนต์ที่ค่อนข้างเกินกำลังพอสมควรทีเดียว ซึ่งสไตล์นี้ค่อนข้างตอบโจทย์ “สเปค” คนไทยเป็นส่วนใหญ่ ซีซีเยอะ ต้นพุ่ง ปลายไหล มีระยะรอบหน่วงเล็กน้อยในช่วง 120-130 กม./ชม
มาพร้อมโหมดขับขี่ 2 โหมด ได้แก่ ECO และ Sport ซึ่งความต่างก็คือเรื่องรอบมาไวขึ้น (โหมด Sport รอบฟาดเร็วกว่า 1000 rpm) แม้ฟีลลิ่งโดยรวมอาจไม่รู้สึกแตกต่างอะไรมากมาย เว้นในช่วงเค้นจังหวะเร่งแซงผู้ใช้งานจะสามารถสังเกตุได้ในระดับหนึ่ง ส่วนเรื่องการประหยัดน้ำมันตามมาตรฐานซีซีใช้งานของผู้ขับขี่ครับ
หากผสานระหว่างมิติตัวรถและเครื่องยนต์เข้าด้วยกัน เราอาจนิยามมันได้ว่าเป็นรถขนขิงอีกรุ่น ด้วยอัตราเร่งข้างติดมือทำได้ไม่แพ้รถสปอร์ต 6 เกียร์ทีเดียว แถมมีขนาดไซส์กระทัดรัดซึ่งไม่เล็กจนน่าเกลียดในสายตารถมาตรฐาน 350 ซีซี ช่วงเวลาตัดสินใจขี่ชู้ดแซงรถคันหน้าแม้จะมีระยะช่องแกปไม่มากจึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างเรียกความตื่นเต้นและออดีนาลีนได้ดี (รถระหว่างทดสอบ ไม่แนะนำหากไม่ชำนาญเพราะจะทำให้เกิดอันตราย ควรแซงในระยะปลอดภัย)
3.เทคโนโลยีครบครัน
![]() |
![]() |
ช่วงล่างถือว่าทำออกมาได้ตรงตามโจทย์สำหรับขี่ในเมือง โช้คหน้าเทเลสโคปิก โช้คหลังสปริงคู่ เพียงพอต่อการใช้งาน ฟีลลิ่งโดยรวมให้ความนุ่นนวลเป็นมาตรฐานเหมาะสำหรับสายขับขี่ใช้งานทั่วไปมากกว่าสายเพอร์ฟอร์แมนซ์เท้าหนัก ซึ่งใครเป็นสายโมดิฟายสามารถนำไปต่อยอดได้ครับ ส่วนระบบเบรกกับคาลิเปอร์ 4 พอตจาก J.Juan ของสเปนทำได้ดีซึ่งเป็นสเปคเดียวกันที่ใช้กับ Zontes ทุกรุ่นและออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่าเอาเรื่องทีเดียว สำหรับขนาดล้อ 15 – 14 นิ้ว ยางไซส์ เป็นไซส์มาตรฐานหาซื้อมาเปลี่ยนได้ตามท้องตลาดทั่วไป
เทคโนโลยีมีให้แต่อาจไม่รองรับความครบครันเสมือนสายทัวริ่ง แต่ก็มีให้ “ครบ” มากกว่าแบรนด์อื่น ๆ ซึ่งเป็นจุดเด่นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Zontes อยู่แล้ว จอสีขนาดใหญ่พร้อมระบบปฏิบัติการณ์ให้เซ็ตอัพได้ทั้งหน้าจอดิสก์เพลย์มีให้เลือกถึง 4 แบบ สามารถตรวจสอบแรงดันลมยาง ใช้ระบบนำทางหรือแคสหน้าจอผ่านแอป Zontes Smart ปรับเปลี่ยนภาษาได้ตามความต้องการ สะดวกต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น ช่องชาร์จไฟใต้เก๊ะ ช่องเก็บของใต้เบาะแค่เท่านี้ก็พอเพียงต่อการใช้งานแล้วนั่นเอง
ระบบเทคโนโลยีและฟีเจอร์ต่าง ๆ ประกอบไปด้วย
- ระบบแทร็คชันคอนโทรล
- ระบบเบรก ABS หน้า-หลัง
- รองระบบกล้องหน้า-หลัง
- ระบบนำทาง
- ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง
- ระบบ Mirror สามารถแคสหน้าจอรถผ่านมือถือได้
- โหมดขับขี่ 2 โหมด (Sport, Eco)
- ระบบล้อคคออัติโนมัติ
- ช่องชาร์จ USB 2 ช่อง Type A +Type C
5.ราคาคุ้ม พร้อมรับประกันเครื่องยนต์ 5 ปี หรือ 50,000 กม. ช้อยตัวเลือกสุดท้ายที่จะช่วยให้ผู้อ่านสามารถตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น สำหรับเจ้า Zontes 368D มีจำหน่ายทั้งหมด 3 สีประกอบไปด้วย สีน้ำตาล-ส้ม (Ginger Desert Brown – Orange Vivid), สีดำม่วง (Dark Bright Grey Glosss – Purple flipflop) และสีดำแดง (Extra Black Gloss – Ruby Red Gloss) โดยเปิดราคาพร้อมส่วนลดพิเศษที่ 139,900 บาท (จากราคาปกติที่ 143,900 บาท) พร้อมการรับประกันยาวนานถึง 5 ปี หรือ 50,000 กม. (แล้วแต่ระยะไหนถึงก่อน)
