SuperBikeMag.Com ข่าวมอเตอร์ไซค์ รีวิวมอเตอร์ไซค์ รถจักรยานยนต์ บิ๊กไบค์

สภาพจราจรปีใหม่ 2569 เช็กเส้นทางรถติดและเวลาที่ต้องเผื่อ

อัปเดตสภาพจราจรล่าสุด 29 ธ.ค. 68 ถนนมิตรภาพ พระราม 2 สายเอเชีย ต้องเผื่อเวลากี่ชั่วโมงก่อนเดินทางกลับภูมิลำเนาปีใหม่ เช็กเลย

BYD SHARK 6 DMO กระบะไฮบริด คาดราคาไทย 1.69 ล้านบาท

BYD SHARK 6 มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ ทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว (หน้า-หลัง) ให้กำลังรวมสูงสุดถึง 436 แรงม้า และแรงบิด 650 นิวตันเมตร

สภาพจราจรปีใหม่ 2569 เช็กเส้นทางรถติดและเวลาที่ต้องเผื่อ

อัปเดตสภาพจราจรล่าสุด 29 ธ.ค. 68 ถนนมิตรภาพ พระราม 2 สายเอเชีย ต้องเผื่อเวลากี่ชั่วโมงก่อนเดินทางกลับภูมิลำเนาปีใหม่ เช็กเลย

มอเตอร์ไซค์

  • All Posts
  • ข่าวมอเตอร์ไซค์
Goldwing GL1000 1975 ตำนานทัวริ่งตัวพ่อ จากแดนไซตามะ

Goldwing GL1000 1975 ตำนานทัวริ่งตัวพ่อ จากแดนไซตามะ เจอรถแรงมันจะว้าวเท่ารถตำนานจริงหรือ ? คำตอบนี้อาจมีในใจหลาย ๆ คน ซึ่งเดาว่าไม่ใช่คำตอบในทิศทางเดียวกันแน่นอน เพราะฉะนั้น..แอดไม่ขอฟันธง (ฮ่าๆ) แต่ครั้งนี้จะพาบินลัดฟ้า ข้ามทวีปสู่ดินแดนตาน้ำข้าวของยุโรปมาชมโมเดลที่น่าสนใจภายในงาน London Motorcycle show 2025 ที่จัดขึ้นในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา กับโฉมตำนานซุปเปอร์ทัวเรอร์ต้นฉบับรถเดินทางที่ใหญ่ที่สุด Goldwing GL1000 1975 จัดมาโชว์ให้แฟน ๆ สองล้อได้เห็นให้หายคิดถึงกันแล้ว  มองผ่านแว้บแรกคือ..โอ้วว้าว เฟิร์สอิมเพรสชันในความสวยงามพรีเมียมรุ่นนี้ก็พาตกหลุมรักซะแล้ว ด้วยความที่เป็นมอเตอร์ไซค์แห่งยุคเจ็นแรก ๆ และเป็นต้นกำเนิดของเจ้าโกลวิงค์ไฮเทคบล็อกเครื่อง 6 สูบในปัจจุบัน สำหรับเรื่องของการดีไซน์ของเจ้ารุ่นนี้ต้องบอกว่าออกแบบคล้ายคลึงกับเจ้า CB750 ซูเปอร์ไบค์คันแรกของทางค่ายไว้หลายประการทั้ง ไฟกลมคลาสสิก หัวฉีดคาร์บู ถังหยดน้ำ หน้าปัดอนาล็อกและชิ้นส่วนโครเมียม ใช้เฉดสีย้อนยุคสวมเบาะหนัง ที่แอบให้กลิ่นอายถึงความเป็นร็อคสตาร์ในปี 60 แม้ไม่ใช่รถต้นดกำเนิดจากยุโรปแท้ ๆ ก็เถอะ แต่ในความเหมือนก็มีความต่าง โดยเฉพาะเจ้าทัวร์เรอร์รุ่นนี้จะใช้เครื่องยนต์ 4 สูบบ็อกเซอร์ ขนาด 999 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ใช้ระบบเกียร์ 5 สปีดขับเคลื่อนด้วยเพลาขับที่ให้กำลังแรงม้าถึง 80 แรงม้าที่ 7,500 รอบ แรงบิด 82 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบ ต่างกันกับเครื่องยนต์สี่สูบเรียงของเจ้า CB750 ต้นแบบของโมเดลฮอนด้าในปัจจุบัน และทั้งนี้ทั้งนั้นในเรื่องของความสะดวกสบายที่ออกแบบมาให้กับรถลักษณะทรงยาว เบาะต่ำ แฮนด์สูง นั่งแล้วหลังตรง ขี่สบายแต่ก็อาจจะแอบร้อนขาหน่อย ๆ ถ้าหากไม่มีอะไรป้องกัน (พูดเหมือนจะได้ขี่งั้นแหล่ะ) ขณะที่ช่วงล่างออกแบบมาได้อย่างเหมาะเจาะ กับโช้คเทเลสโคปิกด้านหน้า และโช้คสปริงคู่ด้านล่าง ระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกคู่ 296 มม. (ปั้ม 2 ลูกสูบ) ดิสก์เบรกเดี่ยว 300 มม.ด้านหลัง ล้อหน้า 19 ล้อหลัง 17 นิ้ว แบบซี่ลวด รัดด้วยยางแบบใช้ยางในตามฉบับคลาสสิกยุคก่อนมาให้นั่นเอง  ซึ่งในตลาดมือสองยังคงมีจำหน่ายให้เห็นบ้าง แต่ถ้าหากรุ่นปี 1975 ที่ถือว่าเป็นรุ่นบุกเบิกของรถมอเตอร์ไซค์นับว่าหาได้ยากมาก ๆ ในยุคนี้ ใครมีสะสมก็เก็บไว้ให้ดีทีเดียว ราคาคงแพงหูฉี่อย่างแน่นอน จะได้ไม่ต้องมางมหาให้ดูเหมือนแอดมินนะคร้าบ หากมีรถแรร์รุ่นไหนที่น่าสนใจ บอกแอดได้นะ..ไม่พลาดอย่างแน่นอน  อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

19 April 2025
ทาร์โดซซี่ ยัน มาร์ก มาร์เกซ จะเป็นตัวอันตรายของ MotoGP ไปอีกหลายปี

ทาร์โดซซี่ ยัน มาร์ก มาร์เกซ จะเป็นตัวอันตรายของ MotoGP ไปอีกหลายปี มาร์ก มาร์เกซ นักแข่งเจ้าของหมายเลข 93 ในการแข่งขัน MotoGP ซึ่งในฤดูกาล 2025 ก็เป็นขวบปีแรกที่เจ้าตัวได้ย้ายเข้าไปสู่ทีมโรงงานของ Ducati Lenovo Team อีกทั้งยังสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงสมฐานะของการเป็นเจ้าของแชมป์โลก 8 สมัย และ ‘ตัวเต็ง’ แชมป์ในฤดูกาลปัจจุบันจนกระทั่งที่ว่าบอสของดูคาติอย่าง ดาวิเด้ ทาร์โดซซี่เชื่อว่า มาร์เกซเวอร์ชันนี้คือเวอร์ชันที่ดีที่สุด “มาร์ก มาร์เกซ จะเป็นตัวอันตรายของโมโตจีพีไปอีกสี่ห้าปี” ประโยคดังกล่าวออกมาจากผู้จัดการทีมของ Ducati Lenovo Team อย่าง ดาวิเด้ ทาร์โดซซี่ที่ออกอาการภาคภูมิใจนักแข่งคนใหม่ของทีมอยู่ไม่น้อย เพราะเจ้าของแชมป์โลก 8 สมัยรายนี้เริ่มต้นภารกิจล่าแชมป์โลกปี 2025 กับทีมโรงงานดูคาติอย่างร้อนแรง โดยคว้าชัยชนะในทุกการแข่งขันสปรินต์ทั้ง 4 สนาม และชนะถึง 3 จาก 4 เรซหลักที่เปิดฤดูกาล ชัยชนะในรายการกาตาร์ กรังด์ปรีซ์ ทำให้เขาขึ้นเป็นผู้นำคะแนนสะสม โดยมีคะแนนนำ อเล็กซ์ มาร์เกซ จากทีม Gresini อยู่ 17 แต้ม ขณะที่ฟรานเชสโก้ บัญญาญ่า เพื่อนร่วมทีมโรงงานตามอยู่ 26 แต้มหลังจบ 4 สนาม อีกทั้งทาร์โดซซี่ยังออกมาเผยอีกว่า ตอนนี้โรงรถของดูคาติมีทั้ง “ราชาและเจ้าชาย” แห่งโมโตจีพี “มาร์คทำเวลา 1 นาที 52.5 วินาที และ 1 นาที 52.6 วินาที ก่อนจบการแข่งขันเพียง 4-5 รอบ มันแสดงให้เห็นว่าใครคือราชาตัวจริง ในความเห็นของผม แบรนด์ของเรามีทั้งราชาและเจ้าชายในโมโตจีพี เพราะเรามีแชมป์โลก 11 สมัยอยู่ในพิตเดียวกัน” “มันเป็นไปได้ที่มาร์เกซจะชนะทุกรายการที่เหลือในปี 2025 แต่อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าเป็คโก้จะคว้าชัยชนะได้ในบางสนาม โดยเฉพาะเพราะมาร์เกซในตอนนี้มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และเข้าใจแล้วว่า บางครั้งการจบอันดับสองก็ไม่เป็นไร หากมันเสี่ยงเกินไป” “เขารู้ดีว่าเขาต้องคว้าแชมป์โลกให้ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือการไปถึงเป้าหมายนั้นให้ได้ แล้วหลังจากนั้นเขาจะทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ” “มาร์คในวันนี้ดีกว่าเดิมมาก และผมเชื่อว่าเขาจะยังเป็นตัวอันตรายได้อีกสี่ถึงห้าปีข้างหน้า” “อย่างไรก็ตาม เรารู้ว่าเราสามารถพึ่งพานักแข่งชั้นยอดได้สองคน และเราก็รู้สึกพอใจมากกับเรื่องนี้” เจ้าของแชมป์โลก 8 สมัยรายนี้ และฟรานเชสโก้ บัญญาย่าจะลงแข่งขันในสนามที่ห้าของฤดูกาลที่ประเทศสเปน ในช่วงระหว่างวันที่ 25 เมษายน – 27 เมษายนนี้ อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

18 April 2025
  • All Posts
  • ข่าวมอเตอร์ไซค์
มาเวอริค บีญาเลส มั่นใจ! ปรับตัวกับ KTM ได้ดีขึ้นทุกวัน

มาเวอริค บีญาเลส มั่นใจ! ปรับตัวกับ KTM ได้ดีขึ้นทุกวัน มาเวอริค บีญาเลส นักแข่งรายใหม่ล่าสุดจากทีม Redbull KTM Tech3 ออกมาเผยว่าการทดสอบในช่วง Pre-Season Test ของการแข่งขัน MotoGP ในช่วงที่ผ่านมานั้น มันกำลังแสดงให้เห็นว่าตัวเขากับรถแข่ง RC16 สามารถเข้ากันได้ดี และมีการพัฒนาได้ดีมากยิ่งขึ้น  แม้ในการทดสอบ Pre-Season Test ที่จังหวัดบุรีรัมย์เมื่อวันที่ 12-13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมรรถนะของ KTM RC16 เหมือนจะมีปัญหาการสึกของยางอย่างรุนแรงในการวิ่งทดสอบระยะยาวที่สนามบุรีรัมย์ โดยยางจะมีปัญหา แต่ก็ไม่สามารถกระทบกับฟอร์มการขับขี่ของ ‘TopGun’ ได้ เพระาดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะสามารถพัฒนาลีลากับขับขี่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในวันสุดท้ายของการทดสอบ ด้วยการขี่ RC16 ของทีม Redbull KTM Tech3 ขึ้นมาจบในอันดับที่ 9 ของตารางเวลารวมในการทดสอบวันสุดท้าย โดยบีญาเลสมองว่ากาปรับตัวเป็นไปได้ดี และคิดว่าการขับขี่ของเจ้าตัวเข้าใกล้กับดาวรุ่งของทีมอย่าง เปโดร อคอสต้า ไปทีละก้าว  “การปรับตัวของผมกับรถเป็นไปได้ดี อีกทั้งพวกเรายังเข้าใกล้กับ KTM คันที่เร็วที่สุดไปทีละก้าวทุกวัน ซึ่งผมมองว่ามันไม่ง่ายอย่างแน่นอน มันเป็นรูปแบบการขับขี่ที่แตกต่างออกไปมาก แต่ถึงอย่างไรก็ตามแต่ ผมมองว่าตอนนี้พัฒนาการก็กำลังเกิดขึ้น” “ดังนั้นทุกครั้งที่ผมขี่ ผมก็รู้สึกดีขึ้นเรื่อย ๆ กับตัวรถ”  “ตอนนี้พวกเรากำลังจริงจังกับการจำลองการสปรินท์ระยะยาว และได้ทดลองขี่แบบ flying lap ถึงสองรอบเพื่อให้ผมสามารถเข้าใจตัวรถได้ดีมากยิ่งขึ้น” บีญาเลสยังเสริมอีกว่าการทดสอบที่บุรีรัมย์ในครั้งนี้ดูเป็นไปในทางบวกมากกว่าการทดสอบแรกที่สนามเซปัง เพราะเจ้าตัวมีเวลามากพอที่จะทำความเข้าใจในตัวแข่ง RC16 มากขึ้นเรื่อย ๆ  “ผมพอใจกับการทดสอบครั้งนี้มากกว่าครั้งก่อน (ที่สนามเซปัง)”  “ซึ่งการพอใจครั้งนี้มันทำให้ผมสามารถขี่รถได้เร็วขึ้น อีกทั้งทีมยังมีแรงจูงใจสูงมาก พวกเขาสามารถทำงานได้ดีจริง ๆ โดยเฉพาะการเลือกสิ่งที่ถูกต้องในการทดสอบ เพราะพวกเราพยายามโฟกัสกับสิ่งที่ต้องปรับปรุงอยู่เสมอ และคิดว่าในช่วงแรกของฤดูกาลจะเป็นช่วงของการปรับตัว” “ดังนั้นผมจึงต้องอดทน และเชื่อมั่นในกระบวนการนี้ต่อไป” บีญาเลสจะลงแข่งขันอย่างเป็นทางการกับทีม Redbull KTM Tech3 ในการแข่งขันนัดเปิดสนาม MotoGP ในรายการ PT Grand Prix of Thailand 2025 ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคมนี้ อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

สองล้อฝันสลาย Nürburgring ห้ามมอเตอร์ไซค์ลงขับขี่ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย

สองล้อฝันสลาย Nürburgring ห้ามมอเตอร์ไซค์ลงขับขี่ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย Nürburgring (นูร์เบอร์กริง) สนามที่ได้รับตำแหน่ง ‘โหดสุด’ แห่งวงการรถซิ่ง โดยสนามนี้ตั้งอยู่ที่เมืองเนือร์บวร์ค ประเทศเยอรมนี เป็นสนามที่เหล่าผู้หลงใหลในความเร็วทั้งสี่ล้อ และสองล้อเองก็ต่างที่จะใฝ่ฝันนำรถของตัวเองเข้าเหยียบพื้นที่นั่นสักครั้ง แต่สำหรับชาวไบค์เกอร์น่าจะทำได้แค่จินตนาการแล้ว เพราะประกาศล่าสุดของสนามแข่งในตำนานแห่งนี้จะเปิดให้เฉพาะรถยนต์เท่านั้น โดยให้เหตุผลด้านความปลอดภัย นูร์เบอร์กริงออกกฎใหม่ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ที่คาดว่าน่าจะสะเทือนชาวสองล้อไม่น้อย โดยเป็นครั้งแรกที่สนามแข่งขันชื่อดังของเยอรมนีแห่ง ‘สั่งห้ามมอเตอร์ไซค์เข้าร่วมการแข่งขันด้วยรถสาธารณะ’ หรือ Touristenfahrten Touristenfahrten คืออะไร Touristenfahrten (อ่านว่า “ทัวริสเทนฟาร์เทน”) เป็นคำในภาษาเยอรมันแปลตรงตัวว่า การขับขี่ของนักท่องเที่ยว โดยกิจกรรมนี้คือการที่สนามแข่งแห่งนี้จะมีช่วงเวลาที่เปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถนำรถส่วนตัวมาขับบนสนามได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเป็นนักแข่งมืออาชีพ โดยการวิ่งต่อรอบจะไม่มีการจับเวลาอย่างเป็นทางการ ซึ่งหมายความว่าผู้ขับขี่ที่เข้ามาร่วมกิจกรรมนี้สามารถขับขี่ได้อย่างไม่ต้องรีบร้อนอะไร เก็บประสบการณ์ในสนามได้เต็มที่ หรือจะอยากทดลองการทำเวลาต่อรอบก็ย่อมทำได้ แต่ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัย อาทิ ไม่ขับขี่แบบอันตราย หรือการแซงแบบผิดกฎ  ซึ่งการเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวนี้สามารถร่วมได้ทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ เพียงแค่เสียค่าธรรมเนียมต่อรอบเพียง 30 ยูโร ตีเป็นเงินไทยราว ๆ 1,1000 บาท (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ก็สามารถร่วมสร้างตำนานบนสนามแข่งแห่งนี้ได้แล้ว และที่สำคัญต้องปฏิบัติตามกฎของสนามแข่ง สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของกิจกรรมนี้ได้ที่นี่ (คลิ๊ก) สั่งห้ามมอเตอร์ไซค์ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย จากคลิปวิดีโอด้านบน  ถ้าดูแล้วก็คงไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรต่อ และกิจกรรมนี้สำหรับชาวสองล้อคงต้องสิ้นสุดไว้เพียงเท่านี้เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัยที่สนามมีต่อนักท่องเที่ยวทุกคน เพราะการลงขับขี่ในสนามแต่ละรอบ รถยนต์ และรถจักรยานยนต์จะลงสนาม และขับขี่พร้อมกัน และแน่นอนว่าเกิดอุบัติเหตุนับครั้งไม่ถ้วนสำหรับรถยนต์ และรถยนต์จักรยานยนต์ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุให้ต้องยกเลิกในการให้รถจักรยานยนต์ลงขับขี่ในกิจกรรมนี้ “พลวัตการขับขี่ที่แตกต่างกันระหว่างรถสองล้อและสี่ล้อ อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดและเพิ่มความเสี่ยง โดยเฉพาะสำหรับนักบิดมอเตอร์ไซค์ เพื่อให้ประสบการณ์ขับขี่ปลอดภัยขึ้นสำหรับทุกคน ตั้งแต่นี้ไป รถยนต์และมอเตอร์ไซค์จะถูกแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง” ซึ่งหมายความว่าหลังจากนี้เป็นต้นไปการขับขี่ด้วยรถสาธารณะภายในสนามจะถูกเปิดให้เฉพาะรถยนต์เพียงเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามแต่เหล่าไบค์เกอร์ทั้งหลายก็ยังสามารถขับขี่บนสนามได้ แต่จะถูกจำกัดให้เข้าร่วมเฉพาะการขับขี่แบบ ‘Guided Rides’ หรือการขับขี่แบบมีผู้ดูแลภายใต้การฝึกอบรมที่จัดขึ้นโดยมืออาชีพเท่านั้น อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Pirelli วางแผนอาวุธ ลุยสนามแรก WSBK 2025

Pirelli วางแผนอาวุธ ลุยสนามแรก WSBK 2025 Pirelli วางแผนอาวุธ สนามแรก..พร้อมยืนยันผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมสำหรับยางที่ใช้ในการทดสอบ Pre-Season Test ที่ฟิลิปส์ ไอซ์แลนด์ พร้อมโชว์ผลงานเด่นกับ Best Lap ดีที่สุดโดย Nicolo Bulega (WorldSBK) และ Bendsneyder (WorldSSP) จากข้อมูลการทดสอบ Pre-Season Test ที่สนามฟิลิปส์ ไอซ์แลนด์ที่ผ่านมา นักแข่งส่วนใหญ่สามารถจบเวลาต่อรอบด้วยดี ด้วยการใช้ยางหน้ามิเดียม SC1 และยางฮาร์ด SC2 จับคู่ยางซอร์ฟด้านหลัง SC0 รวมถึงยางมิเดียมโปรโตไทป์ 2 รุ่นใหม่ D0286 และ D0922 ในขณะที่รุ่น WorldSSP ใช้เนื้อยางเช่นเดียวกันก็คือ SC1 มิเดียม และยางฮาร์ด SC2 ส่วนยางหลังเป็นรุ่นพัฒนาเฉพาะอย่าง A1128 มิเดียมเพียงออปชันเดียว ยางโปรโตไทป์ D0922 ลงทดสอบครั้งแรก New rear for WorldSBK สำหรับเจ้า D0922 เป็นยางหลังรุ่นโปรโตไทป์ที่ใช้ทดสอบที่นี่เป็นครั้งแรก เมื่อเปรียบเทียบกับยาง SC1 มิเดียมและ D0286 (เปิดตัวครั้งแรกไปเมื่อปีที่แล้ว) ทั้งสองรุ่นจะมีโครงสร้างและเนื้อยางต่างกัน โดยยาง D0922 คุณสมบัติให้ความทนทานพิเศษ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการแข่งขันที่จะต้องรีดสมรรถนะยางให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งนักแข่งต่างพึ่งพอใจ และชื่นชอบความเสถียรภาพของยางรุ่นนี้ Bulega – Bendsneyder สุดยอดนักบิด No.11 กับ Best Lap ด้วยยาง Pirelli Nicolo Bulega Bo Bendsneyder สุดคึกคักสำหรับการเทสทดสอบเมื่อช่วงปลายวีคที่ผ่านมา โดย 2 นักบิดคู่คลาสที่ขึ้นนำหัวแถวอย่าง Nicolo Bulega #11 (Aruba.it Racing – Ducati) เหมาอันดับหัวตารางพร้อมผลเวลาทดสอบดีสุดที่ 1:28.680 นาที ใน Session 3 ส่วนอีกคนที่ทำเวลาดีสุดในคลาสรองลงมาก็คือ Bo Bendsneyder #11 (MV Agusta Reparto Corse) รุ่น WorldSSP กับผลเวลาดีสุดที่ 1:31.595 นาทีใน Session 4 การแข่งขันแบบ Flag-to-Flag เนื่องด้วยผิวแทร็กที่ปรับสภาพใหม่ ทางผู้จัดอย่างดอร์น่าจึงได้ประกาศสำหรับการแข่งขันแบบ Flag-to-Flag โดยนักแข่งทุกคนจะต้องเข้าพิทในระหว่างแข่งขันเพื่อเปลี่ยนยาง และยางที่ใช้จะต้องรองรับการสวิงของอุณหภูมิที่รวดเร็ว ทุกการตัดสินใจจะเป็นตัวกำหนดว่าใครจะใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ และใครจะพลาดโอกาสสำคัญ Pirelli แสดงความพึงพอใจต่อการทดสอบและผลงานของทีมและนักแข่ง โดยกล่าวว่า : “เราพอใจกับงานที่ทีมและนักแข่งทำในระหว่างการทดสอบสองวัน แม้จะทราบดีว่า การแข่งขันจะถูกจัดขึ้นในรูปแบบ Flag-to-Flag ซึ่งนักแข่งต้องเข้าพิทเพื่อเปลี่ยนยาง แต่นักแข่งหลายคนยังคงใช้ยางเดิมวิ่งต่อไปได้นานเกินกว่าจำนวนรอบที่กำหนดสำหรับการแข่งขันจริง แม้ว่าจะไม่ได้วิ่งต่อเนื่องกันตลอด แต่พวกเขายังสามารถเข้าและออกจากพิทได้อย่างต่อเนื่องเพื่อทดสอบยางในสถานการณ์ต่าง ๆ” “โซลูชันยางทั้งหมดที่เราให้ทดสอบ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามี สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ไม่มีสัญญาณของการสึกหรอผิดปกติ ซึ่งเป็นเหตุผลที่เรายืนยันให้ใช้ยางเหล่านี้ในการแข่งขันจริง ควรสังเกตว่าอุณหภูมิของแทร็กในช่วงสองวันนี้ค่อนข้างต่ำ แต่เราทราบดีว่า ความร้อนที่ฟิลิปส์ ไอซ์แลนด์ สามารถส่งผลต่อสมรรถนะของยางได้อย่างมาก อย่างไรก็ตาม เรารวบรวมข้อมูลที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะเกี่ยวกับยางหลังรุ่นใหม่ D0922 ซึ่งนักแข่งไม่เคยใช้มาก่อน และพวกเขาต่างชื่นชมสำหรับความเสถียรที่เพิ่มมากขึ้น” เราอาจได้เห็นสถิติใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในสนามนี้ รวมถึงสนามอื่น ๆ อีกมากมายด้วยยางพีเรลลี หากใครที่ต้องการความเร็ว แรงและการยึดเกาะที่ยอดเยี่ยม ยางรุ่นนี้..เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ “เราขายยางที่เราใช้แข่ง เราแข่งด้วยยางที่เราขาย” อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

