ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าได้กลายเป็นประเด็นร้อนในวงการยานยนต์ โดยเฉพาะเมื่อเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และเริ่มเข้ามาท้าทายบทบาทของเครื่องยนต์สันดาปแบบดั้งเดิม แต่อีกหนึ่งสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2026 คือก้าวสำคัญที่น่าจับตามอง เมื่อ Lightfighter แบรนด์สัญชาติอเมริกันผู้เชี่ยวชาญด้านมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ได้ยืนยันการเข้าร่วมแข่งขันในรายการ MotoAmerica Super Hooligan ซึ่งเป็นสนามที่เต็มไปด้วยรถเน็กเก็ตเครื่องยนต์สันดาปสายโหด
นี่อาจเป็นครั้งแรกที่แฟน ๆ จะได้เห็นการดวลกันแบบตรง ๆ ระหว่าง “พลังไฟฟ้า” และ “น้ำมัน” ในคลาสที่ขึ้นชื่อเรื่องความดิบ ความมันส์ และได้รู้กันไปเลยว่าตัวแข่งเทคโนโลยีพลังงานแบบไหนที่เจ๋งกว่า
OrangeCat Racing จับมือ Lightfighter
Lightfighter จะไม่ได้ลงแข่งเพียงลำพัง แต่พวกเขาร่วมมือกับ OrangeCat Racing ทีมแข่งที่เคยประสบความสำเร็จในคลาส Stock 1000 การร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการจับคู่ที่ลงตัว เพราะ OrangeCat มีประสบการณ์การแข่งขัน ส่วน Lightfighter มีเทคโนโลยีและแพชชั่นในรถไฟฟ้าสมรรถนะสูง
รถที่จะลงสนามคือ Lightfighter V3-RH รถในสไตล์เน็กเก็ตไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุดถึง 134 แรงม้า พร้อมแรงบิดทะลุ 162 นิวตันเมตร ซึ่งมากพอจะพารถน้ำหนักเพียง 186 กิโลกรัม พุ่งทะยานจากโค้งหนึ่งไปยังอีกโค้งได้อย่างดุดัน
โครงสร้างและหัวใจหลักของ V3-RH
V3-RH มาพร้อมโครงสร้างแบบเฟรมถัก ทูบูลาร์โครโมลีสตีล ที่แข็งแรงและน้ำหนักเบา โดยส่วนเบาะหลังถูกออกแบบเป็นชิ้นเดียวกับโครงสร้าง คาร์บอนไฟเบอร์โมโนค็อก ซึ่งช่วยลดน้ำหนักและเพิ่มความแข็งแรง
หัวใจของมันคือ มอเตอร์ไฟฟ้าระบายความร้อนด้วยน้ำ ที่สามารถหมุนได้เกิน 11,000 รอบต่อนาที และให้แรงบิดมหาศาลทันทีที่บิดคันเร่ง ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 12.5kWh แบบระบายความร้อนด้วยอากาศ ซึ่งใช้เซลล์ NMC รุ่นล่าสุด จากบริษัท Farasis Energy ประเทศเยอรมนี แบตเตอรี่แพ็คนี้ยังถูกใช้งานร่วมกับรุ่นแฟริ่งเต็ม V3-RS ด้วย
เวลาในการชาร์จไฟอยู่ที่ประมาณ 1 ชั่วโมง เท่านั้น ซึ่งถือว่าเร็วมากสำหรับรถแข่งที่ต้องพร้อมใช้งานในสนามจริง
เทคโนโลยีล้ำยุค และดีไซน์ที่แตกต่าง
ต่างจากรถเครื่องยนต์สันดาปทั่วไป Lightfighter V3-RH ไม่มีระบบเกียร์ เนื่องจากมอเตอร์ไฟฟ้าให้แรงบิดได้ทันที การที่พักเท้าหลังไม่มีชุดเหยียบคลัตช์หรือเกียร์จึงเป็นสัญลักษณ์ชัดเจนว่า นี่คือรถแข่งยุคใหม่ที่มาพร้อมความเรียบง่าย แต่ทรงพลัง
