การเลือกซื้อของที่สำคัญต่อชีวิตไม่ว่าจะเป็นปลั๊กไฟ, หรือแม้แต่หมวกกันน็อก อันดับแรกที่ต้องมองหาก็อาจจะหนีไม่พ้นสติ๊กเกอร์ มอก. แปะอยู่บนหมวก เพราะอย่างน้อยเครื่องหมายดังกล่าวก็เป็นสิ่งที่ทำให้ใครต่อใครหลายคนนั้นมั่นใจในอุปกรณ์ชิ้นนั้น ๆ ผ่านรับรองคุณภาพ และความปลอดภัยตามมาตรฐานแล้ว แต่เครื่องหมายคำถามที่ใครต่อใครหลายคนตั้งข้อสงสัยว่า มอก.จริง ๆ เขาทดสอบอะไร และทำไมบางคนถึงบอกว่า ‘หมวกกันน็อค มอก. มาตรฐานไทยมันถึงยังไม่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์’ ถึงแม้จะถูกกฎหมายก็จริง แต่กลับไม่สร้างความมั่นใจในชีวิตมากพอ
มอก. คืออะไร?
มอก. ย่อมาจาก มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ออกโดย สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยหมวกกันน็อคจัดอยู่ใน สินค้ามาตรฐานบังคับ หมายความว่าทุกหมวกที่ขายในไทยต้องผ่านการทดสอบและได้ มอก. ถึงจะวางขายได้
ซึ่งการตรวจสอบมาตรฐาน มอก. คุณภาพการตรวจเช็คสามารถเทียบเท่าได้กับระดับสากล โดยใช้วิธีการทดสอบที่ใกล้เคียงหรือแม้กระทั่งเหมือนกับระดับโลกอย่าง DOT, ECE หรือ SNELL กำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบแรงกระแทก การกระจายแรง การเจาะทะลุ ไปจนถึงการประเมินคุณภาพสายรัดและชิ้นส่วนอื่น ๆ นั่นหมายความว่า หมวกกันน็อคที่ผ่านมาตรฐาน มอก. ไม่ได้ด้อยกว่าแบรนด์ดังจากต่างประเทศเสมอไป แต่สามารถมั่นใจได้ว่าได้ผ่านการตรวจสอบด้วยมาตรฐานเดียวกันกับที่หมวกแบรนด์ระดับโลกใช้เป็นเกณฑ์เช่นกัน
วิธีการเช็คว่า มอก.ใบนี้ แท้หรือไม่
เพื่อให้มั่นใจว่าหมวกกันน็อคที่ผู้อ่านเพิ่งซื้อมาเป็น มอก. แท้ ไม่ใช่แค่แปะสติ๊กเกอร์หลอก คุณสามารถตรวจเองได้ภายในไม่กี่นาที โดยดูทั้งฉลากโฮโลแกรม หมายเลขมาตรฐาน แหล่งจำหน่าย รวมถึงตรวจในฐานข้อมูลของ สมอ. (สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) ขั้นตอนเช็กแบบสั้น กระชับ มีดังนี้
- ตรวจสติ๊กเกอร์ มอก. บนหมวก : โดยตัวอักษร มอก. และตัวเลขมาตรฐานสติ๊กเกอร์ต้องชัดเจน ไม่เบลอ ไม่ซีด และถ้าขูดแรง ๆ จะไม่ลอกง่าย
- ตรวจสอบหมายเลขมาตรฐาน : บนสติ๊กเกอร์จะมีเลขมาตรฐาน เช่น มอก. 369-2557 (สำหรับหมวกกันน็อคมอเตอร์ไซค์) และสามารถแสกน QR Code ด้านข้างหมวกกันน็อค หากเป็นของแท้ที่ได้รับการรับรองเมื่อแสกนจะสามารถดูข้อมูลผู้ได้รับใบอนุญาตได้
- ตรวจสอบแหล่งที่ซื้อ : ควรเลือกร้านที่มีความน่าเชื่อถือ หรือตัวแทนจำหน่ายแบรนด์หมวกต่าง ๆ อย่างเป็นทางการ และหมวกปลอมราคาถูกจนเกินจริงที่ขายตามตลาด หรือร้านค้าออนไลน์บาง อาจมีความเป็นไปได้ที่ใช้สติ๊กเกอร์ มอก. ปลอมแปะไว้
แล้วมาตรฐาน มอก. ทดสอบอะไรบ้าง?
