New Honda CUV:e ล้ำหรือหลุด (จากอนาคต)

New Honda CUV:e สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า 100% จากค่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ที่ทำการเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการที่งาน Motor Show 2025 ในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยการเปิดตัวดังกล่าวก็ได้รับการสนใจจากเหล่าสาวกสกู๊ตเตอร์ชาวไทยอยู่ไม่น้อย ซึ่งในในครั้งนี้ทางเรา SuperBikeMag ก็ได้ร่วมทดสอบอย่างเป็นทางการของเจ้าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าคันนี้ จะเป็นอย่างไรนั้นตามมาครับ จะมาเล่าให้ฟังอย่างละเอียด

ก่อนที่จะไปเริ่มกัน ก่อนอื่นต้องขอบอกกับผู้อ่านทุกท่านเลยว่าส่วนตัวผู้เขียนรู้สึกตื่นเต้นกับเจ้าโมเดลนี้เป็นอย่างมาก เพราะครั้งแรกที่ได้เห็นดีไซน์การออกแบบตอนที่เจ้าโมเดลนี้ยังไม่ได้เข้ามาเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ประเทศไทยก็มีความรู้สึกว่าถ้าได้เอามาลองใช้จริง วิ่งจริง ๆ บนถนนกรุงเทพมหานครที่รถติด ๆ มันจะฟีลลิ่งยังไง ซึ่งครั้งนี้ทางทีม SuperBike ได้มีโอกาสได้ร่วมทดสอบขับขี่กับทางฮอนด้า ซึ่งเส้นทางที่ได้วิ่งทดสอบก็ต้องขอบอกเลยว่า ‘เส้นทางสำหรับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า’ ของวัยรุ่นเมืองหลวงโดยแท้

โดยเส้นทางที่ได้ไปทดสอบขับขี่นั้นจะเริ่มต้นกันที่ One Bangkok ตัดเข้าถนนวิทยุ ต่อไปที่สาธร ขับขี่ไปเรื่อย ๆ จนถึงถนนเจริญกรุง บางรัก เยาวราช ออกมาที่สนามหลวง เสาชิงช้า ก่อนที่จะแวะดื่มเครื่องดื่มแบบสโลว์ไลฟ์ แล้วขับขี่ไปกันต่อที่หัวลำโพง แล้วไปสาธิตการเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่ Block28 ย่านจุฬา แล้วขับขี่กลับมาที่ One Bangkok ซึ่งระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร
จาก Route การขับขี่ดังกล่าวที่ได้แจ้งไปเมื่อข้างต้น แน่นอนว่าพวกเราขับขี่กันในช่วงเวลาประมาณบ่ายสามกว่า ๆ ค่อนไปทางสี่โมงเย็น จากเวลาดังกล่าวหากมีความคิดว่ารถติดไหม ? บอกได้เลยครับว่า ‘มาก’ มากที่แปลว่าติดมาก แต่ถือว่าเป็นเรื่องที่่ท้าทายไม่น้อย เพราะพลังงานจาก 100% โดยที่ไม่เปลี่ยนแบตเตอรี่เลยจะเอาอยู่หรือไม่
มอเตอร์ไฟฟ้า 6 กิโลวัตต์กำลังวิ่งสนุก

เริ่มกันที่สเปคขุมพลังของเจ้าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าคันนี้ อย่างที่ทราบกันดีว่า Honda CUV:e ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 6 กิโลวัตต์ ถ้าเทียบเป็นขนาดเครื่องยนต์จะเทียบเท่าเครื่องยนต์ประมาณ 110 ซีซี ด้วยความเป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเรื่องแรงต้นไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด เมื่อไหร่ที่เปิดคันเร่งขุมพลังมอเตอร์ก็พร้อมมอบประสิทธิภาพให้กับผู้ขับขี่
หลังจากที่ได้ทดลองใช้งานจริงก็การันตีเลยว่าพละกำลังของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าคันนี้ มอเตอร์เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน เพราะหลังจากที่ได้ทดสอบขับใน Route ที่กล่าวไปเมื่อข้างต้น แน่นอนว่ารถติดมาก และต้องมีการเปิดคันเร่ง และผ่อนคันเร่งอยู่เป็นระยะ
ซึ่งสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าคันนี้ก็สามารถตอบโจทย์เรื่องดังกล่าวได้อย่างยอดเยี่ยม ในช่วงจังหวะไหล ๆ ค่อยเปิดคันเร่ง คันเร่งก็เดินได้อย่างสมูท ไหลลื่นไม่มีสะดุด จังหวะไหนที่ต้องการเร่งแซง ทอร์กมาดีมาก ๆ เปิดคันเร่งแซงสามารถทำได้อย่างไม่มีปัญหา

เมื่อมาถึงเรื่องขุมพลังมอเตอร์ก็ขอพูดถึงเจ้า ‘โหมดการขับขี่’ สักหน่อย ซึ่งสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าคันนี้มาพร้อมกับโหมดขับขี่สามรูปแบบได้แก่ Normal Mode (ธรรมดา), ECON Mode (ประหยัด) และ Sport Mode (สปอร์ต)
เริ่มจากโหมดธรรมดา เพราะเป็นโหมดเริ่มต้นเมื่อเราสตาร์ทรถโหมดนี้ก็จะเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติการพละกำลัง อัตราเร่งก็สามารถทำได้ตามมาตรฐานของสกู๊ตเตอร์ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าเทียบเท่าขนาด 110 ซีซี ถัดมาที่โหมด ECON Mode หรือเรียกง่าย ๆ ว่าโหมดประหยัด พอสลับมาใช้โหมดดังกล่าวความคล่องตัวของเครื่องยนต์ถูกลดทอนไปพอสมควร และในโหมดสปอร์ต สามารถรีดพละกำลังสูงสุดของตัวรถออกมาได้อย่างเต็มพิกัด หรือเรียกง่าย ๆ ว่าหัวโยกมากยิ่งขึ้น
และถ้าถามว่ามันกินแบตขนาดนั้นไหมเมื่อลองใช้ขับขี่แบบจริงจัง หลังจากที่ออกจาก One Bangkok ด้วยแบตเตอรี่อยู่ที่ประมาณ 98% ก่อนที่จะกลับมาถึง One Bangkok ด้วยแบตเตอรี่ที่เหลือประมาณ 35% ก็ถือว่าไม่แย่ แต่ถ้าไรเดอร์ส่งอาหารจะเอามาใช้ก็อาจจะเป็นจุดพิจารณาที่ต้องคำนึงเสียหน่อย
ขนาดมินิไซส์ บอกเลยขับขี่ง่ายมาก

ถัดมากับเรื่องของ ‘ดีไซน์ของรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า’ คันนี้ ซึ่งเจ้าคันนี้มาในคอนเซปต์ดีไซน์ล้ำสมัยรอบคัน มาพร้อมไฟหน้า และไฟท้ายแบบ LED ในเรื่องของขนาดของรถคันนี้ สำหรับผู้อ่านท่านไหนที่จินตนาการไม่ออกว่าขนาดของเจ้าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าคันนี้มีขนาดเท่า ๆ กับรถจักรยานยนต์ที่เป็นเครื่องยนต์สันดาปประมาณไหน เจ้ารถคันนี้มันมีขนาดพอ ๆ กับ Honda Scoopy, Honda Giorno, Honda Move ไม่เกินนี้
เพราะไซส์ไม่ใหญ่ กระทัดรัด ความคล่องตัวของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าคันนี้มาเป็นอันดับ 1 จากที่ได้ลองทดสอบขับขี่จริง การมุดรถติดบนถนนย่านสาทร บอกได้เลยว่า Honda CUV:e สามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยม

ในส่วนของช่วงล่าง หรือยางที่มาติดรถก็ถือว่าเป็นสเปคทั่วไป เป็นสิ่งที่แค่พอใช้งานได้ แต่ก็อย่างว่าครับ มันเป็นเพียงสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าน่าจะไม่ได้ใช้งานแบบหนัก ๆ อยู่แล้ว และระบบเบรกของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าคันนี้ก็มาพร้อมกับระบบเบรกแบบ Combi-Brake ซึ่งเป็นระบบกระจายแรงเบรกระหว่างล้อหลัง กับล้อหลังอย่างสมดุล เพื่อให้การเบรกมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
หลังจากที่เล่าฟีลลิ่งการขับขี่ของเจ้าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าคันนี้แบบครบถ้วนแล้ว ในส่วนถัดมาจะขอมาอธิบายถึงเจ้ารถคันนี้ก่อนว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไร

New Honda CUV:e สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า 100% จากค่ายฮอนด้ามาพร้อมคอนเซปต์ ‘Smart Ride, Future Ready’ ตัวรถขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 6 กิโลวัตต์ ทางค่ายเคลมความเร็วสูงสุดว่าสามารถทำได้อยู่ที่ 83 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะทางต่อการเปลี่ยนแบตเตอรี่หนึ่งครั้งสามารถวิ่งด้วยระยะทางไกลสุดที่ 70 กิโลเมตร
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าคันนี้มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ทั้งหมด 3 รูปแบบได้แก่ Standard (ปกติ), Sport (สปอร์ต) และ ECON (ประหยัด) และสำหรับยูสเซอร์หรือผู้ขับขี่คนไหนที่กังวลว่าขับขี่แล้วแบตเตอรี่หมด แล้วจะเปลี่ยน หรือชาร์จยังไง

ทางฮอนด้ามีตู้สำหรับ Honda Electric SWAP STATION สถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ 24 ชั่วโมง พร้อมให้บริการครอบคลุมแล้วกว่า 44 ตู้ทั่วประเทศ และแบ่งเป็น 33 แห่งทั่วกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เรียกได้ว่าหากแบตเตอรี่ใกล้หมดก็สามารถหาตู้ดังกล่าวที่อยู่ใกล้ ๆ ท่านได้เลย
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
แน่นอนว่าเรื่องความสะดวกสบายมาเป็นอันดับที่ 1 เพราะผู้ขับขี่เพียงแค่ Scan – Swap – Start ซึ่งกระบวนการต่าง ๆ ตั้งแต่จอดรถจนถึงเปลี่ยนแบตเตอรี่เสร็จใช้เวลาไม่เกิน 1 นาที โดยไม่ต้องเสียเวลารอชาร์จ เพราะตู้จะมีแบตเตอรี่ที่เตรียมพร้อมให้กับผู้ขับขี่ใช้งานแสตนบายไว้รอ
โดย Honda CUV:e คันนี้มีทั้งหมด 2 รุ่นย่อยได้แก่รุ่น Standard และรุ่น Conectivity โดยสิ่งที่เหมือนกันของทั้งสองรุ่นย่อยคือ เรื่องของมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 6 กิโลวัตต์, ระบบสตาร์ทด้วยรีโมทแบบ Smart Key, ช่องจ่ายไฟแบบ USB Type-C บริเวณช่องเก็บของ, โหมดการขับขี่, ระบบช่วยถอยหลัง (Reverse Assist) และระยะกิโลเมตรที่สามารถวิ่งได้เพียงเท่านั้น

โดยจุดที่แตกต่างกันคือ รุ่น Standard จะมาพร้อมกับหน้าจอแบบ TFT ขนาด 5 นิ้ว ไม่สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ และทางด้านรุ่น Conectivity จะมาพร้อมกับหน้าจอสี TFT ขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านแอพพลิเคชัน Honda RoadSync Duo ที่เป็นแอพพลิเคชั่นที่พัฒนามาจาก Honda RoadSync ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการนำทาง เปลี่ยนเพลง หรือแม้แต่รับสาย ก็สามารถควบคุมได้ผ่านหน้าจอเพื่อเป็นการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่
เปิดให้บริการเฉพาะเช่าขับเท่านั้น

สำหรับผู้สนใจอยากจะครอบครองรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าคันนี้ก็ต้องแจ้งให้ทราบก่อนเลยครับว่าโมเดลนี้ทางฮอนด้าไม่มีวางจำหน่าย แต่จะเปิดให้ผู้ที่สนใจเช่าขับเพียงเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ในประเทศไทยจะมีเพียงแค่โมเดลรุ่น Standard ให้เช่าเพียงเท่านั้น สำหรับรุ่น Conectivity อยู่ในขั้นตอนของการพัฒนานวัตกรรมซึ่งถ้าสนใจรุ่นจอ TFT ขนาด 7 นิ้วก็อาจจะต้องรอก่อน
โดยรุ่น Standard จะมีราคาเปิดให้เช่าขับขี่อยู่ที่เดือนละ 4,000 บาทต่อเดือน ซึ่งถ้าใช้ไปแล้วอะไหล่ต่าง ๆ เกิดสึกหรอจากการใช้งานสามารถเข้าเคลม หรือเปลี่ยนอะไหล่ต่าง ๆ ที่ที่ศูนย์บริการ Honda Wing Center ทุกสาขาทั่วประเทศ โดยไม่มีเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
คะแนนสำหรับการทดสอบ
Ergonomic : 8/10 รวม ๆ ขับขี่ได้อย่างสบาย ฝ่ารถติดไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นคนตัวใหญ่ขับขี่ไปนาน ๆ อาจจะมีอาการเมื่อย และประเด็นอีกอย่างคือเบาะนั่งแอบแข็ง ๆ อยู่เด้ออ้าย
Engine : 8/10 ด้วยความที่เป็นรถไฟฟ้าขนาดมอเตอร์แค่ 6 กิโลวัตต์ แรงต้นดีสามารถทำได้ตามกำลัง แต่รู้สึกว่าโหมดสปอร์ตน่าจะปรับค่าให้แรงขึ้นกว่านี้อีก เพราะรู้สึกว่ามันยังไม่หนีจากความแรงในโหมดปกติมากนัก
Suspension : 6/10 เก็บทุกรอยแตกถนน แต่ก็อย่างว่านี่มันสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า แต่ถ้าขาซิ่งอยากอัปเกรดโช้คอัพหน้า-หลัง จัดไป
Brake : 9.5/10 เอาอยู่แบบจัด ๆ Combi-Brake พร้อมทำงานในทุกสถานการณ์
Battery : 7/10 ในรถมี 2 ลูกระยะทางรวมวิ่งได้ 70 กิโลเมตร ซึ่งเอาจริง ๆ คิดว่าน้อยเกินไปน่าจะสัก 120-150 กิโลเมตรต่อการเปลี่ยนแบตเตอรี่หนึ่งครั้งน่าจะดูดีมากกว่านี้
OVERALL : 8.5/10 สำหรับผู้ที่ต้องการหาอะไรใหม่ ๆ เบื่อรถจักรยานยนต์แบบเติมน้ำมัน ถ้าจะมาเริ่มด้วยการขี่คันนี้ไม่ใช่เรื่องแย่ ถือว่าเป็นช้อยส์ที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ใครอยากลองมาคันนี้จัดได้เลย
สีสันที่มีให้เลือก
![]() |
![]() |
สีขาว (Pearl Jubilee White) | สีดำ (Mat Gunpowder Black Metallic) |
หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบได้ที่ เฟซบุ๊ก เพจรถจักรยานยนต์ฮอนด้า (Honda Motorcycle Thailand) (คลิ๊กที่นี่) หรือศูนย์บริการ Honda Wing Center ทุกสาขาใกล้บ้านท่านได้เลย
รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก