SuperBikeMag.Com ข่าวมอเตอร์ไซค์ รีวิวมอเตอร์ไซค์ รถจักรยานยนต์ บิ๊กไบค์

สายพานจุ่มน้ำมัน Honda City 2026

นับตั้งแต่การเปิดตัวเครื่องยนต์ 1.0 VTEC Turbo ใน Honda City เจนเนอเรชั่นที่ 5 เมื่อไม่กี่ปีก่อน จนมาถึงรุ่นปรับปรุงล่าสุดอย่าง Honda City 2025 ประเด็นหนึ่งที่ยังคงเป็นที่ถกเถียงอย่างเผ็ดร้อนในหน้าฟีดโซเชียลและกลุ่มผู้ใช้รถคือระบบ “สายพานไทม์มิ่งจุ่มน้ำมันเครื่อง” (Wet Belt) ซึ่งในขณะที่คู่แข่งเกือบทุกรายเลือกใช้โซ่ไทม์มิ่ง (Timing Chain) แต่ทำไม Honda ยังคงยึดมั่นในแนวทางนี้? สายพานจุ่มน้ำมัน Honda City 2026 บทความนี้จะเจาะลึกทุกมิติ ตั้งแต่วิศวกรรมศาสตร์ไปจนถึงสิทธิผู้บริโภคตามกฎหมายล่าสุด

สายพานจุ่มน้ำมัน Honda City 2026
ขอขอบคุณภาพจาก X บัญชี Surasak80181953

 

เจาะลึกวิศวกรรม Wet Belt ทำไมต้องจุ่มน้ำมัน?

คำถามที่พบบ่อยที่สุดคือ “ทำไมไม่ใช้โซ่?” คำตอบของวิศวกร Honda ในปี 2025 ยังคงชัดเจนว่ามันคือเรื่องของ Efficiency หรือประสิทธิภาพสูงสุด

ประการแรกคือการลด Friction (แรงเสียดทาน) โซ่ไทม์มิ่งโลหะมีน้ำหนักมากและสร้างแรงเสียดทานสูงขณะหมุน การใช้สายพานชนิดพิเศษที่จุ่มในน้ำมันจะมีความลื่นไหลมากกว่าถึง 30% เมื่อแรงเสียดทานต่ำ เครื่องยนต์ก็ไม่ต้องสูญเสียกำลังไปกับการปั่นกลไกภายใน ส่งผลให้แรงม้า 122 ตัวที่ออกมาจากเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร ทำงานได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยและประหยัดน้ำมันกว่า

ประการต่อมาคือเรื่อง NVH (Noise, Vibration, and Harshness) เครื่องยนต์ 3 สูบมีลักษณะการจุดระเบิดที่สั่นสะเทือนโดยธรรมชาติ สายพานที่แช่ในน้ำมันจะทำหน้าที่เหมือน “โช้คอัพ” คอยซับเสียงการกระแทกของฟันเฟืองและเสียงการทำงานของวาล์ว ทำให้เครื่องยนต์เดินเรียบและเงียบกว่าระบบโซ่มาก นี่คือเหตุผลที่ City Turbo ให้ความรู้สึกพรีเมียมในขณะขับขี่มากกว่ารถในระดับเดียวกัน

สายพานจุ่มน้ำมัน Honda City 2026

วัสดุศาสตร์ปี 2025 สายพานรุ่นใหม่ทนกว่าเดิมจริงไหม?

จากบทเรียนราคาแพงในรุ่นปี 2019-2021 ที่พบปัญหาเศษยางสายพานลอกในระยะไม่กี่หมื่นกิโลเมตร ในรุ่น Honda City 2025 ได้มีการปรับปรุงสูตรเคมีของวัสดุยางสังเคราะห์ (HNBR – Hydrogenated Nitrile Butadiene Rubber) ให้ทนต่อสภาพกรดในน้ำมันเครื่องได้ดีขึ้น รวมถึงการเสริมโครงสร้างเส้นใยแก้วภายในให้มีความเสถียรต่อความร้อนสูง (High-Temperature Stability) มากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้จะพัฒนามาไกลเพียงใด “จุดอ่อน” โดยธรรมชาติของยางที่แพ้สารเคมีและสารทำละลายในน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพก็ยังคงอยู่

วิเคราะห์ “จุดตาย” และกระบวนการหายนะ (Domino Effect)

ปัญหาไม่ได้เกิดจากสายพานโดยตรงเสมอไป แต่มักเกิดจาก “สภาพน้ำมันเครื่อง” เมื่อน้ำมันเครื่องถูกใช้งานจนหมดสภาพ สารเติมแต่ง (Additives) จะเสื่อมลง ทำให้น้ำมันมีความเป็นกรดสูงขึ้น และเมื่อรวมกับเขม่าจากการเผาไหม้และความร้อนสะสมจากเทอร์โบ น้ำมันเครื่องจะกลายเป็น “สารกัดกร่อน” ชั้นดี

กระบวนการหายนะจะเริ่มจากการที่ชั้นผิวของสายพานเริ่มเปื่อย (Delamination) เศษยางขนาดเล็กเท่าเม็ดทรายจะหลุดลอกและไหลไปรวมตัวกันที่ “ฝักบัว” หรือตะแกรงกรองน้ำมันเครื่อง (Oil Pickup Screen) เมื่อตะแกรงอุดตัน ปั๊มน้ำมันเครื่องจะไม่สามารถส่งน้ำมันไปเลี้ยงส่วนบนของเครื่องยนต์ได้ ไฟรูปน้ำมันเครื่องจะโชว์ และภายในเวลาไม่กี่นาที แบร์ริ่งจะละลาย เทอร์โบจะพัง และเครื่องยนต์จะน็อคในที่สุด

ทำไมรายอื่นถึงเลิกใช้?

หากหันไปมองคู่แข่งอย่าง Toyota Yaris ที่ใช้เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร (Naturally Aspirated) หรือ Nissan Almera 1.0 Turbo ทั้งหมดเลือกใช้โซ่ไทม์มิ่ง

  • โซ่ไทม์มิ่ง: ทนทานตลอดอายุการใช้งาน (ถ้าดูแลปกติ) แต่อาจมีเสียงดังกว่าและมีแรงเสียดทานมากกว่าเล็กน้อย

  • สายพานจุ่มน้ำมัน: ตอบสนองดีกว่า เงียบกว่า ประหยัดน้ำมันกว่า แต่ต้องการการดูแลที่ “เป๊ะ” กว่ามาก

จะเห็นได้ว่า Honda เลือกทางเดินของ “สมรรถนะ” มากกว่า “ความทนทานแบบสมบุกสมบัน” ซึ่งถือเป็นการเดิมพันที่ผู้ซื้อต้องเข้าใจตั้งแต่วันแรกที่ออกรถ

กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค 2568 สิทธิที่คุณต้องรู้

ในปี 2568 กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคในไทยมีความเข้มงวดมากขึ้น หากรถของคุณมีปัญหาเครื่องพังจากสายพานในระยะประกัน (3 ปี หรือ 100,000 กม.) และคุณมีประวัติการเข้าเช็กระยะที่ศูนย์บริการอย่างต่อเนื่อง ศูนย์บริการ “ไม่มีสิทธิ์” ปฏิเสธความรับผิดชอบ การอ้างว่าเกิดจากการขับขี่รุนแรงหรือน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพจากการใช้งานไม่สามารถนำมาเป็นข้ออ้างได้ หากผลพิสูจน์ทางวิศวกรรมระบุว่าเป็นความบกพร่องของวัสดุ

คู่มือเอาตัวรอดสำหรับเจ้าของ Honda City 2025

เพื่อให้คุณใช้งานรถรุ่นนี้ได้อย่างสบายใจ นี่คือข้อแนะนำแบบ “Pro-User”:

  1. เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 7,000 – 8,000 กม.: อย่ารอจนครบหมื่นกิโลเมตร โดยเฉพาะคนที่ขับในเมืองที่รถติดขัด (Idle Time สูง)

  2. ใช้น้ำมันเครื่องศูนย์เท่านั้น: หรือน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% เกรด API SP ที่ระบุว่ารองรับเครื่องยนต์ Turbo และ Belt-in-oil

  3. ส่องรูเติมน้ำมันเครื่องบ่อยๆ: ทุกๆ เดือน ให้เปิดฝาเติมน้ำมันเครื่องแล้วใช้ไฟฉายส่องดูสภาพสายพาน หากพบขุยขาวๆ หรือรอยแตกลายงา ให้เปลี่ยนทันทีโดยไม่ต้องสนเลขไมล์

บทสรุป

สายพานจุ่มน้ำมัน Honda City 2026 แต่ถึงอย่างไรก็ตามแต่รถคันนี้ก็ยังคงเป็นรถที่ขับสนุกและมีประสิทธิภาพเครื่องยนต์สูงที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาด แต่ระบบสายพานจุ่มน้ำมันคือ “ดาบสองคม” ที่ต้องแลกมา หากคุณเป็นคนที่มีวินัยในการดูแลรถ City Turbo คือรถที่ยอดเยี่ยม แต่ถ้าคุณเป็นสายลากระยะ ไม่สนใจการบำรุงรักษา ระบบนี้อาจกลายเป็นฝันร้ายที่ราคาแพงในระยะยาว

อ่านข่าวมอเตอร์ไซค์อื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

อ่านข่าวรถยนต์อื่น ๆ เพิ่มเติม คลิกที่นี่ 

GoKart SuperBike

ชื่นชอบทีมกีฬาที่มีสีแดงเป็นชีวิตจิตใจ เช่น Ducati Lenovo และสโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

บทความยอดนิยม

ข่าวล่าสุด

สายพานจุ่มน้ำมัน Honda City 2026 นวัตกรรมล้ำหน้าหรือจุดอ่อนเครื่องยนต์?

สายพานจุ่มน้ำมัน Honda City 2026

นับตั้งแต่การเปิดตัวเครื่องยนต์ 1.0 VTEC Turbo ใน Honda City เจนเนอเรชั่นที่ 5 เมื่อไม่กี่ปีก่อน จนมาถึงรุ่นปรับปรุงล่าสุดอย่าง Honda City 2025 ประเด็นหนึ่งที่ยังคงเป็นที่ถกเถียงอย่างเผ็ดร้อนในหน้าฟีดโซเชียลและกลุ่มผู้ใช้รถคือระบบ “สายพานไทม์มิ่งจุ่มน้ำมันเครื่อง” (Wet Belt) ซึ่งในขณะที่คู่แข่งเกือบทุกรายเลือกใช้โซ่ไทม์มิ่ง (Timing Chain) แต่ทำไม Honda ยังคงยึดมั่นในแนวทางนี้? สายพานจุ่มน้ำมัน Honda City 2026 บทความนี้จะเจาะลึกทุกมิติ ตั้งแต่วิศวกรรมศาสตร์ไปจนถึงสิทธิผู้บริโภคตามกฎหมายล่าสุด

สายพานจุ่มน้ำมัน Honda City 2026
ขอขอบคุณภาพจาก X บัญชี Surasak80181953

 

เจาะลึกวิศวกรรม Wet Belt ทำไมต้องจุ่มน้ำมัน?

คำถามที่พบบ่อยที่สุดคือ “ทำไมไม่ใช้โซ่?” คำตอบของวิศวกร Honda ในปี 2025 ยังคงชัดเจนว่ามันคือเรื่องของ Efficiency หรือประสิทธิภาพสูงสุด

ประการแรกคือการลด Friction (แรงเสียดทาน) โซ่ไทม์มิ่งโลหะมีน้ำหนักมากและสร้างแรงเสียดทานสูงขณะหมุน การใช้สายพานชนิดพิเศษที่จุ่มในน้ำมันจะมีความลื่นไหลมากกว่าถึง 30% เมื่อแรงเสียดทานต่ำ เครื่องยนต์ก็ไม่ต้องสูญเสียกำลังไปกับการปั่นกลไกภายใน ส่งผลให้แรงม้า 122 ตัวที่ออกมาจากเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร ทำงานได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยและประหยัดน้ำมันกว่า

ประการต่อมาคือเรื่อง NVH (Noise, Vibration, and Harshness) เครื่องยนต์ 3 สูบมีลักษณะการจุดระเบิดที่สั่นสะเทือนโดยธรรมชาติ สายพานที่แช่ในน้ำมันจะทำหน้าที่เหมือน “โช้คอัพ” คอยซับเสียงการกระแทกของฟันเฟืองและเสียงการทำงานของวาล์ว ทำให้เครื่องยนต์เดินเรียบและเงียบกว่าระบบโซ่มาก นี่คือเหตุผลที่ City Turbo ให้ความรู้สึกพรีเมียมในขณะขับขี่มากกว่ารถในระดับเดียวกัน

สายพานจุ่มน้ำมัน Honda City 2026

วัสดุศาสตร์ปี 2025 สายพานรุ่นใหม่ทนกว่าเดิมจริงไหม?

จากบทเรียนราคาแพงในรุ่นปี 2019-2021 ที่พบปัญหาเศษยางสายพานลอกในระยะไม่กี่หมื่นกิโลเมตร ในรุ่น Honda City 2025 ได้มีการปรับปรุงสูตรเคมีของวัสดุยางสังเคราะห์ (HNBR – Hydrogenated Nitrile Butadiene Rubber) ให้ทนต่อสภาพกรดในน้ำมันเครื่องได้ดีขึ้น รวมถึงการเสริมโครงสร้างเส้นใยแก้วภายในให้มีความเสถียรต่อความร้อนสูง (High-Temperature Stability) มากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้จะพัฒนามาไกลเพียงใด “จุดอ่อน” โดยธรรมชาติของยางที่แพ้สารเคมีและสารทำละลายในน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพก็ยังคงอยู่

วิเคราะห์ “จุดตาย” และกระบวนการหายนะ (Domino Effect)

ปัญหาไม่ได้เกิดจากสายพานโดยตรงเสมอไป แต่มักเกิดจาก “สภาพน้ำมันเครื่อง” เมื่อน้ำมันเครื่องถูกใช้งานจนหมดสภาพ สารเติมแต่ง (Additives) จะเสื่อมลง ทำให้น้ำมันมีความเป็นกรดสูงขึ้น และเมื่อรวมกับเขม่าจากการเผาไหม้และความร้อนสะสมจากเทอร์โบ น้ำมันเครื่องจะกลายเป็น “สารกัดกร่อน” ชั้นดี

กระบวนการหายนะจะเริ่มจากการที่ชั้นผิวของสายพานเริ่มเปื่อย (Delamination) เศษยางขนาดเล็กเท่าเม็ดทรายจะหลุดลอกและไหลไปรวมตัวกันที่ “ฝักบัว” หรือตะแกรงกรองน้ำมันเครื่อง (Oil Pickup Screen) เมื่อตะแกรงอุดตัน ปั๊มน้ำมันเครื่องจะไม่สามารถส่งน้ำมันไปเลี้ยงส่วนบนของเครื่องยนต์ได้ ไฟรูปน้ำมันเครื่องจะโชว์ และภายในเวลาไม่กี่นาที แบร์ริ่งจะละลาย เทอร์โบจะพัง และเครื่องยนต์จะน็อคในที่สุด

ทำไมรายอื่นถึงเลิกใช้?

หากหันไปมองคู่แข่งอย่าง Toyota Yaris ที่ใช้เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร (Naturally Aspirated) หรือ Nissan Almera 1.0 Turbo ทั้งหมดเลือกใช้โซ่ไทม์มิ่ง

  • โซ่ไทม์มิ่ง: ทนทานตลอดอายุการใช้งาน (ถ้าดูแลปกติ) แต่อาจมีเสียงดังกว่าและมีแรงเสียดทานมากกว่าเล็กน้อย

  • สายพานจุ่มน้ำมัน: ตอบสนองดีกว่า เงียบกว่า ประหยัดน้ำมันกว่า แต่ต้องการการดูแลที่ “เป๊ะ” กว่ามาก

จะเห็นได้ว่า Honda เลือกทางเดินของ “สมรรถนะ” มากกว่า “ความทนทานแบบสมบุกสมบัน” ซึ่งถือเป็นการเดิมพันที่ผู้ซื้อต้องเข้าใจตั้งแต่วันแรกที่ออกรถ

กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค 2568 สิทธิที่คุณต้องรู้

ในปี 2568 กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคในไทยมีความเข้มงวดมากขึ้น หากรถของคุณมีปัญหาเครื่องพังจากสายพานในระยะประกัน (3 ปี หรือ 100,000 กม.) และคุณมีประวัติการเข้าเช็กระยะที่ศูนย์บริการอย่างต่อเนื่อง ศูนย์บริการ “ไม่มีสิทธิ์” ปฏิเสธความรับผิดชอบ การอ้างว่าเกิดจากการขับขี่รุนแรงหรือน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพจากการใช้งานไม่สามารถนำมาเป็นข้ออ้างได้ หากผลพิสูจน์ทางวิศวกรรมระบุว่าเป็นความบกพร่องของวัสดุ

คู่มือเอาตัวรอดสำหรับเจ้าของ Honda City 2025

เพื่อให้คุณใช้งานรถรุ่นนี้ได้อย่างสบายใจ นี่คือข้อแนะนำแบบ “Pro-User”:

  1. เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 7,000 – 8,000 กม.: อย่ารอจนครบหมื่นกิโลเมตร โดยเฉพาะคนที่ขับในเมืองที่รถติดขัด (Idle Time สูง)

  2. ใช้น้ำมันเครื่องศูนย์เท่านั้น: หรือน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% เกรด API SP ที่ระบุว่ารองรับเครื่องยนต์ Turbo และ Belt-in-oil

  3. ส่องรูเติมน้ำมันเครื่องบ่อยๆ: ทุกๆ เดือน ให้เปิดฝาเติมน้ำมันเครื่องแล้วใช้ไฟฉายส่องดูสภาพสายพาน หากพบขุยขาวๆ หรือรอยแตกลายงา ให้เปลี่ยนทันทีโดยไม่ต้องสนเลขไมล์

บทสรุป

สายพานจุ่มน้ำมัน Honda City 2026 แต่ถึงอย่างไรก็ตามแต่รถคันนี้ก็ยังคงเป็นรถที่ขับสนุกและมีประสิทธิภาพเครื่องยนต์สูงที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาด แต่ระบบสายพานจุ่มน้ำมันคือ “ดาบสองคม” ที่ต้องแลกมา หากคุณเป็นคนที่มีวินัยในการดูแลรถ City Turbo คือรถที่ยอดเยี่ยม แต่ถ้าคุณเป็นสายลากระยะ ไม่สนใจการบำรุงรักษา ระบบนี้อาจกลายเป็นฝันร้ายที่ราคาแพงในระยะยาว

อ่านข่าวมอเตอร์ไซค์อื่นๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

อ่านข่าวรถยนต์อื่น ๆ เพิ่มเติม คลิกที่นี่ 

Share It:

GoKart SuperBike

ชื่นชอบทีมกีฬาที่มีสีแดงเป็นชีวิตจิตใจ เช่น Ducati Lenovo และสโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ข่าวล่าสุด

บทความยอดนิยม

รีวิวมอเตอร์ไซค์

Superbike Mag Thailand CHANEL

รีวิวรถยนต์