  • All Posts
  • รีวิวและทดสอบ
ทดสอบ Yamaha MT-15 เด่น ดุ ดัน

อ่านบททดสอบของ Yamaha MT-15 เน็กเก็ตไบค์น้องเล็กที่ดุดันกว่า เร้าใจกว่า พร้อมแรงกว่าที่ผ่านมาจากค่าย Yamaha กับเรา SuperBike

24 June 2019
รีวิว ALL NEW CBR150R 2019 ปีกแห่งการเริ่มต้น!!

First Ride อีกครั้งกับการทดสอบรถสปอร์ตในคลาส 150 ซีซี ครั้งนี้ เรามาทดสอบ All new Honda CBR150R  2019 ตัวใหม่ล่าสุดจากทางค่ายปีกนก ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปไม่นานนี้เอง ในครั้งนี้ เราขี่กันแบบ Trip and Test ทดสอบไปด้วยท่องเที่ยวแบบทริปไปในตัว ถือว่าโอเคเลย ไม่ต้องซีเรียสที่จะขับช้าหรือไม่เร็วจนเกินไป จุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่เขาใหญ่ ระยะทางโดยรวมไป-กลับของการทดสอบนี้เฉลี่ย 200 กว่ากิโลเมตร ถ้านับจากเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร โดยเราเริ่มจาก กทม – เขาใหญ่ โดยจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มที่จะสลับกันขับ โดยมี พี่ฟิลม์ รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ Brand Ambassador A.P.Honda อดีตนักแข่ง MOTO 2 ที่จะเป็นคนนำขบวนAll new CBR150R 2019 ในครั้งนี้อีกด้วย เริ่มออกเดินทางจากศูนย์ขับขี่ปลอดภัยกรุงเทพ สุขาภิบาล3 ที่นี้ใครๆก็รู้จักเพราะเป็นจุดเริ่มต้นของใครหลายๆคน เส้นทางเดินทางผ่านถนนรามคำแหง สุวินทวงศ์ เส้นทางไม่ค่อยจะคุ้นหน้าคุ้นตาเท่าไร เพราะปกติแล้วเราจะเดินทางเส้นหลัก วิภาวดี สระบุรี เขาใหญ่ แต่ด้วยเหตุผลที่พวกเราจะตามรอยโฆษณาโปรดักส์ตัวซิ่งคันนี้ต้องไปทางนี้ นั้นก็คืออุโมงค์ทับลาน เป็นโลเคชั่นสำคัญที่เราจะได้เห็นสถานทีจริง ที่ถ่ายทำโฆษณาอีกด้วย เข้าเรื่องรีวิวกันหน่อย มาพูดถึงตัวภายนอกกันบ้าง – มาดูชุดแฟริ่งไฟหน้ากันก่อนเลย  Full LED ทรงสวย ดุดัน เหมาะสมลงตัวอย่างยิ่งในสายพันธ์ CBR ไม่แพ้รุ่นพี่แม้แต่น้อย ให้ความสว่างทั้งกลางวันและกลางคืน มองเห็นได้ชัดเจน – เรือนไมล์แบบ Full LCD Digital ล้ำสมัยที่มาพร้อมกับมาตรวัดความเร็วรอบเครื่องยนต์ อุณหภูมิความร้อน ไฟบอกเกียร์(โคตรชอบ) เพราะสำคัญส่วนหนึ่งเลยไม่ต้องไปหาใส่เพิ่ม Trip A B พร้อมกับคำนวนอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย ทำให้เรารู้ว่าต่อ 1 ลิตรวิ่งได้กี่กิโลเมตร – ถังน้ำมันขนาดใหญ่ ที่มีความจุขนาด 12 ลิตร สามารถเดินทางได้ไกลขึ้น รวมไปถึงรูปร่างของตัวถังน้ำมันมีความเรียว ทำให้ท่านั่งกระชับมากขึ้น สมแล้วสำหรับความเป็นรถสปอร์ต ท่านั่งและการขับขี่ – เบาะนั่งแบบ 2 ชิ้น หรือที่เราเข้าใจว่า 2 ตอน ให้ท่านั่งใหม่ดูสปอร์ตมากขึ้น ตามหลักแอโรไดนามิค ส่วนตัวที่ลองขับขี่ระยะทาง 50-60 กิโลเมตร หมอบบ้างตามสถานการณ์ก้มหัว ก็คอนโทรลรถได้คล่องตัวดีลมไม่ปะทะมากเท่าไร แต่สำหรับคนตัวเล็กหน่อยจะดีกว่านี้  บิดไม่พักก็เมื้อก้นเท่าไรนัก เบาะสบายๆนุ่มๆไม่ล้าเท่าไรครับผม ต่อด้วยช่วงล่างกันบ้างที่ได้ใส่ให้มากับรถคันนี้ – ในส่วนของโช้คหน้า สามารถที่จะปรับ Preload ได้หรือถ้าจะให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นก็คือ ปรับความแข็งอ่อนของสปริงได้ 5 มิลลิเมตร – ส่วนของโช้คหลังนั้น ได้ออกแบบโดยในมีตัว Pro-link จะเรียกให้เข้าใจได้ง่าย นั้นก็คือ กระเดืองโช้ค ที่จะทำหน้าที่ชดเชยแรงกระทำระหว่างตัวโช้คกับสวิงอาร์ม ทำให้ขับขี่ได้นุ่มนวมกว่าตัวเก่ามากหลายๆ เพราะทำให้ระยะยืดยุบตัวโช้คเพิ่มมากขึ้นทำให้ขับขี่ได้นุ่มนวมมากขึ้นอีกด้วย พร้อมกับสามารถปรับ Pre load ได้อีก 5 ระดับ โคตรคุ้ม ระบบเบรค + ล้อ – ล้อหน้า – หลัง มีขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์ 5 ก้าน ลักษณะคล้ายตัว Y ทำให้ได้อารมณ์สปอร์ตมากขึ้น รวมไปถึงระบบเบรคแบบดิสเบรคแบบคลื่น มีรอยยักตามจานดิส หน้า-หลัง ทำให้มีความสวยงาม ที่มาพร้อมกับตัว Sensor ABS และยังทำงานได้ดีอีกด้วย ส่วนตัวผมเองได้ทดลองใช้ ABS บนเส้นทางช่วงขึ้นเขาใหญ่ ที่ทำให้ต้องเบรคแบบกระทันหัน รู้สึกถึงความสเถียรดีจริง.. เทคโนโลยีขึ้นเฟรมรถแบบใหม่ – โครงสร้างเฟรมตัวรถคันนี้ถูกออกแบบใหม่กเวยระบบ CAE (Computer Aided Engineering) ที่ดีไซน์ออกมาเป็นเฟรมถัก ที่วัสดุเป็นเหล็กกล้าแข็งแรง และมีน้ำหนักเบา บาลานซ์ได้ดีตลอดทั้งคัน มาพูดถึงภายในหัวใจหลักสำคัญก็คือ “เครื่องยนต์” เครื่องยนต์ 1 สูบ ขนาดความจุ 150 ซีซี DOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ระบบเกียร์ที่มีถึง 6

13 June 2019

No Posts Found!

No Posts Found!

No Posts Found!

  • All Posts
  • ราคาและสเปครถมอเตอร์ไซค์
สเปค Dragster 300 2024 สกู๊ตเตอร์สายพันธุ์สปอร์ต จากอิตาลี

taljet Dragster 300 สปอร์ตสกู๊ตเตอร์พิกัด 300 ซีซี แบรนด์ดังจากอิตาลี ที่มาพร้อมดีไซน์โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมไปถึงช่วงล่างที่มีการออกแบบที่โดดเด่น โดยเฉพาะระบบกันสะเทือนหน้าที่ไม่เหมือนใคร ถูกใจสายซิ่งแน่นอน กับราคาแนะนำ รุ่น Standard Color ราคา 269,000 บาท และ รุ่น Malossi Color ราคา 289,000 บาท ​ หน้าจอสี TFT แสดงผลฟังก์ชันครบครัน ไฟท้าย LED ดีไซน์สปอร์ต ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโมเดล SuperBike ระบบกันสะเทือนหน้ากับ ซิงเกิ้ลอาร์ม ทำงานควบคู่กับระบบการบังคับเลี้ยวแบบอิสระ หรือ I.S.S. เครื่องยนต์ DOHC ขนาด 278 ซีซี ผ่านมาตรฐาน EURO 5 สเปค Dragster 300 2024 ราคา ข้อมูลและรายละเอียด เครื่องยนต์ สูบเดียว 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ปริมาตรกระบอกสูบ 278 ซีซี แรงม้า (เคลม) 23.8 แรงม้าที่ 8,250 รอบต่อนาที แรงบิด (เคลม) 26 นิวตันเมตรที่ 6,250 รอบต่อนาที ระบบวาล์ว DOHC 4 วาล์ว ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก 75.0 x 63.0 มม. อัตราส่วนการอัด NA ระบบเกียร์ ออโตเมติก ระบบจุดระเบิด Fuel Injection ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีด ระบบสตาร์ท สตาร์ทไฟฟ้า ระบบคลัตช์ คลัตช์แห้งแบบแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ ระบบส่งกำลังสุดท้าย สายพาน CVT ยางหน้า 120/70-12 แบบไม่ใช้ยางใน ยางหลัง 140/60-13 แบบไม่ใช้ยางใน ระบบกันสะเทือนหน้า โช้คเดี่ยว ปรับค่าสปริงได้ และซิงเกิ้ลอาร์มทำงานคู่กับระบบ I.S.S ระบบกันสะเทือนหลัง โช้คเดี่ยว ปรับค่าสปริงได้ เบรกหน้า (เบรค) ดิสก์เบรกขนาด 240 มม. คาลิเปอร์เบรก Brembo เบรกหลัง ดิส์กเบรกขนาด 175 มม. คาลิเปอร์เบรก Brembo กว้าง X ยาว X สูง 750 x 1,870 x NA มม. ระยะฐานล้อ 1,345 มม. ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ NA ความสูงเบาะ 770 มม. น้ำหนักรถ 128 กก. ความจุถังน้ำมัน 11 ลิตร ประเภทของน้ำมันที่เติมได้ NA เทคโนโลยี ระบบเบรก ABS หน้าจอสี TFT ระบบไฟ LED รอบคัน ระบบบังคับเลี้ยวอิสระหรือ I.S.S. (Independent Steering System) สีสันที่มีจำหน่าย MALOSSI COLOR BLACK/RED COLOR FLUORESCENT COLOR WHITE/RED COLOR อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

6 January 2024
สเปค Yamaha PG-1 2024 สายลุยตัวจี๊ด ขี่สนุก ใช้งานง่าย

สเปค Yamaha PG-1 2024 สายลุยตัวจี๊ด ขี่สนุก ใช้งานง่าย Yamaha PG-1 2024 โมเป็ดสายลุยพิกัด 115 ซีซี มาพร้อมดีไซน์โดดเด่น กับรูปทรงมิติที่สะท้อนถึงความโมเดลในยุคบุกเบิก พร้อมทรวดทรงที่ให้สรีระท่านั่งการขับขี่ที่อิสระ แถมปรับอัตราทดสเตอร์ใหม่รวมถึงใช้ลูกสูบแบบฟอร์จ ตอบโจทย์สายลุยทั้งทางฝุ่นและทางดำ  ราคา Yamaha PG-1 2024 แนะนำที่ 64,900 บาท ​ เบาะหนังแบบ 2 ชิ้น เติมน้ำมันสะดวกเพียงเปิดเบาะหน้า ยาง Dual Purpose ลาย Block หน้ากว้าง พร้อมล้อซี่ลวดขนาด 16 นิ้ว เฟรมออกแบบใหม่ ทนทาน ลดเสียงและอาการสั่นจากเครื่องยนต์ โช้คหน้าเทเลสโคปิก ระยะยุบ 130 มม. พร้อมยางกันฝุ่น โช้คหลังแบบสปริงคู่ ระยะยุบ 109 มม. ไฟกลม ทรงวินเทจ เรือนไมล์อนาล็อก ดีไซน์สวยงาม ท่อออกแบบยกสูง รองรับขี่ลุยทุกสภาพถนน สเปค Yamaha PG-1 2024 ราคา ข้อมูลและรายละเอียด เครื่องยนต์ สูบเดียว ระบายความร้อนด้วยอากาศ ปริมาตรกระบอกสูบ 114 ซีซี แรงม้า (เคลม) 9.0 แรงม้าที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิด (เคลม) 9.5 นิวตันเมตรที่ 5,500 รอบต่อนาที ระบบวาล์ว NA ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก 50 x 57.9 มม. อัตราส่วนการอัด NA ระบบเกียร์ 4 สปีดแบบวน ระบบจุดระเบิด T.C.I. ระบบจ่ายเชื้อเพลิง PGM-Fi ระบบสตาร์ท สตาร์ทมือ และสตาร์ทเท้า ระบบคลัตช์ แบบเปียกชนิดหลายแผ่น ระบบส่งกำลังสุดท้าย โซ่ ยางหน้า 90/100-16 แบบไม่ใช้ยางใน ยางหลัง 90/100-16 แบบไม่ใช้ยางใน ระบบกันสะเทือนหน้า เทเลสโคปิก ระยะยุบ 130 มม. ระบบกันสะเทือนหลัง สตรัทสปริงคู่ ระยะยุบ 109 มม. เบรกหน้า (เบรค) ดิสก์เบรก เบรกหลัง ดรัมเบรก กว้าง X ยาว X สูง 805 x 1,980 x 1,050 มม. ระยะฐานล้อ 1,280 มม. ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ 190 มม. ความสูงเบาะ 795 มม. น้ำหนักรถ 107 กก. ความจุถังน้ำมัน 5.1 ลิตร ประเภทของน้ำมันที่เติมได้ NA เทคโนโลยี เรือนไมล์อนาล็อก สวิตช์ดับเครื่องยนต์แบบรถสปอร์ต สีสันที่มีจำหน่าย สีเหลือง (Vivid Yellow) น้ำตาล (Humming Brown) สีฟ้า (Chill Blue) สีดำ (Cool Black) อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

28 November 2023
  • All Posts
  • ราคาและสเปครถมอเตอร์ไซค์
R15 Connected 2023  สีใหม่ ดุดัน สปอร์ตทุกองศา

R15 Connected 2023 สีใหม่ ดุดัน สปอร์ตทุกองศา  บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด สร้างปรากฎการณ์ความเร้าใจครั้งใหม่ เร่งไปให้ถึงขีดสุดกับ R15 Connected 2023 กับสีใหม่ Aggressive Gray สีเทา เท่ ดุดัน สปอร์ตในทุกองศามาพร้อมกับ แอโรไดนามิกเอกลักษณ์เฉพาะจากตระกูล R-Series     สำหรับ New R15 Connected มาพร้อมกับขุมกำลัง 155 ซีซี พร้อมระบบ VVA ระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ ที่พร้อมตอบสนองทุกการบิดคันเร่งด้วยเกียร์สปอร์ต 6 สปีด พร้อมระบบ แอสซิสต์สลิปเปอร์คลัตซ์ช่วยลดแรงกระชากล้อหลังขณะลดเกียร์ ให้อารมณ์การขับขี่เร้าใจแบบเดียวกับซูเปอร์สปอร์ตรุ่นใหญ่ รวมถึง ระบบกันสะเทือนหน้าด้วยโช้คหัวกลับ ดูดซับแรงกระแทกได้อย่างดีเยี่ยม ควบคุมการเข้าโค้งอย่างมั่นใจ นอกจากนี้ โมเดลปี 2023 ยังโดดเด่นล้ำสมัยด้วย ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ Twin-Eyes พร้อมไฟ Mono Focus LED ทรงสปอร์ตดุดัน สว่างชัดทุกการขับขี่ โดยมาพร้อมกับดีไซน์แฟริ่งใหม่ เอกลักษณ์ R-Series ช่วยเพิ่มท็อปสปีด มาพร้อมกับสีใหม่ อีกทั้งยังล้ำสมัยยิ่งขึ้นด้วย Y-Connect แอปพลิเคชันเชื่อมต่อชีวิตสมาร์ทสุดล้ำ รับรู้ข้อมูลรถ และการขับขี่ของคุณได้บนมือถืออย่างง่ายดาย สำหรับโมเดลรุ่นนี้ มาพร้อมกับสีสันสุดเร้าใจมีให้เลือกด้วยกัน 3 สี คือ สีเทา Aggressive Gray, สีน้ำเงิน Icon Blue และ สีดำ Tech Black โดยพร้อมวางจำหน่ายในราคาแนะนำที่ 118,000 บาท นอกจากนี้ยามาฮ่ายังได้เตรียม อุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มความโดดเด่นเฉพาะตัวยิ่งขึ้นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ชุดกันล้ม แผ่นเรซิ่นกันฝาถังน้ำมัน สติ๊กเกอร์กันรอยถังน้ำมันลายคาร์บอน ชุดมือเบรก-มือคลัตซ์สีดำ/ทอง หากใครที่สนใจสามารถชมได้ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263- 9999 สามารถติดตามความเคลื่อนไหวและข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่ www.yamaha-motor.co.th Facebook : Yamaha Society Thailand Instagram : @YamahaSocietyThailand YouTube : Yamaha Society Thailand Line OA : @yamahasociety อ่านข่าวอื่นๆ จาก Yamaha คลิกที่นี่ อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

Solar Proud 125 ราคา สเปค แฟมิลี่ไบค์คลาสสิก 

Solar Proud 125 ราคา สเปค แฟมิลี่ไบค์คลาสสิก     Solar Proud 125 แฟมิลี่ไบค์รุ่นใหม่จากค่าย Solar ในพิกัด 125 ซีซี. พร้อมการดีไซน์แบบคลาสสิก เรียบหรู ดูดีอย่างลงตัว ในคอนเซ็ปต์ PAVE YOUR OWN WAY ใช้ชีวิตให้ PROUD ในแบบคุณ ราคาแนะนำ 42,900 บาท ​ เรือนไมล์ดิจิทัล LCD แสดงผลฟังก์ชันครบครัน พร้อมลูกเล่นกับสีหน้าจอในเวลาเปลี่ยนเกียร์ ระบบไฟส่องสว่าง Full LED ช่องเก็บของอเนกประสงค์   โช้คน้ำมัน ฝั่งประกับซ้าย เบาะชิ้นเดียวตอนยาว ที่แขวนหมวกด้านข้าง Solar Proud 125 ราคา สเปค และรายละเอียดอื่นๆ เครื่องยนต์ สูบเดียว ระบายความร้อนด้วยอากาศ ปริมาตรกระบอกสูบ 123.7 ซีซี แรงม้า (เคลม) 8.16 แรงม้าที่ 8,000 รอบ แรงบิด (เคลม) 8.8 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบ ระบบวาล์ว SOHC 2 วาล์วต่อสูบ ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก 54 x 54 ม.ม. อัตราส่วนการอัด 8.4 : 1 ระบบเกียร์ ธรรมดา แบบ 4 เกียร์วน ระบบจุดระเบิด CDI ระบบจ่ายเชื้อเพลิง คาบูเรเตอร์ ระบบสตาร์ท สตาร์ทมือและสตาร์ทเท้า ระบบคลัตช์ คลัตช์แบบเปียกหลายแผ่นซ้อนกัน ระบบส่งกำลังสุดท้าย โซ่ ยางหน้า 60/90-17 แบบไม่ใช้ยางใน ยางหลัง 70/90-17 แบบไม่ใช้ยางใน ระบบกันสะเทือนหน้า โช้คคู่ เทเลสโคปิก ระบบกันสะเทือนหลัง โช้คสปริงคู่ เบรกหน้า (เบรค) ดิสก์เบรก เบรกหลัง ดรัมเบรก กว้าง X ยาว X สูง 785 X 1,930 X 1,220 ม.ม. ระยะฐานล้อ NA ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ NA ความสูงเบาะ NA น้ำหนักรถ 93 ก.ก. ความจุถังน้ำมัน 3.5 ลิตร ประเภทของน้ำมันที่เติมได้ 91,95 และ E10 เทคโนโลยี ไฟหน้า LED เรือนไมล์ดิจิตอล   สีสันที่มีจำหน่าย รุ่น Solar Proud 125   อ่านบทความรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ รีวิว Solar Proud 125 แฟมิลี่ไบค์ เรียบหรู ดูดีอย่างลงตัว อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

XSR155 2023 สีใหม่ สไตล์วินเทจ

XSR155 2023 สีใหม่ สไตล์วินเทจ หลังจากที่ขายดิบขายดีมาอย่างต่อเนื่อง ทางค่ายส้อมเสียง ไม่อดใจรอช้า ลุยเปิดตัวโมเดล XSR155 โฉมปี 2023 กับสีใหม่ถึง 3 สีประกอบไปด้วย  สีฟ้า Wanderlust, สีดำ Classic Black และสีเทา Matt Metal มาให้เลือกชมกันได้แบบจุใจเลยทีเดียว    สำหรับโมเดลปี 2023 รูปลักษณ์ยังคงยึดตามต้นฉบับโมเดลรุ่นพี่อย่าง XSR700 และ XSR900 ปรับสเปคและย่อไซส์ลงมาอยู่ในรุ่น 155 ซีซี เพิ่มเติมสีในส่วนของแฟริ่งและเบาะผู้ขับขี่ที่เพิ่มสไตล์ความเป็นวินเทจมากยิ่งขึ้น แต่ยังล้ำสมัยไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้งานทั้งทางเรียบและทางลุย ซึ่งเข้ากับสไตล์ Heritage ได้อย่างลงตัว ส่วนสมรรถนะเครื่องยนต์กับ 1 สูบ 155 ซีซี พร้อมกับระบบวาล์วแปรผัน VVA ที่ตอบโจทย์การใช้งานในทุกย่านความเร็ว พร้อมแอสซิสสลิปเปอร์คลัตซ์ ช่วยลดแรงกระชากช่วงเวลาเชนเกียร์ลง ส่วนขุมพละกำลังแรงม้าที่ 19 แรงม้าที่ 8,900 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิด 17.8 นิวตันเมตร ที่ 8,500 รอบต่อนาที กับระบบขับเคลื่อนด้วยเกียร์ 6 สปีด ซึ่งถือว่าคุ้มค่าในพิกัดนี้  ส่วนระบบกันสะเทือนก็ยังคงเดิม กับโช้คหน้าหัวกลับ โช้คหลังพร้อมสวิงอาร์ม เสริมความนุ่มนวลแบบเต็มพิกัด ต่อด้วยระบบเบรกกับดิสก์เบรกหน้า – หลังพร้อมปั๊มเบรกจากนิชชิน ให้ระยะการเบรกได้อย่างลงตัว ส่วนล้อหน้า-หลังขนาด 17 นิ้ว ยางหน้า 110/70 ยางหลัง 140/70 ซึ่งเป็นยางกึ่งทางลุยและทางเรียบ ตอบโจทย์การใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ  ด้านเทคโนโลยีก็ครบครันด้วยฟีเจอร์การใช้งานที่ทันสมัย เริ่มจากไฟหน้า LED ทรงกลม ไฟท้าย LED ทรงกลมสไตล์ย้อนยุค เรือนไมล์ LCD ดิจิทัล แสดงผลได้ครบทุกฟังก์ชัน พร้อมแสดงตำแหน่งบอกเกียร์ ผสานกับความล้ำสมัยได้อย่างลงตัว สรุปแล้ว โมเดล 2023 รุ่นนี้ สีสันใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาให้เลือกมากยิ่งขึ้น ให้อารมณ์การขับขี่เท่ ๆ ในสไตล์คลาสสิกและแฝงไปด้วยเทคโนโลยี พร้อมการันตีได้เลยว่า รถทรงหล่อเท่แบบนี้ ขับขี่ย่านไหน สะดุดตาผู้คนอย่างแน่นอน โดยโมเดลนี้เปิดตัวอยู่ที่ราคา 96,600 บาท  สำหรับผู้ที่สนใจอยากชมตัวจริงกับ Yamaha XSR155 โมเดลใหม่ล่าสุด ได้ที่ศูนย์บริการ ยามาฮ่า สแควร์ ทุกสาขาทั่วประเทศ ทั้งนี้ก็ขอฝากติดตาม ข่าวสาร การรีวิวครั้งต่อไปจะเป็นโมเดลรุ่นไหน ฝากติดตามชมกันครับฅฆ อ่านข่าวอื่นๆ จาก Yamaha คลิกที่นี่ อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

ข่าวรถยนต์

No Posts Found!

No Posts Found!

No Posts Found!

No Posts Found!

No Posts Found!

  • All Posts
  • ราคาและสเปครถมอเตอร์ไซค์
  • ราคาและสเปครถยนต์
VESPA GTS SERIES ซีรี่ย์สกู๊ตเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุด จากค่ายอิตาลี

VESPA GTS SERIES ซีรี่ย์สกู๊ตเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุด จากค่ายอิตาลี  “เวสป้า” เปิดตัวพรีเมียมสกู๊ตเตอร์เจนเนอร์เรชันล่าสุดจากตระกูลจีทีเอส ดีกรีสกู๊ตเตอร์ตัวท็อประดับมาสเตอร์พีช กับ VESPA GTS SERIES นำเสนอภาพจำครั้งใหม่ที่โดดเด่นกว่าเดิม ทั้งตัวตน สไตล์ และคาแรคเตอร์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผสานเข้ากับเครื่องยนต์ทรงสมรรถนะเอกสิทธิ์เฉพาะสกู๊ตเตอร์จากกลุ่มพิอาจิโอ พร้อมทลายขีดจำกัดของการขับขี่รูปแบบเดิม ๆ สู่อิสระแห่งการขับขี่ครั้งใหม่อย่างมีสไตล์  สำหรับโมเดลซีรี่ย์ล่าสุด ถูกออกแบบภายใต้คอนเซปต์ UNSTOPPABLE GREATNESS ที่สุดแห่งประสบการณ์การขับขี่ กับสกู๊ตเตอร์ตระกูลจีทีเอส (GTS) พร้อมสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จ และไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่น ไม่เหมือนใคร ซึ่งโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่คลาสสิก และความยูนีคอันเป็นสไตล์ระดับตำนานผ่านมิติตัวรถ นอกจากนี้ เวสป้ายังให้ความสำคัญกับการออกแบบตามหลักการยศาสตร์ สร้างความสะดวกสบายสูงสุดแก่ผู้ขับขี่ในทุกสรีระ  ทั้งดีไซน์ตัวรถให้มีขนาดใหญ่โอบรับกับผู้ใช้งาน เบาะนั่งแบบใหม่ที่เสริมท่วงท่าของผู้ขับขี่ และผู้โดยสารให้ผ่อนคลายยิ่งขึ้น รวมถึง ระยะของที่วางเท้ากับพื้นถนนที่ทำให้การขึ้น-ลง หรือควบคุมรถขณะหยุดนิ่งเป็นเรื่องง่าย พร้อมรับรองการขับขี่ระยะทางไกลอย่างมีประสิทธิภาพ  GTS Super Sport 150 I-GET ABS มาพร้อมขุมกำลังทรงสมรรถนะ กับเครื่องยนต์ 150 I-GET ABS สูบเดียว และ 300 HPE (High Performance Engine) เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากพิอาจิโอ ซึ่งช่วยส่งกำลังอย่างเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และช่วยลดการเกิดมลพิษอีกด้วย   นอกจากนี้ โครงสร้างด้านในยังคงมาตรฐานการผลิตด้วยโครงเหล็กทั้งคัน นอกเหนือจากการเป็นวัสดุที่ยั่งยืนแล้ว ยังสามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100% ในเรื่องความคงทน แข็งแรง ตอบโจทย์ผู้ขับขี่ได้อย่างไร้ที่ติ ด้านความความปลอดภัย ยังคงรูปแบบเลย์เอาท์แขนเดี่ยวแบบเดิม เปลี่ยนกันสะเทือนด้านหน้าใหม่ทั้งหมด ช่วยให้รถมีเสถียรภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในระหว่างที่ผู้ขับขี่ทำความเร็ว จะช่วยเสริมความสะดวกสบายให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้คล่องแคล่ว ตอบสนองการบังคับทิศทางได้อย่างใจ เพื่อทำให้ทุกการเดินทางคล่องตัวมากที่สุด  แถมมาให้กับระบบไร้กุญแจ (Keyless system) ทำให้ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้อง ไขกุญแจเพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ เปิดเบาะที่นั่ง หรือล็อคคอรถแบบเดิมอีกต่อไป เพียงแค่ผู้ขับขี่นำรีโมทคอนโทรลใส่ไว้ในกระเป๋า  โดย VESPA GTS SERIES โฉมใหม่นี้ คือการสะท้อนตัวตน และดื่มด่ำในคุณค่าของความสง่างาม ความดึงดูดใจ ความสดใหม่ และอิสระ นั่นจึงเป็นเหตุผลให้สกู๊ตเตอร์ในซีรี่ส์นี้มีให้เลือกถึง 3 รุ่นด้วยกัน ซึ่งแต่ละรุ่นก็ต่างสะท้อนจิตวิญญาณเฉพาะตัว และไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ได้อย่างชัดเจน  โดยในซีรี่ส์นี้แบ่งออกเป็น 3 รุ่น ได้แก่ VESPA GTS SUPERSPORT 150 I-GET ABS สกู๊ตเตอร์มาดเท่ ตอบโจทย์ผู้หลงใหลสไตล์สปอร์ต VESPA GTS 300 HPE รุ่นคลาสสิก ที่มอบความเรียบง่ายแต่หรูหรา และ VESPA GTS SUPER TECH 300 HPE อัดแน่นด้วยสมรรถนะ และเทคโนโลยีสุดล้ำ     รุ่น GTS SUPER SPORT 150  I-GET ABS สีเขียว Green Olive และสีดำ Black Opaco ราคา 166,900 บาท รุ่น GTS SUPER SPORT 150  I-GET ABS สีขาว White Innocenza ราคา 165,900 บาท GTS SUPER SPORT 150  I-GET ABS ที่ยกระดับการดีไซน์ไปอีกขั้น ให้คุณสัมผัสกับลุคสปอร์ตสุดโดดเด่นในทุกมิติ โฉบเฉี่ยวไปกับกราฟิกลายใหม่ และการตกแต่งด้วยสีดำรอบคันที่ผสานเข้ากับดีไซน์ของเบาะนั่งทรงสปอร์ตได้อย่างลงตัว และมาพร้อมความสะดวกสบายกว่าที่เคยด้วยระบบ Keyless System โดยมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว White Innocenza ราคา 165,900 บาท , สีดำ Black Opaco และสีเขียว Green Olive ราคา 166,900 บาท รุ่น GTS 300 HPE สีเบจ Beige Sabbia และสีเขียวมิ้นท์ Green

28 April 2023
Scoopy Minions Limited Edition กับลายสุดพิเศษเพียง 6,000 คัน !!

Scoopy Minions กับลวดลายสุดพิเศษ เพียง 6,000 คัน ในราคา 5.5 หมื่นบาท ไทยฮอนด้าเอาใจกระแสตอบรับที่ล้นหลาม หลังเปิดตัวรถรุ่น Limited Edition ไปหมาด ๆ เมื่อต้นปีที่ผ่านมากับ Scoopy Minions Limited Edition โมเดลใหม่ล่าสุด ที่พร้อมวางจำหน่ายให้ทุกท่านได้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้ เพียง 6,000 คัน พร้อมหมวกกันน็อกดีไซน์สุดพิเศษ ด้วยราคาแนะนำที่ 55,000 บาทเท่านั้น ปลดปล่อยความสนุก ความน่ารัก ไปกับรุ่นลิมิเต็ด อิดิชันกับดีไซน์ที่มาในคอนเซปต์ Finding the Iconians โชว์ความเป็นตัวป่วนผ่านตัวการ์ตูน “มินเนียน” คาแรคเตอร์จอมกวนชวนจั๊กจี้ชื่อดังระดับโลก ที่จะลากออกไปสนุกซ่า พาไปป่วนเมืองแบบฉบับ Iconians  ทั้งนี้ ตัวรถยังถ่ายทอดความป่วนปนความน่ารัก ด้วยลวดลายที่สะดุดตา พร้อมให้ฟีลลิ่งสนุกทุกการขับขี่ พร้อม Soft Emblem ชื่อรุ่น Scoopy สีฟ้าสดใส และนอกจากนี้ โมเดลรุ่นี้นี้ยังมาพร้อมกับหมวกกันน็อกดีไซน์พิเศษ สีดำคาดเหลือง ลายดวงตามินเนี่ยน โดดเด่นทุกครั้งที่สวมใส่ มิกซ์กับตัวรถได้ลงตัวสุด ๆ  นอกจากลวดลายที่สะดุดตาแล้ว ยังมาพร้อมกับ ไฟหน้า LED ที่เป็น ICONIC เฉพาะ พร้อมการเชื่อมต่อได้ไม่มีสะดุดกับ USB Socket ช่องชาร์จไฟสำรอง Type A และ Helmet In U-Box ช่องเก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ พร้อมถังน้ำมันขนาด 4.2 ลิตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ใหม่ eSP New Generation หัวฉีด PGM-FI ให้ขับขี่สนุกยิ่งกว่าที่เคย ออกไปซ่า มันส์ป่วนเมืองได้แล้ววันนี้ กับสกูปี้ มินเนียนรุ่นลิมิเต็ด อิดิชัน (สีดำ-เทา) รุ่น Prestige ล้อแม็ก พร้อม Minions Helmet หมวกกันน็อกดีไซน์พิเศษสีดำคาดเหลืองลายดวงตามินเนี่ยนด้วยราคาแนะนำที่ 55,500 บาท ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th เฟสบุ๊ครถจักรยานยนต์ฮอนด้า  :  fb.com/hondamotorcyclethailand  อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Honda คลิก อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

27 April 2023
KLX230SM 2023 สเปค ราคา ซูเปอร์โมโตตัวจี๊ด เอาใจสายทางเรียบ

KLX230SM 2023 สเปค ราคา ซูเปอร์โมโตตัวจี๊ด เอาใจสายทางเรียบ     KLX230SM 2023 โมเดลซูเปอร์โมโตค่ายเขียวกับโฉมสีดำตัดกับสายลายกราฟิกสีทองสวยงาม พร้อมเครื่องยนต์ 4 จังหวะ 233 ซีซีที่ถูกติดตั้งบนเฟรมทรงเลขาคณิตขนาดกระทัดรัด ให้น้ำหนักเบา ควบคุมง่าย ถูกใจสายบิดทางเรียบอย่างแน่นอน ราคาแนะนำ รุ่นธรรมดา 156,600 บาท รุ่น ABS 165,600 บาท ​     ไฟ LED ล้อซี่ลวดแบบใช้ยางใน พร้อมระบบเบรก ABS (เฉพาะรุ่น ABS)     เรือนไมล์ดิจิทัล LCD โช้คอัพหน้าหัวกลับจาก Showa   สเปค KLX230 SM ข้อมูล และรายละเอียดอื่นๆ เครื่องยนต์ สูบเดียว ระบายความร้อนด้วยอากาศ ปริมาตรกระบอกสูบ 233 ซีซี แรงม้า (เคลม) 19 แรงม้าที่ 7,600 รอบต่อนาที แรงบิด (เคลม) 19 นิวตันเมตรที่ 6,100 รอบต่อนาที ระบบวาล์ว SOHC 2 วาล์ว ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก 67.0 x 66.0 มม. อัตราส่วนการอัด 9.4 : 1 ระบบเกียร์ 6 สปีด ระบบจุดระเบิด ดิจิทัล ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีด ระบบสตาร์ท สตาร์ทไฟฟ้า ระบบคลัตช์ คลัตช์เปียกแบบหลายแผ่นซ้อนกัน ระบบส่งกำลังสุดท้าย โซ่ ยางหน้า 110/70 ล้อซี่ลวดขนาด 17 นิ้ว แบบใช้ยางใน ยางหลัง 120/70 ล้อซี่ลวดขนาด 17 นิ้ว แบบใช้ยางใน ระบบกันสะเทือนหน้า โช้คหัวกลับขนาด 37 มม. ระบบกันสะเทือนหลัง โช้คเดี่ยว ปรับพรีโหลดได้ เบรกหน้า (เบรค) ดิสก์เบรกเดี่ยวแบบ Semi-floating ขนาด 300 มม. พร้อมคาลิเปอร์ 2 สูบ เบรกหลัง ดิสก์เบรกเดี่ยว ขนาด 220 มม. พร้อมคาลิเปอร์ 1 สูบ กว้าง X ยาว X สูง 940 x 2,050 x 1,145 ม.ม. ระยะฐานล้อ 1,375 มม. ระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ 230 มม. ความสูงเบาะ 845 มม น้ำหนักรถ 138 กก. ความจุถังน้ำมัน 7.5 ลิตร ประเภทของน้ำมันที่เติมได้ 91,95 และ E10 เทคโนโลยี ระบบส่องสว่าง LED รอบคัน ระบบเบรก ABS (เฉพาะรุ่น ABS) เรือนไมล์ดิจิทัล LCD   สีสันที่มีจำหน่าย รุ่น KLX230SM 2023 สี EBONY (รุ่นธรรมดาและ ABS)     อ่านข่าวอื่นๆ คลิกที่นี่ รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่างๆ ของเราคลิก

25 April 2023