SuperBikeMag.Com ข่าวรถยนต์ รีวิวรถใหม่ รถยนต์ไฟฟ้า ข่าวรถจักรยานยนต์

นึกว่าศูนย์รวมรถชื่อดังระดับโลกสานฝันคนงบน้อย ใครอยากมีรถบิ๊กไบค์..แต่ตังในกระเป๋าไม่เป็นใจ ผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ในประเทศจีนอย่าง Jiangsu Sukuli หรือเจ้าของแบรนด์ Sukuli Motorcycle ก็พร้อมจะเป็นวาสนาคู่ใจเหล่าไบค์เกอร์ โดยล่าสุดทางแบรนด์ได้เปิดตัวสปอร์ตไบค์งานพรีเมียม มิลเลอร์ในชื่อโมเดลต่าง ๆ ชูโรงโดย Sukuli S1000RR SukuliCorse รหัสอาจจะดูคุ้น ๆ แต่คงไม่คุ้นเท่าโฉมจริงตัวเป็น ๆ เหมือนยันเงา พร้อมจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์ม Made-in-China.com @bieugarcia Bmw moto ou Suzuki moto?? Ou a Chinesa SUKULI ?? #bmw #honda #suzuki #motorcycle #moto ♬ som original – bieu สำหรับการออกแบบเจ้าซูคูลี่ในหลาย ๆ รุ่น ก็คล้ายคลึงกับโมเดลซูดเปอร์ไบค์จากค่ายอื่นแหล่ะครับ ซึ่งอาจเป็นการใช้ชื่อและรูปลักษณ์ที่ใกล้เคียงเพื่อดึงดูดความสนใจ แต่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับแบรนด์ต้นฉบับแต่อย่างใดทั้งสิ้น ซึ่งถ้าหากเราไม่ได้มองบูลลี่แบบมากมายอะไรนัก ถือว่าแบรนด์เขาค่อนข้างมีฝีมือทีเดียว กว่าจะออกแบบโครงสร้างแต่ละส่วนทั้งภายในและภายนอกให้ดูเหมือนกับต้นฉบับนับว่ายากพอควรแล้ว โดยรุ่นดังทั้งหมดจะมีให้เลือกทั้งสเปค 250 ซีซี และรุ่น 400 ซีซีด้วยกัน แบ่งเป็นแรงม้าสำหรับรุ่น 250 ซีซี จะให้แรงม้ามาทั้งหมด 15.6 แรงม้าที่ 7,000 รอบ แรงบิด 17 นิวตันเมตรที่ 5,500 รอบ ส่วนรุ่น 400 ซีซีจะให้แรงม้ามาทั้งสิ้น 28 แรงม้าที่ 8,300 รอบ แรงบิด 28 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบ สเปคเครื่องยนต์คร่าว ๆ จะประมาณนี้ ช่วงล่างให้มาดีหน่อย จานดิสก์เบรกคู่อัดคาลิเปอร์ 4 ลูกสูบ พร้อมโช้คหัวกลับ และโช้คเดี่ยวด้านหลังและให้ยางไซส์สปอร์ต 110/70 และ 150/70 ล้อขอบ 17 นิ้ว สวยงามตามแบบฉบับรถสปอร์ตงานมิลเลียมของเขาหล่ะครับ ซึ่งไม่ได้มีเพียงโมเดลรุ่นนี้เท่านั้นนะครับ ยังมีโมเดลอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวอีกหลายรุ่น ที่คุณกำลังคิดว่าเขาจะเลียนแบบหรือไม่..ทำแน่นอน และทำออกมาเหมือนต้นฉบับจริง ๆ อย่างเช่น SukuliCorse, Suzuki, KTM, Honda, Yamaha เหมามาหมด ใช้พื้นฐานเครื่องยนต์เดียวกัน @sgbikemart One Price get 3 different branding! 😆😆😆😆😆 Introducing Sukuli: the love child of Suzuki, Ducati, and BMW all in one! 🏍✨ #playsobig #sukuli #SukuliMagic #RideRemix #MotorcycleMashup #sukulicorse #sukulis1000rr ♬ Funny lazy donkey (hilarious song)(937200) – LEOPARD คงอยากคนอยากขี่มากมายแต่ในเรื่องของปัจจัยของเขาอาจจะไม่ถึงจริง ๆ ก็ได้ครับ สุดท้ายนี้ ใครที่อยากได้โมเดลเหล่านี้จริง ๆ ย้ำว่าอยากได้จริง ๆ อาจจะต้องอดใจรอกันซักแปปนึง เพราะตอนนี้ยังไม่มีกำหนดขายปลีกซึ่งอาจจะต้องรอดีลเลอร์ใจดีที่เห็นโอกาสการเติบโตในอนาคตก็เป็นไปได้ อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

ระบบเกียร์ไร้คลัตช์ จำเป็นหรือไม่ ? เรามีคำตอบ ไหน..ขอซาวน์เช็คหน่อย พี่ ๆ น้อง ๆ ไบค์เกอร์ท่านไหนที่เคยประสบปัญหาออกตัวรถดับ สับเกียร์ว่าว จอดไฟแดงไล่หาเกียร์ N ไม่เจอ หรือลืมเปลี่ยนเกียร์ตอนออกตัว ทำเอาซะเขินต่อหน้าชาวหมู่คณะ ละถ้ายิ่งเป็นรถซีซีใหญ่ ก็มักจะเป็นจุดเด่นต่อสายตาของผู้คนข้าง ๆ ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้วหล่ะก็ คงเก็บทรงกันไม่อยู่ทีเดียว หรือจะต้องพึ่ง ระบบเกียร์ไร้คลัชต์ ระบบที่ไม่ต้องกำคลัตช์ต่อไป แล้วมันจำเป็นหรือไม่? อะไรคือ ระบบเกียร์ไร้คลัตช์ ? ยืนยันว่าล้านเปอร์เซ็นต์ที่ไบค์เกอร์ประสบปัญหาเหล่านี้ โดยเราจะมาเจาะรายละเอียดของระบบไร้คลัตช์ซึ่งต้องเรียนว่ารถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สันดาป ทุกรุ่น ต้องมาคู่กับระบบคลัตช์อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นคลัตช์แมนนวล คลัตช์มือ เซมิออโต้คลัตช์ ออโต้คลัตช์หรือกระทั่งไฮดรอลิกคลัตช์ ซึ่งถ้าหากจะไม่มีคลัตช์เลย มันก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะจริง ๆ แล้วระบบไร้คลัตช์ ยังคงเป็นกลไกสิ่งหนึ่งที่จะเข้ามาช่วยให้ผู้ขับขี่ ไม่ต้องกำคลัตช์อีกต่อไป โดยปัจจุบันระบบไร้คลัตช์ที่เราพบเห็นมีอยู่ 3 แบบด้วยกัน (ถ้าไม่นับ CVT) แต่ถ้าจะนับก็มี 4 เอ๊ะ..