ท่ามกลางยุคสมัยที่เทคโนโลยียานยนต์ก้าวไปสู่ระบบไฟฟ้าและการเชื่อมต่ออัจฉริยะ แต่ในมุมมืดของสังคมไทยในปี 2568 เรายังคงเห็นข่าวอาชญากรรมที่ดูเหมือนจะหลุดมาจากยุคหิน นั่นคือการไล่งัด “โลโก้” รถจักรยานยนต์ Honda โดยเฉพาะรุ่นยอดนิยมและรถทรงคลาสสิกเพราะคิดว่า งัดโลโก้ Honda ทองคำขาว ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดจากความต้องการสะสมงานศิลปะ แต่มันคือผลผลิตจาก “ความโง่เขลา” ที่เชื่อว่าพลาสติกชิ้นหนึ่งมีค่าดั่งทองคำ
ตำนาน “ทองคำขาว” ในโลโก้รถ
ย้อนกลับไปหลายทศวรรษ ความเชื่อเรื่องแร่แพลตตินัม (Platinum) หรือทองคำขาวที่ผสมอยู่ในโลโก้รถจักรยานยนต์ Honda รุ่นเก่า เช่น Honda Custom, C70 หรือรถตระกูล Dream กลายเป็นตำนานเมืองที่เล่าขานกันในกลุ่มมิจฉาชีพและตลาดมืด ข่าวลือระบุว่าโลโก้ที่มีลักษณะนูนและมีสีทองเงางาม ถูกผลิตขึ้นในช่วงที่วัสดุบางประเภทมีราคาถูก ทำให้โรงงานนำแร่มีค่ามาเป็นส่วนผสมเพื่อความทนทาน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ปี 2568 ข่าวลือนี้กลับถูกปัดฝุ่นขึ้นมาใหม่อีกครั้งผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและการปั่นกระแสในกลุ่มซื้อขายอะไหล่เถื่อน ส่งผลให้มิจฉาชีพรายวันออกอาละวาดงัดโลโก้รถที่จอดตามหอพัก ห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่หน้าบ้านคนบริสุทธิ์ เพียงหวังว่าจะได้ “ลาภลอย” จากเศษพลาสติกที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นขุมทรัพย์
ความจริงที่มีค่าแค่พลาสติก ABS
ในความเป็นจริงทางอุตสาหกรรม การนำทองคำขาวมาเป็นส่วนผสมในอุปกรณ์ตกแต่งรถที่เป็นวัสดุสิ้นเปลืองนั้นเป็นเรื่องที่ “เป็นไปไม่ได้” ทั้งในเชิงต้นทุนและการผลิต โลโก้รถจักรยานยนต์ Honda เกือบ 100% ผลิตจาก พลาสติก ABS (Acrylonitrile Butadiene Styrene) ซึ่งเป็นเทอร์โมพลาสติกที่มีคุณสมบัติเด่นเรื่องความแข็งแรง ทนต่อแรงเสียดสี และทนความร้อน
กระบวนการที่ทำให้มิจฉาชีพตายใจคือ Electroplating หรือการชุบเคลือบผิวด้วยไฟฟ้า เพื่อให้พลาสติกดูเหมือนโลหะ การชุบนี้ประกอบด้วยชั้นของทองแดง นิกเกิล และปิดท้ายด้วยโครเมียม (Chrome) เพื่อความเงางามและกันรอยขีดข่วน ในกรณีของโลโก้สีทอง สารที่ใช้เคลือบคือแลกเกอร์สีทองหรือสารประกอบไทเทเนียมไนไตรด์ ซึ่งไม่มีส่วนผสมของทองคำแท้หรือทองคำขาวแม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียว
การนำพลาสติกเหล่านี้ไปเผาเพื่อหวังสกัดแร่มีค่า สิ่งที่จะได้รับมีเพียง “ก๊าซพิษ” จากการเผาไหม้พลาสติกและคราบโลหะไร้ราคาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มูลค่าที่แท้จริงของโลโก้เหล่านี้ในศูนย์บริการมีราคาตั้งแต่ 150 – 500 บาท แต่เมื่อมันถูกงัดออกมาจนหักงอ มูลค่าของมันในฐานะอะไหล่จะเหลือ “ศูนย์บาท” ทันที
ความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้ มากกว่าแค่โลโก้ที่หายไป
สิ่งที่น่าเจ็บใจที่สุดสำหรับเจ้าของรถ ไม่ใช่การเสียเงินซื้อโลโก้ใหม่ แต่คือ “ความเสียหายข้างเคียง” มิจฉาชีพมักใช้ไขควงแบนหรือของมีคมงัดเข้าที่ช่องว่างระหว่างโลโก้กับชุดสี (Fairing) แรงงัดมักทำให้สีรถถลอก ลึกลงไปถึงเนื้อพลาสติก หรือในบางรายแรงกดทำให้หน้ากากรถแตกหัก
ค่าซ่อมแซมชุดสีรถจักรยานยนต์ในปัจจุบันมีราคาตั้งแต่ 800 ไปจนถึงหลายพันบาท หากต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่ทั้งหมด นี่ยังไม่รวมถึงเสียเวลาและเสียความรู้สึกที่ต้องมาเจอความซุกซนของอาชญากรที่ขาดสติปัญญาเพียงเพราะเชื่อข่าวลือโง่ๆ
แง่กฎหมายจราจรและอาญา 2568 โทษหนักที่มิจฉาชีพต้องรู้
การงัดโลโก้รถไม่ใช่แค่เรื่องเล่นๆ หรือคดีลหุโทษ แต่มันคืออาญาแผ่นดินที่ยอมความไม่ได้ในบางกรณี:
-
ความผิดฐานลักทรัพย์ (มาตรา 334): มีโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี และปรับสูงสุด 60,000 บาท
-
เหตุฉกรรจ์ (มาตรา 335): หากทำในยามวิกาล หรือใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด โทษจะเพิ่มเป็นจำคุก 1-5 ปี และปรับ 20,000 – 100,000 บาท
-
ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ (มาตรา 358): จากการงัดแงะที่ทำตัวรถพัง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท
-
กฎหมายรับของโจร: สำหรับร้านซ่อมรถหรือตลาดมือสองที่รับซื้อโลโก้ที่ไม่มีที่มาแน่ชัด อาจต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 10 ปี ตามมาตรา 357
บทสรุป
การ งัดโลโก้ Honda ทองคำขาว คือสัญลักษณ์ของความล้มเหลวในการกรองข้อมูลข่าวสารในสังคมไทย มันคือการทำลายทรัพย์สินของผู้อื่นเพื่อแลกกับความว่างเปล่า ถึงเวลาแล้วที่ทั้งค่ายรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และสื่อมวลชนต้องช่วยกันกระพือความจริงว่า “โลโก้คือพลาสติก ไม่ใช่เหมืองทอง” เพื่อให้วงจรที่น่าสมเพชนี้จบลงเสียที
อ่านข่าวมอเตอร์ไซค์อื่นๆ คลิกที่นี่