![]() |
สีดำม่วง (Dark Bright Grey Glosss – Purple flipflop) |
![]() |
สีดำแดง (Extra Black Gloss – Ruby Red Gloss) |
![]() |
สีน้ำตาล-ส้ม (Ginger Desert Brown – Orange Vivid) |
คะแนนการทดสอบ
Design : 8/10 สปอร์ต โฉบเฉี่ยว มิติกระทัดรัด ไม่เล็กจนน่าเกลียด ซึ่งถ้าหากมองเทียบในเซ็กเมนต์รถสกูตเตอร์ รุ่นนี้ถือว่าทำการบ้านออกมาได้ค่อนข้างดี
Ergonomic : 9/10 ออกแบบมาได้ตรงคอนเซ็ปต์ สปอร์ต คล่องตัว มือใหม่เข้าถึงได้ง่าย เน้นขี่ในเมือง แต่ในฟีลออกทริปก็สามารถทำได้ แต่ถ้าให้เทียบกับรถสกูตเตอร์ทัวริ่งจริง ๆ ฟีลลิ่งอาจไม่เข้าถึงขนาดนั้นซึ่งสายทัวริ่งออกแบบให้นั่งสบายกว่า หน้าต่ำและไม่เมื่อยแขนจนเกินไป
Engine : 9 /10 ประทับใจสุดอาจเป็นจุดนี้ แน่นอนว่าเครื่อง 368 ซีซี เท่ากันแต่เมื่อได้เปรียบได้เรื่องของสัดส่วนน้ำหนักจึงทำให้แสดงศักยภาพออกมาได้ดีเกินคาด โดยเฉพาะจังหวะชู้ดแซงรถคันหน้าบวกกับความเร็วรอบปลายทำได้มากกว่า 160 กม./ชม. จึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างประทับใจ
Suspension : 7/10 ฟีลลิ่งโช้คค่อนข้างนุ่มนวล มีอาการช่วงเข้าโค้งหรือเร่งสปีดสูง ๆ ซึ่งถ้ามองในแง่ใช้งานทั่วไปถือว่าใช้งานได้ดี เหมาะกับสภาพหลุมถนนในบ้านเราเป็นอย่างยิ่ง ถ้าอยากซิ่งหน่อย ๆ อัปเกรดน่าจะดีขึ้น
Brake : 7.5/10 ไม่เคยทำให้เสียชื่อสำหรับระบบเบรกจาก J.juan ถือว่าทำออกมาได้ดี แถมมีระบบ ABS เพิ่มความปลอดภัยไปอีกระดับ
Tyre : 7/10 ยางติดรถให้มาถือว่าโอเคกับการใช้งานทั่วไป
OVERALL : 8.5/10 จะเอามาเป็นรถคันแรกก็ได้ คันที่สองก็ยังดี เพราะมีเร้นจ์ที่ค่อนข้างกว้างสไตล์รถตลาดยัดเครื่องซีซีใหญ่ แต่ให้ความคล่องตัว คอนโทรลง่าย ฟังก์ชันใช้งานครบครัน สามารถแคสหน้าจอผ่านระบบมิลเลอร์ซึ่งไบค์หลาย ๆ คนน่าจะชอบบวกกับราคาเข้าถึงง่าย จึงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ไม่มากก็น้อยทีเดียวครับ
Ride or Upgrade : หากใครสนใจอยากอัปชุดคิตเพิ่มก็สามารถติดต่อได้ทางแบรนด์ แต่ส่วนตัวสำหรับคนที่ต้องการเพอร์ฟอร์แมนซ์ขับขี่ในสนุกมากยิ่งขึ้น เสริมเพียงระบบช่วงล่างให้สามารถปรับเซ็ตได้ตามความต้องการน่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่ได้สนุกและเพลิดเพลินมากยิ่งขึ้น
จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสายเฟิร์สจ็อบ หรือนักศึกษาที่กำลังมองหาสกูตเตอร์ที่ไม่จำเป็นต้องมีบอดี้ใหญ่จนเกินไป พร้อมพละกำลังตึงมือแบบตัวจบ เอาไปขิงเพื่อนได้ พร้อมฟังก์ชันใช้งานครบที่เดียว ในงบประมาณผ่อนจ่ายไหวที่ 2,500-3,500 บาทต่อเดือนหรือมากกว่านั้น รุ่นนี้อาจเป็นข้อพิจารณาที่น่าสนใจแถมยังได้รับการยอมรับและพิสูจน์แล้วหลาย ๆ รุ่น หากสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์บริการหรือตัวแทนจำหน่าย Zontes สาขาใกล้บ้านท่านได้เลย หรือดูข้อมูลรถเพิ่มเติมได้ที่ https://zontes.co.th/





