ยังไง แบบที่ 1 : Dual Clutch Transmission ระบบเกียร์ที่เรารู้จักกันได้ในนามของ DCT ซึ่งนิยมใช้ในหมู่บิ๊กไบค์จากค่ายปีกนกอย่าง Honda NC750, Honda CRF1100 Africa Twin, X-ADV 750, Goldwing เป็นต้น ซึ่งระบบ DCT จะแยกคลัตช์เป็น 2 ชุด ชุดนึงจับเกียร์เลขคี่ อีกชุดนึงจับเกียร์เลขคู่ เมื่อเวลาเปลี่ยนเกียร์ คลัตช์ก็จะสลับการทำงาน ตัวนึงจับ ตัวนึงคลาย ตู้มต้าม ๆๆ หากพูดง่าย ๆ ระบบนี้จะใกล้เคียงกับรถยนต์ออโต้มากที่สุด คือ..ไม่จำเป็นต้องมีก้านคลัตช์ที่แฮนด์ ควบคุมปุ่มเกียร์ด้วยมือหรือพักเท้าแทนหรือจะขี่แบบออโต้ยังไงก็ได้..เอาที่สะดวกเลย แบบที่ 2 : Automated Manual Transmission (AMT) คำแปลของเทคโนโลยีนี้อาจจะงง ๆ เพราะมันคือ ระบบเกียร์ธรรมดาอัตโนมัติ ถ้าไม่ซีในคำแปลมันก็คือระบบ ๆ หนึ่ง ทำงานตามชื่อเลยและยังใช้เกียร์ธรรมดาเป็นพื้นฐาน แต่ชุดเกียร์เหล่านี้จะถูกควบคุมคลัตช์หรือมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำงานตามคำสั่งของ ECU ซึ่งจะทำหน้าที่บีบคลัตช์หรือโยกเกียร์แทนคนขับนั่นเอง โดยกลไกของระบบเหล่านี้จะไม่มีก้านคัลตช์รวมถึงคันเกียร์ที่บริเวณพักเท้า แต่จะให้ระบบควบคุมเกียร์แมนนวลมาในลักษณะคันโยกซึ่งสามารถปรับได้ด้วยมือผู้ขับขี่นั่นเอง และแค่นั้นยังไม่พอระบบเหล่านี้ยังสามารถเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติได้ตามรอบเครื่อง หรือเรียกง่าย ๆ ว่ามีโหมดออโต้ให้ขี่ เพิ่มความสบายมากขึ้นเป็นกอง โดยรถที่ใช้ระบบเกียร์ดังกล่าวคงไม่พ้นYamaha Y-AMT อย่าง MT-09, Tracer 9GT, MT-07 Y-AMT และรุ่นอื่น ๆ และไม่ใช่เพียงค่ายยามาฮ่าเท่านั้น ค่าย KTM ก็ให้ความสนใจเจ้าระบบนี้เช่นเดียวกันโดยพัฒนาระบบ KTM AMT มาใช้ในรถซูเปอร์แอดเวนเจอร์นั่นเอง เสริมในเรื่องความต่างระหว่าง AMT กับ DCT แบบง่าย ๆ ซักเล็กน้อยก็คือ เจ้า AMT มันมีมอเตอร์เพื่อกด-คลายคลัตช์ เหมือนมีคนช่วยบีบคลัตช์ให้ตอนเปลี่ยนเกียร์ แทนกำลังบีบที่มือ ซึ่งจะมีระบบอิเล็กทรอนิกส์ตรวจจับความเร็วที่ล้อ รอบเครื่อง แรงม้าเพื่อตัดต่อกำลังของเครื่องยนต์ ความเจ๋งของระบบนี้ ก็คือฟีลลิ่งของรอบการเปลี่ยนเกียร์ไม่แตกต่างจากระบบเกียร์ธรรมดา แค่เปลี่ยนโหมด Automated ไม่ต้องกำคลัตช์ก็ได้หรือในรถบางรุ่น สามารถใช้แบบฟลูออโต้ได้เลย บิด ๆ อย่างเดียว แบบที่ 3 : Smart Clutch System น่าจะมีแค่หนึ่งเดียวที่ใช้ระบบนี้ และไม่เข้าไทยด้วยนั่นคือระบบ SCS หรือ Smart Clutch System ในรถ MV Agusta Turismo Veloce Lusso SCS ซึ่งจะแตกต่างจากทั้ง 2 แบบ ด้านบน เพราะใช้กลไกภายในถ้วยคลัตช์ของรุ่นนี้ที่เรียกกันว่า Clutch Expander ที่จะขยายตัวเพื่อดันให้คลัตช์จับตัวและหดลงเพื่อคลาย เป็นระบบเครื่องกลที่จะทำงานตามรอบ รวมทั้งมีเซ็นเซอร์ไว้ส่งข้อมูลไปยังกล่องเพื่อการเปลี่ยนเกียร์ด้วยควิกชิฟเตอร์อีกที แบบที่ 4 : Continuously Variable Transmission (CVT) อันนี้ก็ถือว่านับด้วยกับระบบคลัตช์สายพานในรถจำพวกสกูตเตอร์ ซึ่งคลัตช์รุ่นนี้จะอยู่ในตัวเครื่องเป็นเสมือนเกียร์บ็อกซ์ที่ใช่ชามหน้า-หลัง ส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อหลังผ่านตัวเชื่อมด้วยสายพาน เอาจริง ๆ ระบบนี้ไม่ขอเรียกว่าเกียร์ดีกว่าเพราะมันต่างกันโดยสิ้นเชิง แน่นอนว่าคนขี่มอเตอร์ไซค์หัวโบราณอย่างแอดมิน ขี่รถมีคลัตช์เป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งอาจจะดูลำบากลำบนเวลาไปจ่ายตลาดรวมถึงเวลาขี่มุดซอกแซกช่วงรถติด

Jorge Martin เจ็บซ้ำตอนซ้อม ชวดลงแข่งนัดเปิดสนามบุรีรัมย์ เหมือนจะดูเป็นเคราะห์ซ้ำ กรรมซัดสำหรับแชมป์โลกคนล่าสุดอย่าง Jorge Martin นักแข่งเจ้าของหมายเลข 1 จากทีม Aprilia Racing ที่มีการรายงานว่าเจ้าตัวนั้นได้รับอาการบาดเจ็บเพิ่มเติมขณะทำการซ้อมก่อนลงแข่งขันในเปิดสนามที่ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ การแข่งขัน MotoGP2025 ที่กำลังจะเริ่มเปิดฉากอย่างเป็นทางการแล้วในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ แต่ดูเหมือนว่าฆอร์เก้ มาร์ตินจะพลาดการแข่งขันในนัดเปิดสนามที่ประเทศไทย เพราะเจ้าตัวได้รับอาการบาดเจ็บกระดูกมือซ้ายหักในระหว่างการฝึกซ้อมเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวก็ได้รับอุบัติเหตุใหญ่ที่สนามเซปัง อินเตอร์เนชันแนลเซอร์กิต ประเทศมาเลเซียมาแล้ว 1 ครั้ง หมอเทวดา ผู้เคียงข้างมาร์ก มาร์เกซ ดร.ซาเวียร์ เมียร์ แพทย์แผนกศัลยกรรมมือ และไมโครศัลยกรรม ภาควิชาเวชศาสตร์อุบัติเหตุและศัลยกรรมกระดูก จาก Hospital Universitari Dexeus เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน โดยผลงานสร้างชื่อของหมอคนนี้ คือการรักษาแชมป์โลก 8 สมัยอย่าง ‘มาร์ก มาร์เกซ’ ที่แขนหักกลับมาทำการแข่งขันได้ภายใน 4 วัน โดยเหตุการณ์ในครั้งนั้นมาร์ก แขนขวาเพิ่งหักจากการแข่งขัน MotoGP สนามเปิดฤดูกาล 2020 ที่ เฆเรซ ประเทศสเปน ให้ผ่านความฟิตจน MotoGP อนุญาตให้กลับมาแข่งในสนาม 2 ของฤดูกาล (ซึ่งแข่งที่ เฆเรซ แบบต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ติด จากผลพวงของ COVID-19) โดยมาร์ติเนเตอร์จะเข้ารับการผ่าตัดข้อมือโดยศัลยแพทย์ด้านมอเตอร์สปอร์ตที่ดีที่สุดในวงการ ซึ่งเจ้าตัวอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นอีกระยะใหญ่ ๆ กว่าร่างกายจะกลับมามีสภาพสมบูรณ์ ซึ่งหมายความว่านักบิดรายนี้อาจจะพลาดการแข่งขัน MotoGP ในสนามที่สองที่ประเทศอาเจนตินาอีกด้วย อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Keeway Vieste 300 XDV สกูตเตอร์แอดเวนเจอร์ สไตล์ชัด DNA จาก ADV Keeway Vieste 300 XDV สกูตเตอร์แนวแอดเวนเจอร์จากค่าย Keeway แบรนด์รถจักรยานยนต์ยักษ์ใหญ่จากประเทศจีนอยู่ภายใต้แบรนด์แม่อย่าง QJMotor ที่ได้เผยโฉมผลิตภัณฑ์ใหม่ของทางค่ายที่ออกแบบมาให้ขับขี่ได้ทั้งในเมือง และเส้นทางที่ท้าทาย โดดเด่นด้วยความสะดวกสบายตามสไตล์ของสกูตเตอร์ และความแข็งแกร่งตามสไตล์ของรถแอดเวนเจอร์ ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้ขับขี่ จุดเด่นของตัวรถ ระบบไฟแบบ Full LED ระบบความปลอดภัย ABS โช้คอัพหลังมาพร้อมซับแทงค์ สวิตซ์ควบคุมต่าง ๆ ทางด้านซ้าย สเปค และรายละเอียดต่าง ๆ เครื่องยนต์ สูบเดียว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ปริมาตรกระบอกสูบ 278 ซีซี ระบบวาล์ว SOHC 4 วาล์วต่อสูบ แรงม้า (เคลม) 25 แรงม้าที่ 8,250 รอบต่อนาที แรงบิด (เคลม) 24 นิวตันเมตรที่ 7,000 รอบต่อนาที ขนาดกระบอกสูบ / ช่วงชัก 75 x 63 มม. อัตราส่วนการอัด 11:1 ระบบเกียร์ CVT ระบบจุดระเบิด TCI ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีด ระบบสตาร์ท สตาร์ทไฟฟ้า ระบบคลัตซ์ คลัตซ์แบบเปียกหลายแผ่นซ้อนกัน ระบบส่งกำลังสุดท้าย สายพาน ยางหน้า 110/70-13 ยางหลัง 130/70-13 ระบบกันสะเทือนหน้า โช้คอัพแบบหัวกลับ ขนาดแกน 90 มม. ระบบกันสะเทือนหลัง โช้คอัพคู่มาพร้อมซับแทงค์ ระยะยุบ 65 มม. เบรกหน้า ดิสก์เบรกเดี่ยวพร้อมคาลิเปอร์จาก J.Juan ขนาด 240 มม. เบรกหลัง ดิกส์เบรกเดี่ยว ขนาด 220 มม. กว้าง x ยาว x สูง 780 x 1,940 x 1,270 มม. ระยะฐานล้อ 1,390 มม. ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ 160 มม. ความสูงเบาะ 800 มม. น้ำหนักรถ 169 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 13.5 ลิตร ประเภทของน้ำมันที่เติมได้ N/A เทคโนโลยี ระบบไฟแบบ Full LED รอบคัน หน้าจอแสดงผลแบบดิจิทัล LCD ช่องจ่ายไฟแบบ USB Type-C ระบบกุญแจ Smart Key สีสันที่วางจำหน่าย สีขาว สีดำ สีแดง สีฟ้า สีครีม โดยราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของรถจักรยานยนต์โฉมนี้มีราคาวางจำหน่ายที่สหรัฐอยู่ที่ราว ๆ 4,800 ดอลลาร์สหรัฐ หรือตีมูลค่าเป็นเงินไทยประมาณ 162,000 บาท (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ในเรื่องของการเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยนั้น คาดว่าเป็นเรื่องที่ไกลลิบ อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Augusto Fernandez นักทดสอบจากค่าย Yamaha เตรียมลงแข่งขันแทน Jonathan Rea ทีไ่ด้รับอาการบาดเจ็บจากการซ้อมที่ออสเตรเลีย

อ่านบททดสอบของ Yamaha MT-15 เน็กเก็ตไบค์น้องเล็กที่ดุดันกว่า เร้าใจกว่า พร้อมแรงกว่าที่ผ่านมาจากค่าย Yamaha กับเรา SuperBike

First Ride อีกครั้งกับการทดสอบรถสปอร์ตในคลาส 150 ซีซี ครั้งนี้ เรามาทดสอบ All new Honda CBR150R 2019 ตัวใหม่ล่าสุดจากทางค่ายปีกนก ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปไม่นานนี้เอง ในครั้งนี้ เราขี่กันแบบ Trip and Test ทดสอบไปด้วยท่องเที่ยวแบบทริปไปในตัว ถือว่าโอเคเลย ไม่ต้องซีเรียสที่จะขับช้าหรือไม่เร็วจนเกินไป จุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่เขาใหญ่ ระยะทางโดยรวมไป-กลับของการทดสอบนี้เฉลี่ย 200 กว่ากิโลเมตร ถ้านับจากเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร โดยเราเริ่มจาก กทม – เขาใหญ่ โดยจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มที่จะสลับกันขับ โดยมี พี่ฟิลม์ รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ Brand Ambassador A.P.Honda อดีตนักแข่ง MOTO 2 ที่จะเป็นคนนำขบวนAll new CBR150R 2019 ในครั้งนี้อีกด้วย เริ่มออกเดินทางจากศูนย์ขับขี่ปลอดภัยกรุงเทพ สุขาภิบาล3 ที่นี้ใครๆก็รู้จักเพราะเป็นจุดเริ่มต้นของใครหลายๆคน เส้นทางเดินทางผ่านถนนรามคำแหง สุวินทวงศ์ เส้นทางไม่ค่อยจะคุ้นหน้าคุ้นตาเท่าไร เพราะปกติแล้วเราจะเดินทางเส้นหลัก วิภาวดี