ระบบช่วงล่างก็ไม่ธรรมดา เพราะติดตั้งโช้คหน้า Öhlins FGR 252 อัพไซด์ดาวน์ และโช้คหลัง TTX36 เพื่อการควบคุมที่แม่นยำและการยึดเกาะสูงสุด ขณะที่ระบบเบรกใช้คาลิเปอร์ Brembo GP4-RX คู่กับจานเบรก T-slotted ขนาด 320 มม. ให้พลังเบรกในระดับเดียวกับซูเปอร์ไบค์โรงงาน
ล้อหน้าและหลังขนาด 17 นิ้ว มาพร้อมยาง 120/70 ด้านหน้า และ 200/60 ด้านหลังแบบซูเปอร์ไบค์เต็มขั้น
Design Partner Program ร่วมพัฒนารุ่น V4
ไม่เพียงแค่ส่งรถเข้าร่วมแข่งขันแต่ทางค่าย Lightfighter ยังเปิดตัวโครงการ Design Partner Program ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางใหม่ในวงการมอเตอร์ไซค์แข่ง โดยจะผลิต V3 จำนวน 10 คัน เพื่อเปิดขายให้ลูกค้าเลือกซื้อ และผู้ซื้อจะไม่ได้เป็นแค่เจ้าของรถ แต่ยังได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของทีมพัฒนาในฐานะนักขี่ทดสอบ ช่วยให้วิศวกรออกแบบและปรับปรุงรุ่น V4 ที่จะเปิดตัวในปี 2027
เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าของ V3 ที่เข้าร่วมโครงการสามารถนำรถคันเดิมไปแลกรับ V4 ที่ปรับแต่งตามสั่งได้เต็มรูปแบบ กลายเป็นทั้งรถแข่งเฉพาะตัว และของสะสมที่ไม่เหมือนใคร
Super Hooligan สนามแห่งความดิบ
การแข่งขันในคลาส Super Hooligan เป็นที่รู้จักดีในอเมริกา เพราะต่างจากการแข่งขันในยุโรปที่เคร่งครัดเรื่องกฎเกณฑ์ นี่คือเวทีที่นำรถเน็กเก็ตสตรีทไบค์มาตกแต่งจนกลายเป็นรถแข่งเต็มตัว รถที่ลงแข่งในคลาสนี้มีตั้งแต่ Indian FTR1200, KTM 890 Duke R, Harley-Davidson Pan America, Triumph Street Triple 765RS และยังเคยมีรถไฟฟ้าอย่าง Energica Eva Ribelle RS ลงสนามมาก่อน ทำให้การเข้าร่วมของ Lightfighter V3-RH ในปี 2026 จึงถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ ที่จะทำให้สนามนี้เดือดดาลยิ่งขึ้น
Lightfighter V3-RH ไม่ใช่แค่รถไฟฟ้าธรรมดา แต่มันคือสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงในวงการมอเตอร์สปอร์ต รถคันนี้รวมเอาเทคโนโลยีทันสมัย น้ำหนักเบา ช่วงล่างระดับซูเปอร์ไบค์ และแรงบิดมหาศาลเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อพิสูจน์ว่าพลังงานไฟฟ้าสามารถยืนหยัดและดวลกับเครื่องยนต์สันดาปได้อย่างแท้จริง
ปี 2026 จะเป็นปีที่แฟน ๆ MotoAmerica ได้เห็น “สงครามใหม่” ระหว่างรถไฟฟ้าและรถเครื่องยนต์น้ำมันในสนาม Super Hooligan และไม่แน่ว่า Lightfighter อาจเป็นผู้เปลี่ยนเกมครั้งใหญ่ก็เป็นได้