มาตรฐาน มอก. สำหรับหมวกกันน็อค อยู่ภายใต้การดูแลของ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งเป็น “มาตรฐานบังคับ” หมายความว่าหมวกกันน็อคที่ขายในประเทศไทยจะต้องผ่านการทดสอบตามเกณฑ์ที่กำหนด และได้รับตรา มอก. จึงจะจำหน่ายได้ และในส่วนถัดไปจะให้ผู้อ่านทุกท่านได้เห็นข้อเปรียบเทียบการทดสอบระหว่างมาตรฐาน มอก. ของประเทศไทย กับมาตรฐานระดับโลกว่ามีความแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด
รายการทดสอบ | มอก. (ไทย) | ECE 22.05/22.06 (ยุโรป) | DOT (สหรัฐ) | SNELL (สหรัฐ) |
จำนวนจุดทดสอบการกระแทก (Impact Points) | 4-5 จุด ได้แก่ด้านหน้า, หลัง, ซ้าย, ขวา และบางรุ่นมีบริเวณด้านบนของตัวหมวก) | 5-6 จุดรวมตำแหน่งพิเศษ เช่น ขอบหมวก | 4-5 จุด | 6-7 จุด และจุดอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ขอบ, คางบาร์, และด้านบนของตัวหมวก) |
ความสูงในการปล่อยทดสอบ (Impact Drop Test) | 1.5 เมตร | 1.5 เมตร | 1.83 เมตร | 3 เมตร |
การทดสอบเจาะ (Penetration Test) ด้วยแท่งเหล็ก | มี | ไม่มี เพราะถือว่าไม่สมจริง | มี | มี |
การทดสอบสายรัดคาง (Retention Test) | ดึงน้ำหนัก 10-23 กก. | ดึงน้ำหนัก 10-30 กก. | ดึงแรงกระชาก 23 กก. | ดึงแรงมากกว่า 23 กก. พร้อมปล่อยน้ำหนักเพิ่ม |
การทดสอบมุมมองสายตา (Vision Test) | ≥ 105° มุมมองด้านข้าง | ≥ 105° | ≥ 105° | ≥ 105° |
การทดสอบระบบปลดเร็ว (Quick Release) | มี | มี | ไม่บังคับ | มี |
ค่าความเร่งสูงสุด (Impact G-Force) | ≤ 275 g (peak), ≤ 150 g เฉลี่ย | ≤ 275 g (peak), ≤ 150 g เฉลี่ย | ≤ 400 g (peak) | ≤ 275 g (peak), ค่าเฉลี่ยเข้มกว่ามาตรฐานอื่น |
จากตารางข้อมูล จะสามารถสังเกตได้ว่ามาตรฐาน SNELL นั้นถือว่าเป็นการทดสอบมาตรฐานที่มีความปลอดภัยมากที่สุด เพราะทดสอบด้วยความเข้มข้นระดับสูงสุด รองลงมาเป็นการตรวจวัดมาตรฐานแบบ ECE แม้การทดสอบตรวจจะไม่เข้มข้นเท่า SNELL แต่ก็สามารถป้องกันได้จริง
ถัดมาเป็น DOT อยู่ในเกณฑ์ระดับกลางหากเทียบกับสองมาตรฐานแรกที่ได้กล่าวไป เพราะการตรวจสอบเข้มข้นน้อยกว่า SNELL/ECE และมอก.ของเราก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ความปลอดภัยตามมาตรฐานเทียบเท่า DOT ซึ่งก็ถือว่าเทียบเท่ามาตรฐานสากล แต่สิ่งที่น่าสนใจคือแม้หมวกกันน็อคจะมี มอก. เหมือนกัน แต่ความแข็งแรงทนทานที่ ‘ไม่เท่ากัน’ ก็อาจเป็นอีกปัจจัยที่เป็นข้อสงสัยว่าหมวกใบนี้ผ่านมาตรฐานมาได้อย่างไร อีกทั้งตามตลาดทั่วไปในประเทศไทย ‘ของปลอม’ ยังมีพบเห็นได้ทั่วไป เป็นเพราะขาดการสุ่มเช็กจริงในตลาด หมวกก๊อป/ไม่มีคุณภาพ หรือแม้แต่การติดสติ๊กเกอร์ปลอมยังขายเกลื่อน ถึงจะมีตรา ‘มอก.’ จึงทำให้ไม่สามารถการันตีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าหมวกปลอดภัยจริง หากเทียบกับการทดสอบระดับโลก
เพราะอุบัติเหตุไม่ใช่เรื่องที่คาดการณ์ได้ การเลือกซื้อหมวกกันน็อกไม่ควรมองแค่ดีไซน์หรือราคาถูกใจ แต่ควรพิจารณามาตรฐานความปลอดภัยที่ได้รับการรับรองอย่างจริงจัง ไม่ควรเลือกซื้อที่มีแค่มาตรฐาน มอก.เพียงอย่างเดียว ยิ่งหมวกที่ผ่านหลายมาตรฐาน เช่น DOT, ECE, SNELL หรือแม้แต่ มาตรฐาน มอก. ยิ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าหมวกนั้นถูกทดสอบมาในหลายมิติของความปลอดภัย หากงบประมาณและโอกาสเอื้อ ควรเลือกหมวกที่มีมาตรฐานสากลร่วมด้วย จะช่วยให้มั่นใจได้มากขึ้นว่าในวันที่ไม่คาดคิด หมวกที่สวมอยู่จะทำหน้าที่ปกป้องศีรษะของเราได้จริง ๆ