สระบุรี เขาใหญ่ แต่ด้วยเหตุผลที่พวกเราจะตามรอยโฆษณาโปรดักส์ตัวซิ่งคันนี้ต้องไปทางนี้ นั้นก็คืออุโมงค์ทับลาน เป็นโลเคชั่นสำคัญที่เราจะได้เห็นสถานทีจริง ที่ถ่ายทำโฆษณาอีกด้วย เข้าเรื่องรีวิวกันหน่อย มาพูดถึงตัวภายนอกกันบ้าง – มาดูชุดแฟริ่งไฟหน้ากันก่อนเลย Full LED ทรงสวย ดุดัน เหมาะสมลงตัวอย่างยิ่งในสายพันธ์ CBR ไม่แพ้รุ่นพี่แม้แต่น้อย ให้ความสว่างทั้งกลางวันและกลางคืน มองเห็นได้ชัดเจน – เรือนไมล์แบบ Full LCD Digital ล้ำสมัยที่มาพร้อมกับมาตรวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์ อุณหภูมิความร้อน ไฟบอกเกียร์(โคตรชอบ) เพราะสำคัญส่วนหนึ่งเลยไม่ต้องไปหาใส่เพิ่ม Trip A B พร้อมกับคำนวนอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย ทำให้เรารู้ว่าต่อ 1 ลิตรวิ่งได้กี่กิโลเมตร – ถังน้ำมันขนาดใหญ่ ที่มีความจุขนาด 12 ลิตร สามารถเดินทางได้ไกลขึ้น รวมไปถึงรูปร่างของตัวถังน้ำมันมีความเรียว ทำให้ท่านั่งกระชับมากขึ้น สมแล้วสำหรับความเป็นรถสปอร์ต ท่านั่งและการขับขี่ – เบาะนั่งแบบ 2 ชิ้น หรือที่เราเข้าใจว่า 2 ตอน ให้ท่านั่งใหม่ดูสปอร์ตมากขึ้น ตามหลักแอโรไดนามิค ส่วนตัวที่ลองขับขี่ระยะทาง 50-60 กิโลเมตร หมอบบ้างตามสถานการณ์ก้มหัว ก็คอนโทรลรถได้คล่องตัวดีลมไม่ปะทะมากเท่าไร แต่สำหรับคนตัวเล็กหน่อยจะดีกว่านี้ บิดไม่พักก็เมื้อก้นเท่าไรนัก เบาะสบายๆนุ่มๆไม่ล้าเท่าไรครับผม ต่อด้วยช่วงล่างกันบ้างที่ได้ใส่ให้มากับรถคันนี้ – ในส่วนของโช้คหน้า สามารถที่จะปรับ Preload ได้หรือถ้าจะให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นก็คือ ปรับความแข็งอ่อนของสปริงได้ 5 มิลลิเมตร – ส่วนของโช้คหลังนั้น ได้ออกแบบโดยในมีตัว Pro-link จะเรียกให้เข้าใจได้ง่าย นั้นก็คือ กระเดืองโช้ค ที่จะทำหน้าที่ชดเชยแรงกระทำระหว่างตัวโช้คกับสวิงอาร์ม ทำให้ขับขี่ได้นุ่มนวมกว่าตัวเก่ามากหลายๆ เพราะทำให้ระยะยืดยุบตัวโช้คเพิ่มมากขึ้นทำให้ขับขี่ได้นุ่มนวมมากขึ้นอีกด้วย พร้อมกับสามารถปรับ Pre load ได้อีก 5 ระดับ โคตรคุ้ม ระบบเบรค + ล้อ – ล้อหน้า – หลัง มีขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์ 5 ก้าน ลักษณะคล้ายตัว Y ทำให้ได้อารมณ์สปอร์ตมากขึ้น รวมไปถึงระบบเบรคแบบดิสเบรคแบบคลื่น มีรอยยักตามจานดิส หน้า-หลัง ทำให้มีความสวยงาม ที่มาพร้อมกับตัว Sensor ABS และยังทำงานได้ดีอีกด้วย ส่วนตัวผมเองได้ทดลองใช้ ABS บนเส้นทางช่วงขึ้นเขาใหญ่ ที่ทำให้ต้องเบรคแบบกระทันหัน รู้สึกถึงความสเถียรดีจริง.. เทคโนโลยีขึ้นเฟรมรถแบบใหม่ – โครงสร้างเฟรมตัวรถคันนี้ถูกออกแบบใหม่กเวยระบบ CAE (Computer Aided Engineering) ที่ดีไซน์ออกมาเป็นเฟรมถัก ที่วัสดุเป็นเหล็กกล้าแข็งแรง และมีน้ำหนักเบา บาลานซ์ได้ดีตลอดทั้งคัน มาพูดถึงภายในหัวใจหลักสำคัญก็คือ “เครื่องยนต์” เครื่องยนต์ 1 สูบ ขนาดความจุ 150 ซีซี DOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ระบบเกียร์ที่มีถึง 6

Triumph Daytona 660 2024 สเปค ราคา และรายละเอียดต่าง ๆ Triumph Daytona 660 2024 สปอร์ตไบค์ไซส์กลางที่ห่างหายจากท้องตลาดไปนาน มาวันนี้ได้ฤกษ์เปิดตัวพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ใหม่หมดทั้งคัน แต่ยังคงสืบทอด DNA ของเดย์โทน่าไว้ได้เป็นอย่างดี ราคา 327,300 บาท สเปค, สเป็ก Triumph Daytona 660 2024 สเปค ราคา และรายละเอียดต่าง ๆ เครื่องยนต์ สามสูบเรียงระบายความร้อนด้วยน้ำ ปริมาตรกระบอกสูบ 660 ซีซี แรงม้า (เคลม) 95 แรงม้าที่ 11,250 รอบ แรงบิด (เคลม) 69 นิวตันเมตร 8,250 รอบ ระบบวาล์ว DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก 74.04 X 51.1 ม.ม. อัตราส่วนการอัด 12.05:1 ระบบเกียร์ 6 สปีด ระบบจุดระเบิด อิเล็กทรอนิกส์ ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดไฟฟ้า ระบบสตาร์ท สตาร์ทไฟฟ้า ระบบคลัตช์ คลัตช์เปียกแบบหลายแผ่นซ้อนกันพร้อมแอสซิสต์และสลิปเปอร์คลัตช์ ระบบส่งกำลังสุดท้าย โซ่ X-Ring ล้อหน้า อลูมิเนียม 5 ก้านขนาด 17 X 3.5 นิ้ว ล้อหลัง อลูมิเนียม 5 ก้านขนาด 17 X 3.5 นิ้ว ยางหน้า 120/70 ZR17 แบบไม่ใช้ยางใน ยางหลัง 180/55 ZR17 แบบไม่ใช้ยางใน ระบบกันสะเทือนหน้า โช้คหัวกลับ Showa SFF-BP ขนาด 41 ม.ม. ระยะยุบ 110 ม.ม. ระบบกันสะเทือนหลัง โช้คเดี่ยว Showa RSU ปรับพรีโหลดได้ ระยะยุบ 130 ม.ม. เบรกหน้า (เบรค) ดิสก์เบรกคู่ขนาด 310 ม.ม. คาลิเปอร์เบรกแบบ 4 ลูกสูบ เบรกหลัง ดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 220 ม.ม. คาลิเปอร์เบรกแบบลูกสูบเดียว ยาว X กว้าง X สูง 2,083.8 X 736 X 1,145.2 ม.ม. ระยะฐานล้อ 1,425.6 ม.ม. ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ NA ความสูงเบาะ 810 ม.ม. น้ำหนักรถ 201 กิโลกรัม (น้ำมันในถัง 90%) ความจุถังน้ำมัน 14 ลิตร ประเภทของน้ำมันที่เติมได้ NA เทคโนโลยี ระบบเบรก ABS ระบบไฟ LED เต็มระบบ ระบบคันเร่งไฟฟ้า โหมดการขับขี่ 3 โหมด เรือนไมล์สี TFT เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเพื่อใช้งานฟังก์ชันนำทางแบบเทิร์นบายเทิร์นได้ ควิกชิฟเตอร์แบบสองทาง อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

taljet Dragster 300 สปอร์ตสกู๊ตเตอร์พิกัด 300 ซีซี แบรนด์ดังจากอิตาลี ที่มาพร้อมดีไซน์โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมไปถึงช่วงล่างที่มีการออกแบบที่โดดเด่น โดยเฉพาะระบบกันสะเทือนหน้าที่ไม่เหมือนใคร ถูกใจสายซิ่งแน่นอน กับราคาแนะนำ รุ่น Standard Color ราคา 269,000 บาท และ รุ่น Malossi Color ราคา 289,000 บาท หน้าจอสี TFT แสดงผลฟังก์ชันครบครัน ไฟท้าย LED ดีไซน์สปอร์ต ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโมเดล SuperBike ระบบกันสะเทือนหน้ากับ ซิงเกิ้ลอาร์ม ทำงานควบคู่กับระบบการบังคับเลี้ยวแบบอิสระ หรือ I.S.S. เครื่องยนต์ DOHC ขนาด 278 ซีซี ผ่านมาตรฐาน EURO 5 สเปค Dragster 300 2024 ราคา ข้อมูลและรายละเอียด เครื่องยนต์ สูบเดียว 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ปริมาตรกระบอกสูบ 278 ซีซี แรงม้า (เคลม) 23.8 แรงม้าที่ 8,250 รอบต่อนาที แรงบิด (เคลม) 26 นิวตันเมตรที่ 6,250 รอบต่อนาที ระบบวาล์ว DOHC 4 วาล์ว ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก 75.0 x 63.0 มม. อัตราส่วนการอัด NA ระบบเกียร์ ออโตเมติก ระบบจุดระเบิด Fuel Injection ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีด ระบบสตาร์ท สตาร์ทไฟฟ้า ระบบคลัตช์ คลัตช์แห้งแบบแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ ระบบส่งกำลังสุดท้าย สายพาน CVT ยางหน้า 120/70-12 แบบไม่ใช้ยางใน ยางหลัง 140/60-13 แบบไม่ใช้ยางใน ระบบกันสะเทือนหน้า โช้คเดี่ยว ปรับค่าสปริงได้ และซิงเกิ้ลอาร์มทำงานคู่กับระบบ I.S.S ระบบกันสะเทือนหลัง โช้คเดี่ยว ปรับค่าสปริงได้ เบรกหน้า (เบรค) ดิสก์เบรกขนาด 240 มม. คาลิเปอร์เบรก Brembo เบรกหลัง ดิส์กเบรกขนาด 175 มม. คาลิเปอร์เบรก Brembo กว้าง X ยาว X สูง 750 x 1,870 x NA มม. ระยะฐานล้อ 1,345 มม. ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ NA ความสูงเบาะ 770 มม. น้ำหนักรถ 128 กก. ความจุถังน้ำมัน 11 ลิตร ประเภทของน้ำมันที่เติมได้ NA เทคโนโลยี ระบบเบรก ABS หน้าจอสี TFT ระบบไฟ LED รอบคัน ระบบบังคับเลี้ยวอิสระหรือ I.S.S. (Independent Steering System) สีสันที่มีจำหน่าย MALOSSI COLOR BLACK/RED COLOR FLUORESCENT COLOR WHITE/RED COLOR อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Yamaha SR400 ราคา สเปค เรโทรไบค์พิกัด 400 ซีซี Yamaha SR400 รถโมเดลคลาสาสิกจากค่ายยามาฮ่า มาพร้อมกับการดีไซน์ย้อนยุค เอกลักษณ์ด้วยไฟทรงกลม เรือนไมล์อนาล็อก ถังน้ำมันทรงหยดน้ำ เสริมขุมพลังแบบสูบเดียวขนาด 399 ซีซี ที่ตอบโจทย์การขับขี่อย่างมีสไตล์ ราคาแนะนำ 285,000 บาท ไฟหน้าทรงกลมขนาดใหญ่ ท่อชุปโครเมี่ยม เครื่องยนต์คลาสสิกสูบเดียวลูกโต ขนาด 399 ซีซี เรือนไมล์อนาล็อก Yamaha SR400 สเปค ข้อมูล และรายละเอียดอื่นๆ เครื่องยนต์ สูบเดียว ระบายความร้อนด้วยอากาศ ปริมาตรกระบอกสูบ 399 ซีซี แรงม้า (เคลม) 23.2 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิด (เคลม) 27.4 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบต่อนาที ระบบวาล์ว SOHC 2 วาล์ว ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก 87.0 x 67.2 มม. อัตราส่วนการอัด 8.5 : 1 ระบบเกียร์ 5 สปีด ระบบจุดระเบิด TCI ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีด ระบบสตาร์ท สตาร์ทเท้า ระบบคลัตช์ คลัตช์เปียกแบบหลายแผ่นซ้อนกัน ระบบส่งกำลังสุดท้าย โซ่ ยางหน้า 90/100-18 ล้อซี่ลวดแบบใช้ยางใน ยางหลัง 110/90-18 ล้อซี่ลวดแบบใช้ยางใน ระบบกันสะเทือนหน้า เทเลสโคปิก ระบบกันสะเทือนหลัง โช้คคู่ เบรกหน้า (เบรค) ดิสก์เบรกเดี่ยว ขนาด 298 มม. เบรกหลัง ดรัมเบรก กว้าง X ยาว X สูง 750 x 2,085 x 1,095 ม.ม. ระยะฐานล้อ 1,410 มม. ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ 130 มม. ความสูงเบาะ 785 มม. น้ำหนักรถ 174 กก. ความจุถังน้ำมัน 12 ลิตร ประเภทของน้ำมันที่เติมได้ NA เทคโนโลยี สีสันที่มีจำหน่าย รุ่น Yamaha SR400 อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

R15 Connected 2023 สีใหม่ ดุดัน สปอร์ตทุกองศา บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด สร้างปรากฎการณ์ความเร้าใจครั้งใหม่ เร่งไปให้ถึงขีดสุดกับ R15 Connected 2023 กับสีใหม่ Aggressive Gray สีเทา เท่ ดุดัน สปอร์ตในทุกองศามาพร้อมกับ แอโรไดนามิกเอกลักษณ์เฉพาะจากตระกูล R-Series สำหรับ New R15 Connected มาพร้อมกับขุมกำลัง 155 ซีซี พร้อมระบบ VVA ระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ ที่พร้อมตอบสนองทุกการบิดคันเร่งด้วยเกียร์สปอร์ต 6 สปีด พร้อมระบบ แอสซิสต์สลิปเปอร์คลัตซ์ช่วยลดแรงกระชากล้อหลังขณะลดเกียร์ ให้อารมณ์การขับขี่เร้าใจแบบเดียวกับซูเปอร์สปอร์ตรุ่นใหญ่ รวมถึง ระบบกันสะเทือนหน้าด้วยโช้คหัวกลับ ดูดซับแรงกระแทกได้อย่างดีเยี่ยม ควบคุมการเข้าโค้งอย่างมั่นใจ นอกจากนี้ โมเดลปี 2023 ยังโดดเด่นล้ำสมัยด้วย ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ Twin-Eyes พร้อมไฟ Mono Focus LED ทรงสปอร์ตดุดัน สว่างชัดทุกการขับขี่ โดยมาพร้อมกับดีไซน์แฟริ่งใหม่ เอกลักษณ์ R-Series ช่วยเพิ่มท็อปสปีด มาพร้อมกับสีใหม่ อีกทั้งยังล้ำสมัยยิ่งขึ้นด้วย Y-Connect แอปพลิเคชันเชื่อมต่อชีวิตสมาร์ทสุดล้ำ รับรู้ข้อมูลรถ และการขับขี่ของคุณได้บนมือถืออย่างง่ายดาย สำหรับโมเดลรุ่นนี้ มาพร้อมกับสีสันสุดเร้าใจมีให้เลือกด้วยกัน 3 สี คือ สีเทา Aggressive Gray, สีน้ำเงิน Icon Blue และ สีดำ Tech Black โดยพร้อมวางจำหน่ายในราคาแนะนำที่ 118,000 บาท นอกจากนี้ยามาฮ่ายังได้เตรียม อุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มความโดดเด่นเฉพาะตัวยิ่งขึ้นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ชุดกันล้ม แผ่นเรซิ่นกันฝาถังน้ำมัน สติ๊กเกอร์กันรอยถังน้ำมันลายคาร์บอน ชุดมือเบรก-มือคลัตซ์สีดำ/ทอง หากใครที่สนใจสามารถชมได้ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263- 9999 สามารถติดตามความเคลื่อนไหวและข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่ www.yamaha-motor.co.th Facebook : Yamaha Society Thailand Instagram : @YamahaSocietyThailand YouTube : Yamaha Society Thailand Line OA : @yamahasociety อ่านข่าวอื่นๆ จาก Yamaha คลิกที่นี่ อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Solar Proud 125 ราคา สเปค แฟมิลี่ไบค์คลาสสิก Solar Proud 125 แฟมิลี่ไบค์รุ่นใหม่จากค่าย Solar ในพิกัด 125 ซีซี. พร้อมการดีไซน์แบบคลาสสิก เรียบหรู ดูดีอย่างลงตัว ในคอนเซ็ปต์ PAVE YOUR OWN WAY ใช้ชีวิตให้ PROUD ในแบบคุณ ราคาแนะนำ 42,900 บาท เรือนไมล์ดิจิทัล LCD แสดงผลฟังก์ชันครบครัน พร้อมลูกเล่นกับสีหน้าจอในเวลาเปลี่ยนเกียร์ ระบบไฟส่องสว่าง Full LED ช่องเก็บของอเนกประสงค์ โช้คน้ำมัน ฝั่งประกับซ้าย เบาะชิ้นเดียวตอนยาว ที่แขวนหมวกด้านข้าง Solar Proud 125 ราคา สเปค และรายละเอียดอื่นๆ เครื่องยนต์ สูบเดียว ระบายความร้อนด้วยอากาศ ปริมาตรกระบอกสูบ 123.7 ซีซี แรงม้า (เคลม) 8.16 แรงม้าที่ 8,000 รอบ แรงบิด (เคลม) 8.8 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบ ระบบวาล์ว SOHC 2 วาล์วต่อสูบ ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก 54 x 54 ม.ม. อัตราส่วนการอัด 8.4 : 1 ระบบเกียร์ ธรรมดา แบบ 4 เกียร์วน ระบบจุดระเบิด CDI ระบบจ่ายเชื้อเพลิง คาบูเรเตอร์ ระบบสตาร์ท สตาร์ทมือและสตาร์ทเท้า ระบบคลัตช์ คลัตช์แบบเปียกหลายแผ่นซ้อนกัน ระบบส่งกำลังสุดท้าย โซ่ ยางหน้า 60/90-17 แบบไม่ใช้ยางใน ยางหลัง 70/90-17 แบบไม่ใช้ยางใน ระบบกันสะเทือนหน้า โช้คคู่ เทเลสโคปิก ระบบกันสะเทือนหลัง โช้คสปริงคู่ เบรกหน้า (เบรค) ดิสก์เบรก เบรกหลัง ดรัมเบรก กว้าง X ยาว X สูง 785 X 1,930 X 1,220 ม.ม. ระยะฐานล้อ NA ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ NA ความสูงเบาะ NA น้ำหนักรถ 93 ก.ก. ความจุถังน้ำมัน 3.5 ลิตร ประเภทของน้ำมันที่เติมได้ 91,95 และ E10 เทคโนโลยี ไฟหน้า LED เรือนไมล์ดิจิตอล สีสันที่มีจำหน่าย รุ่น Solar Proud 125 อ่านบทความรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ รีวิว Solar Proud 125 แฟมิลี่ไบค์ เรียบหรู ดูดีอย่างลงตัว อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

PCX160 2023 สีใหม่ พร้อมรุ่นพิเศษ Midnight Race Edition เรียกว่าเอาใจวัยรุ่นอย่างไม่หยุดพักเลยทีเดียว กับค่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ปล่อยโมเดล New PCX160 2023 พร้อมกับอัปเดตสีใหม่ล่าสุด ทั้งรุ่น Standard, รุ่น ABS และรุ่นพิเศษลิมิเต็ดอิดิชันอย่าง New Pcx160 Midnight Race Edition มาให้ชม ได้เลือกกันแบบจุใจทีเดียว สำหรับโมเดลล่าสุด เมื่อเทียบกับรุ่นเจ็นก่อน ๆ ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก นอกจากชุดสีแฟริ่งและสีล้อที่ให้มาใหม่ พร้อมเสริมลุคสปอร์ตพรีเมียม ด้วยเพลทโลโก้ PCX สี Copper และเบาะสี Two Tone ในสไตล์เท่ ไม่ซ้ำใคร (รุ่น ABS) พร้อมกันนนี้ โมเดลลิมิเต็ดอิดิชัน มาพร้อมลวดลายใหม่ เร้าใจยิ่งขึ้น ในสี Blue-Black (น้ำเงินดำ) สะท้อนความสปอร์ต มาดเท่ สุขุมอย่างเต็มระดับ ที่จะพาคุณโลดแล่นบนท้องถนนในยามค่ำคืน เอาหล่ะ เกริ่นมามากพอแล้ว เดี๋ยวไปดูรายละเอียดว่าเจ้า PCX160 มีความพิเศษอย่างไรบ้าง และแน่นอน เจ้าโมเดลรุ่นนี้ กลับมาพร้อมขุมพลังใหม่ล่าสุดอย่าง eSP+ 4 วาล์ว พร้อมระบบ Piston Oiljet หรือระบบฉีดน้ำมันเครื่องใต้ลูกสูบ ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้มีประสิทธิภาพ พร้อมส่งกำลังอัดได้อย่างต่อเนื่อง สมูท ลื่นไหล ควบคู่ความประหยัดแบบเต็มขั้น สำหรับเครื่องยนต์ 4 จังหวะ 157 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีด PGM-FI แบบซิงเกิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ ให้กำลังการอัด 12 : 1 โดยมีแรงม้าสูงสุดที่ 15.8 แรงม้าที่ 8,500 รอบ และแรงบิดสูงสุดที่ 15 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบ กับน้ำหนักตัวรถที่ 131 กก. เรียกได้ว่าเครื่องแรงและเบาด้วยในพิกัดนี้ เสริมระบบกันสะเทือนด้วยโช้คหน้าเทเลสโคปิก โช้คหลังยูนิตสวิง ดิสก์เบรกหน้าที่แถมมากับระบบ CBS และ ดรัมเบรกหลัง รุ่น (Standard) และดิสก์เบรกหน้า-หลัง พร้อมระบบเบรก ABS (รุ่น ABS) พร้อมกับทำงานร่วมกับล้อแม็กหน้า 14 นิ้ว ล้อหลัง 13 นิ้ว และยางขนาด 110/70 และ 130/70 ต่อกันที่ฟีเจอร์ไฮไลท์ของโมเดลนี้กันบ้างในพิกัดนี้ พอส่องรอบคันก็ถือว่าทางค่ายให้มาเยอะเลยทีเดียว ทั้ง เบาะชิ้นเดียวดีไซน์ 2 ระดับ พื้นเก็บของใต้เบาะขนาดความจุ 30 ลิตร เรือนไมล์ดิจิทัล แสดงผลครบทุกฟังก์ชัน เช่น มาตรวัดความเร็ว นาฬิกา ความจุน้ำมัน เลขไมล์ และระบบ HSTC (ระบบป้องกันล้อหน้ายก) ช่วยในเรื่องของการทรงตัวรถและป้องกันไถลในเวลาขับขี่อีกด้วย อีกทั้งระบบส่องสว่างตัวรถเป็น LED รอบคัน ด้วยไฟหน้าดีไซน์เฉียบคม และไฟท้าย LED 3 มิติ สวย ล้ำสมัย พร้อมไฟเลี้ยวและระบบไฟฉุกเฉิน รวมถึงช่องเสียบ USB Type-C และ กุญแจรีโมทอัจฉริยะ ควบคุมการทำงานที่สั่งง่าย เพียงบิดสวิตช์ ยังรวมไปถึง กิมมิกเล็ก ๆ กับไฟสวิตซ์ที่ออกแบบให้น่าดู น่าสนใจมากยิ่งขึ้น สำหรับ PCX160 2023 มีจำหน่ายทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่รุ่น Standard (WW160P TH) มีจำหน่าย 3 สีคือ สีดำ สีขาว-ดำ และ สีน้ำเงิน-ดำ เปิดราคาแนะนำที่ 87,400 บาท รุ่น Standard ราคา 87,400 บาท รุ่น ABS (WW160AP TH) มีจำหน่าย 2

VESPA GTS SERIES ซีรี่ย์สกู๊ตเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุด จากค่ายอิตาลี “เวสป้า” เปิดตัวพรีเมียมสกู๊ตเตอร์เจนเนอร์เรชันล่าสุดจากตระกูลจีทีเอส ดีกรีสกู๊ตเตอร์ตัวท็อประดับมาสเตอร์พีช กับ VESPA GTS SERIES นำเสนอภาพจำครั้งใหม่ที่โดดเด่นกว่าเดิม ทั้งตัวตน สไตล์ และคาแรคเตอร์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผสานเข้ากับเครื่องยนต์ทรงสมรรถนะเอกสิทธิ์เฉพาะสกู๊ตเตอร์จากกลุ่มพิอาจิโอ พร้อมทลายขีดจำกัดของการขับขี่รูปแบบเดิม ๆ สู่อิสระแห่งการขับขี่ครั้งใหม่อย่างมีสไตล์ สำหรับโมเดลซีรี่ย์ล่าสุด ถูกออกแบบภายใต้คอนเซปต์ UNSTOPPABLE GREATNESS ที่สุดแห่งประสบการณ์การขับขี่ กับสกู๊ตเตอร์ตระกูลจีทีเอส (GTS) พร้อมสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จ และไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่น ไม่เหมือนใคร ซึ่งโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่คลาสสิก และความยูนีคอันเป็นสไตล์ระดับตำนานผ่านมิติตัวรถ นอกจากนี้ เวสป้ายังให้ความสำคัญกับการออกแบบตามหลักการยศาสตร์ สร้างความสะดวกสบายสูงสุดแก่ผู้ขับขี่ในทุกสรีระ ทั้งดีไซน์ตัวรถให้มีขนาดใหญ่โอบรับกับผู้ใช้งาน เบาะนั่งแบบใหม่ที่เสริมท่วงท่าของผู้ขับขี่ และผู้โดยสารให้ผ่อนคลายยิ่งขึ้น รวมถึง ระยะของที่วางเท้ากับพื้นถนนที่ทำให้การขึ้น-ลง หรือควบคุมรถขณะหยุดนิ่งเป็นเรื่องง่าย พร้อมรับรองการขับขี่ระยะทางไกลอย่างมีประสิทธิภาพ GTS Super Sport 150 I-GET ABS มาพร้อมขุมกำลังทรงสมรรถนะ กับเครื่องยนต์ 150 I-GET ABS สูบเดียว และ 300 HPE (High Performance Engine) เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากพิอาจิโอ ซึ่งช่วยส่งกำลังอย่างเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และช่วยลดการเกิดมลพิษอีกด้วย นอกจากนี้ โครงสร้างด้านในยังคงมาตรฐานการผลิตด้วยโครงเหล็กทั้งคัน นอกเหนือจากการเป็นวัสดุที่ยั่งยืนแล้ว ยังสามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100% ในเรื่องความคงทน แข็งแรง ตอบโจทย์ผู้ขับขี่ได้อย่างไร้ที่ติ ด้านความความปลอดภัย ยังคงรูปแบบเลย์เอาท์แขนเดี่ยวแบบเดิม เปลี่ยนกันสะเทือนด้านหน้าใหม่ทั้งหมด ช่วยให้รถมีเสถียรภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในระหว่างที่ผู้ขับขี่ทำความเร็ว จะช่วยเสริมความสะดวกสบายให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้คล่องแคล่ว ตอบสนองการบังคับทิศทางได้อย่างใจ เพื่อทำให้ทุกการเดินทางคล่องตัวมากที่สุด แถมมาให้กับระบบไร้กุญแจ (Keyless system) ทำให้ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้อง ไขกุญแจเพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ เปิดเบาะที่นั่ง หรือล็อคคอรถแบบเดิมอีกต่อไป เพียงแค่ผู้ขับขี่นำรีโมทคอนโทรลใส่ไว้ในกระเป๋า โดย VESPA GTS SERIES โฉมใหม่นี้ คือการสะท้อนตัวตน และดื่มด่ำในคุณค่าของความสง่างาม ความดึงดูดใจ ความสดใหม่ และอิสระ นั่นจึงเป็นเหตุผลให้สกู๊ตเตอร์ในซีรี่ส์นี้มีให้เลือกถึง 3 รุ่นด้วยกัน ซึ่งแต่ละรุ่นก็ต่างสะท้อนจิตวิญญาณเฉพาะตัว และไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ได้อย่างชัดเจน โดยในซีรี่ส์นี้แบ่งออกเป็น 3 รุ่น ได้แก่ VESPA GTS SUPERSPORT 150 I-GET ABS สกู๊ตเตอร์มาดเท่ ตอบโจทย์ผู้หลงใหลสไตล์สปอร์ต VESPA GTS 300 HPE รุ่นคลาสสิก ที่มอบความเรียบง่ายแต่หรูหรา และ VESPA GTS SUPER TECH 300 HPE อัดแน่นด้วยสมรรถนะ และเทคโนโลยีสุดล้ำ รุ่น GTS SUPER SPORT 150 I-GET ABS สีเขียว Green Olive และสีดำ Black Opaco ราคา 166,900 บาท รุ่น GTS SUPER SPORT 150 I-GET ABS สีขาว White Innocenza ราคา 165,900 บาท GTS SUPER SPORT 150 I-GET ABS ที่ยกระดับการดีไซน์ไปอีกขั้น ให้คุณสัมผัสกับลุคสปอร์ตสุดโดดเด่นในทุกมิติ โฉบเฉี่ยวไปกับกราฟิกลายใหม่ และการตกแต่งด้วยสีดำรอบคันที่ผสานเข้ากับดีไซน์ของเบาะนั่งทรงสปอร์ตได้อย่างลงตัว และมาพร้อมความสะดวกสบายกว่าที่เคยด้วยระบบ Keyless System โดยมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว White Innocenza ราคา 165,900 บาท , สีดำ Black Opaco และสีเขียว Green Olive ราคา 166,900 บาท รุ่น GTS 300 HPE สีเบจ Beige Sabbia และสีเขียวมิ้นท์ Green

Scoopy Minions กับลวดลายสุดพิเศษ เพียง 6,000 คัน ในราคา 5.5 หมื่นบาท ไทยฮอนด้าเอาใจกระแสตอบรับที่ล้นหลาม หลังเปิดตัวรถรุ่น Limited Edition ไปหมาด ๆ เมื่อต้นปีที่ผ่านมากับ Scoopy Minions Limited Edition โมเดลใหม่ล่าสุด ที่พร้อมวางจำหน่ายให้ทุกท่านได้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้ เพียง 6,000 คัน พร้อมหมวกกันน็อกดีไซน์สุดพิเศษ ด้วยราคาแนะนำที่ 55,000 บาทเท่านั้น ปลดปล่อยความสนุก ความน่ารัก ไปกับรุ่นลิมิเต็ด อิดิชันกับดีไซน์ที่มาในคอนเซปต์ Finding the Iconians โชว์ความเป็นตัวป่วนผ่านตัวการ์ตูน “มินเนียน” คาแรคเตอร์จอมกวนชวนจั๊กจี้ชื่อดังระดับโลก ที่จะลากออกไปสนุกซ่า พาไปป่วนเมืองแบบฉบับ Iconians ทั้งนี้ ตัวรถยังถ่ายทอดความป่วนปนความน่ารัก ด้วยลวดลายที่สะดุดตา พร้อมให้ฟีลลิ่งสนุกทุกการขับขี่ พร้อม Soft Emblem ชื่อรุ่น Scoopy สีฟ้าสดใส และนอกจากนี้ โมเดลรุ่นี้นี้ยังมาพร้อมกับหมวกกันน็อกดีไซน์พิเศษ สีดำคาดเหลือง ลายดวงตามินเนี่ยน โดดเด่นทุกครั้งที่สวมใส่ มิกซ์กับตัวรถได้ลงตัวสุด ๆ นอกจากลวดลายที่สะดุดตาแล้ว ยังมาพร้อมกับ ไฟหน้า LED ที่เป็น ICONIC เฉพาะ พร้อมการเชื่อมต่อได้ไม่มีสะดุดกับ USB Socket ช่องชาร์จไฟสำรอง Type A และ Helmet In U-Box ช่องเก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ พร้อมถังน้ำมันขนาด 4.2 ลิตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ใหม่ eSP New Generation หัวฉีด PGM-FI ให้ขับขี่สนุกยิ่งกว่าที่เคย ออกไปซ่า มันส์ป่วนเมืองได้แล้ววันนี้ กับสกูปี้ มินเนียนรุ่นลิมิเต็ด อิดิชัน (สีดำ-เทา) รุ่น Prestige ล้อแม็ก พร้อม Minions Helmet หมวกกันน็อกดีไซน์พิเศษสีดำคาดเหลืองลายดวงตามินเนี่ยนด้วยราคาแนะนำที่ 55,500 บาท ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th เฟสบุ๊ครถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondamotorcyclethailand อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Honda คลิก อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก