เจาะลึกสูบนอนเครื่อง Boxer เกือบ 100ปี

หลายๆ คนน่าจะรู้จัก เครื่อง Boxer จากรถของทา BMW แต่จริงๆ แล้วมีแค่ BMW เหรอที่มีบ็อกเซอร์ครั้งนี้เราจะมาเจาะลึกความเป็นมาของเครื่องยนต์สองสูบนนอนได้เป็นแหล่งขุมพลังของค่ายรถเมือง Bavarian มาเกือบหนึ่งศตวรรษแล้ว

ความนิยมของเครื่องยนต์ที่ไม่ยอมเหมือนใครนั้นดูได้จากยอดขาย แม้ว่า BMW Motorrad ในตอนนี้จะใช้เครื่องยนต์แบบเผาไหม้ 6 แบบกับ 1 มอเตอร์ไฟฟ้า แต่เครื่องบ็อกเซอร์กลับยังคงยึดครองจำนวนครึ่งนึงของรถที่ผลิตออกมาเลยล่ะครับเครื่องยนต์สองสูบนอนมีผลทำให้คนแบ่งแยกกัน คุณอาจจะหลงรักมันหรือไม่ก็เกลียดมันไปเลย ความกังวลนั้นเพิ่มมากขึ้นจากกลุ่มที่ไม่ใช่คนที่คลั่งไคล้และมักจะต้องเศร้าหลังจากที่เอาแคร้งเครื่องไปขูดพื้นและเมื่อเจอกับการตอบสนองของทอร์คที่แปลกๆ แต่ตรงกันข้ามกับพวกที่คลั่งไคล้ที่คิดว่าพวกเขาเองเป็นนักบิดที่ดีกว่าด้วยการมีทักษะรับมือกับการตอบสนองของทอร์คที่แปลกๆ ได้ การเข้าโค้งด้วยเครื่องยนต์ที่มีกระบอกสูบยื่นออกมานอกตัวรถ มันก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรหากว่าพวกเขาไม่พยายามเลียนแบบ Rossi ข้อดีของเครื่องบ็อกเซอร์คือแรงบิดที่ดี ระบายความร้อนได้ดี ช่วยป้องกันการกระแทกด้านข้างบางมุมได้ เข้าถึงเครื่องยนต์เพื่อทำการเซอร์วิสได้ง่าย และโดดเด่นด้วยกระบอกสูบที่ยื่นออกมาด้านข้างคล้ายกับปีกอ้วนๆ เวลาเดินทางไกลบนถนนเปิด

 

แม้ว่าเครื่องบ็อกเซอร์ในวันนี้จะมีใช้กันแต่ใน BMW Motorrad แต่ในยุคแรกๆ นั้นมีหลายค่ายที่ใช้เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ เครื่องบ็อกเซอร์ดั้งเดิมนั้นเป็นการออกแบบของชาวอังกฤษ Martin Stolle โฟร์แมนของทาง BMW ทำการแยกชิ้นส่วนเครื่องยนต์สองสูบนอนขนาด 500 ซีซีของ Douglas เพื่อทำการออกแบบเครื่องยนต์เครื่องแรกของ BMW ซึ่งชื่อว่า M2B15 ทาง BMW ได้ป้อนเครื่องยนต์นี้ให้กับค่ายอื่นๆ อย่าง Victoria, Bison, SMW, Corona และ BFW มาก่อนที่ทาง BMW จะผลิตมอเตอร์ไบค์เองในปี 1923

BMW M2B15 1921 engine (BMW Archives)

Fairy Motorcycle คือผู้บุกเบิกเครื่องยนต์สองสูบนอน ชื่อนั้นถูกเปลี่ยนมาจาก Fée แบรนด์จักรยานติดเครื่องยนต์ที่พัฒนาโดย Joseph F. Barter อยู่ในเมือง Bristol ทางค่ายผลิตจักรยานที่มีเครื่องยนต์แบบสูบเดียวในช่วงปี 1902 – 1904 ต่อมา Barter ก่อตั้งบริษัท Light Motors Ltd ขึ้นเพื่อผลิต Fée ที่มีเครื่องยนต์สองสูบนอนขนาด 200 ซีซีในปี 1905 ซึ่งวางเครื่องในเดียวกันกับเฟรม Fairy Motorcycle ดูเหมือนจักรยานที่มีเครื่องยนต์ติดตั้งเอาไว้ระหว่างเฟรมและจำเป็นจะต้องปั่นเพื่อช่วยให้เครื่องยนต์ทำงาน

BMW R 32 1923 at BMW Museum

Douglas เริ่มผลิตมอเตอร์ไบค์ที่ใช้เครื่องยนต์สองสูบนอนในปี 1907 เมื่อ Light Motors เลิกกิจการ เขาเทคโอเวอร์สิทธิ์ในการผลิตมาจากทาง Light Motors และเครื่องยนต์ของ Douglas นี่เองที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับวิศวกรของ BMW ที่จะสร้างเครื่องบ็อกเซอร์ขึ้น Douglas ยังเป็นรายแรกที่เปิดตัวมอเตอร์ไบค์สำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะในปี 1915 เครื่องยนต์ของมันนเป็นเครื่องสองสูบนอนขนาด 345 ซีซีที่ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 72 กม./ชม. ในปี 1936 นั้น Douglas ผลิตรถรุ่นแรกที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบสองสูบนอนที่วางขวางกับเฟรม ซึ่งโมเดลก่อนหน้านี้วางแนวเดียวกันกับเฟรม โมเดลสุดท้ายของทางค่ายคือเครื่อง Dragonfly ขนาด 350 ซีซี โดยเปิดตัวในปี 1955 ต่อมาการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ 1950 นั้นทำให้แบรนด์มอเตอร์ไบค์หลายๆ แบรนด์ต้องจบลงซึ่งรวมถึง Douglas ที่จบลงในปี 1957

Douglas – engine

ก่อนที่ BMW จะผลิตเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ M2B15 ของพวกเขาเองในปี 1920 ในอังกฤษนั้นมีค่ายรถจำนวนนึงผลิตเครื่องสองสูบนอนอยู่ เครื่องยนต์สองสูบนอน Williamson เป็นเครื่องขนาด 964 ซีซีระบายความร้อนด้วยน้ำที่ออกแบบรวมกันกับ Douglas โดบ William Williamson ผลิตมอเตอร์ไบค์ของเขาในเมือง Coventry ตั้งแต่ปี 1912 ด้วยการติดตั้งเครื่องบ็อกเซอร์เข้ากับเฟรมของ Douglas-Druid ที่มีโช้คแบบ Girder และชุดเกียร์ 2 สปีดของ Douglas และคลัทช์เท้า

BMW M2B15 1921 engine at BMW Museum

Wooler Model B เองก็คล้ายๆ กับ Douglas ที่ใช้เครื่องยนต์สองสูบนอนขนาด 345 ซีซีสำหรับรถของเขาในปี 1919 และใช้ลงแข่งใน Isle of Man Junior TT ปี 1921 โดย John Wooler ผลิตรถประหลาดๆ ของเขาตั้งแต่ปี 1912 จนกระทั่งเขาเสียชีวิตไปในปี 1956 มอเตอร์ไบค์ของเขาในช่วงแรกๆ ออกแบบให้มีถังน้ำมันที่ดูล้ำยุคสำหรับรถในยุคนั้น เป็นถังน้ำมันที่ยื่นยาวเลยคอรถไป Model B จึงถูกตั้งฉายาว่า “flying banana” หรือกล้วยเหินด้วยหน้าตาที่แปลกประหลาดและสีสันของมัน

Williamson Flat-Twin motorcycle 1913

Montgomery Motorcycle เป็นค่ายรถอังกฤษในยุคแรกๆ อีกค่ายและผลิตรถไซด์คาร์ด้วย มอเตอร์ไบค์คันแรกของพวกเขาเป็นเครื่องสองสูบนอนที่ Morton and Weaver ผลิตขึ้นในปี 1913

William Brough พัฒนาเครื่องยนต์สองสูบนอนขนาด 497 ซีซีแบบวางแนวเดียวกับเฟรมเครื่องแรกของเขาในปี 1913 ต่อมาปี 1914 เครื่องยนต์ของเขาก็ไปแทนที่เครื่องยนต์แบบอื่นๆ ในโรงงานของเขา เขาพัฒนามอเตอร์ไบค์เครื่องบ็อกเซอร์ไปเรื่อยๆ ภายใต้ชื่อ “Brough” จนถึงปี 1926  George Brough ลูกชายของเขานั้นแยกตัวออกมาในปี 1919 เพื่อตั้งโรงงานของตัวเองและตั้งชื่อมอเตอร์ไบค์ของเขาว่า Brough Superior (สื่อว่าเทพกว่า Brough อะไรทำนองนั้น) เมื่อเขาได้ยินชื่อแบรนด์ของลูกชายเขา เขาก็ให้ความเห็นว่า “ผมน่าจะเปลี่ยนชื่อรถของผมเป็น Brough Inferior” (ด้อยกว่า)Bradbury Motor Cycles ในเมือง Oldham เริ่มผลิตรถของพวกเขาในปี 1902 และใช้เครื่องยนต์สองสูบนอนในปี 1914 Bradbury ขนาด 500 ซีซีนั้นมีกำลัง 3.5 ม้าและมีสตาร์ทเท้าที่ถือว่าหรูในยุคนั้น เพราะแต่เดิมนั้นมีแต่ที่ปั่นหรือไม่ก็เข็นสตาร์ทเอา

Humber ในเมือง Coventry เริ่มต้นผลิตเครื่องสองสูบนอนในปี 1915 เป็นเครื่องขนาด 601 ซีซีใช้กับรถ Humber ค่ายรถยุคบุกเบิกของอังกฤษค่ายนี้ปิดการผลิตมอเตอร์ไบค์ในปี 1929 เนื่องจากยอดขายไม่ดีจากผลของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ แต่ Humber ยังคงผลิตรถยนต์ต่อไปจนถึงปี 1967 จนกระทั่งกลุ่ม Chrysler Corporation ซื้อกิจการไป

Humber 4½HP 1922 built

ด้านบริษัท All British Engine ในกรุงลอนดอนที่ก่อตั้งเมื่อปี 1912 และต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น ABC Motors Ltd. มี Granville Bradshaw นักสร้างสรรค์นวัตกรรมได้สร้างมอเตอร์ไบค์ที่ใช้เครื่องสองสูบนอนขนาด 400 ซีซีและวางแบบขวางกับเฟรมมานานหลายปีก่อนหน้า BMW จะทำ ต่อมา ABC Motors ย้ายการผลิตและสิทธิ์ในการขายให้กับ Sopwith Aviation ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน ทว่าในปี 1923 การผลิตมอเตอร์ไบค์ก็หยุดลงเนื่องจากการแข่งขันอย่างรุนแรงของค่ายรถน้องใหม่หลายค่าย

ABC 400 cc 1920

เครืออุตสาหกรรมสัญชาติฝรั่งเศส Gnome et Rhône แตกไลน์มาผลิตมอเตอร์ไบค์เพิ่มจากธุรกิจหลักของเขาที่ทำการผลิตเครื่องยนต์ให้เครื่องบิน พวกเขาได้รับลิขสิทธิ์ในการผลิตเครื่องยนต์ขนาด 493 ซีซีที่พัฒนาขึ้นมาแล้วจากทาง ABC ทางค่ายผลิตรถได้มากกว่า 3,000 คันในระหว่างปี 1920 – 1924 เจ้า Gnome et Rhône Type X ที่ผลิตในปี 1939 ใช้เครื่องสองสูบนอนขนาด 724 ซีซี ที่สามารถทำความเร็วได้มากถึง 145 กม./ชม.ซึ่งถือว่าเร็วมากในสมัยนั้น มอเตอร์ไบค์เฟรมเหล็กกล้าพร้อมกับระบบขับเพลานั้นคล้ายกับรถของแบรนด์เยอรมันอย่าง BMW และ Zündapp อย่างมาก

Indian ผลิต Model O ซึ่งใช้เครื่องสองสูบนอนสี่จังหวะขนาด 257 ซีซีและเฟรมแบบใหม่ตั้งแต่ปี 1917 จนถึง 1919 เป็นโมเดลน้ำหนักเบาสำหรับนักบิดหนุ่ม แต่กลับขายไม่ดีนักเนื่องจากการเกิดตัว Ford Model T ที่ราคาไม่แพง

Indian-Model O

Mars ค่ายจักรยานเยอรมันจาก Nuremberg เริ่มนำเอาเครื่องมาใส่กับจักรยานของพวกเขาในปี 1903 และในปี 1920 Claus Franzenburg ได้ออกแบบเครื่องสองสูบนอนขนาด 956 ซีซีซึ่งทาง Maybach ผลิตให้ ต่อมากับเจ้า Mars A20 ที่ใช้เครื่องยนต์แบบวางแนวเดียวกับเฟรม และสตาร์ทด้วยการใช้มือหมุน

Mars A 20

Zündapp เหมือนกับ BMW ที่ผลิตรถอยู่ในเยอรมัน ทั้งสองแบรนด์ก่อตั้งขึ้นในปี 1917 คอยป้อนสินค้าให้ทหาร BMW ผลิตเครื่องยนต์เครื่องบิน ส่วน Zündapp ผลิตระเบิด ในปี 1933 Zündapp เริ่มที่จะผลิตมอเตอร์ไบค์ตระกูล K ของเขาซึ่งขับด้วยเพลาและใช้เครื่องสองสูบนอนที่น่าจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากดีไซน์ของ BMW ในตอนนั้น Zündapp ได้กลายเป็นคู่แข่งใหญ่ของ BMW ในเรื่องของการผลิตมอเตอร์ไบค์ให้กองทัพ เจ้า KS600 ที่มาพร้อมกับไซค์คาร์ติดตั้งเครื่องยนต์แบบ OHC ที่ผลิตแรงม้าได้มากถึง 228 แรงม้าและป้อนให้กับทางกองทัพเยอรมันตั้งแต่ปี 1938 ต่อมาถูกแทนที่ด้วย KS750 เพื่อแข่งขันกับ BMW R 75 ที่ใช้ในกองทัพ เมื่อ Zündapp เริ่มผลิตมอเตอร์ไบค์อีกครั้งหลังจากสงครามโลก โดยทำการดัดแปลงเครื่องยนต์ของ KS600 ไปใช้กับ KS601 ค่ายมอเตอร์ไบค์ Zündapp จาก Nuremburg กลายเป็นค่ายรถที่มีนักสะสมไล่ตามหาเป็นจำนวนมากเนื่องจากมันหายากกว่าค่ายรถจากเมือง Bavaria มากนัก

Zündapp-KS750

ในแง่ของมอเตอร์ไบค์ของหทารแล้ว Harley-Davidson XA จากปี 1942 ก็ได้รับแรงบันดาลใจจากรถเยอรมัน อย่าง BMW R 71 โดยเจ้า XA ใช้ระบบขับเพลาขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์แบบสองสูบนอนวาล์วด้านข้างขนาด 738 ซีซี ซึ่งกองทัพสหรัฐกำลังต้องการรถที่ใช้งานได้จริง เจ้า XA ที่ใช้เครื่องสองสูบนอนนี้ทำความร้อนน้อยกว่าเครื่องวีทวินในตอนนั้นถึง 38 องศา โดยเจ้า XA นั้นถูกผลิตขึ้นเพียง 1,000 คันก่อนที่กองทัพจะตัดสินใจใช้ Jeep แทน

Harley-Davidson XA 1942

BMW R71 ยังถูกใช้เป็นพื้นฐานของ IMZ-Ural และ KMZ-Dnepr M72 มอเตอร์ไบค์ที่ผลิตขึ้นในรัสเซียตั้งแต่ปี 1942 พอปี 1956 ก็มี Chang Jiang CJ750 ที่ผลิตขึ้นในจีนให้ใช้ในกองทัพซึ่งคล้ายกับการออกแบบของ BMW มากเลยทีเดียว นอกจากนี้ Chang Jiang ยังคงถูกใช้เป็นรถไซด์คาร์พาชมเมือง Cape Town

BMW R 71 1938 – BMW Archives.

Hoffmann เป็นค่ายจักรยานใน Ratingen-Lintorf เยอรมันได้ผลิตมอเตอร์ไบค์จำหน่ายในปี 1948 ถึง 1954 Hoffmann Gouverneur เป็นรถสองสูบนอน 4 จังหวะขนาด 250 ซีซีขับเพลา สุดท้ายกับทำกำไรไม่ได้เนื่องจากใช้เงินในการพัฒนาสูงมากเกินไป

Industrieverband Fahrzugebau ย่อเป็น IFA ตั้งอยู่ในอดีตเยอรมันตะวันออกได้พัฒนา BK 350 มอเตอร์ไบค์เครื่องบ็อกเซอร์ 2 จังหวะในปี 1952 IFA เป็นกลุ่มยานยนต์ที่ก่อตั้งขึ้นในเยอรมันตะวันออกจากอดีตกลุ่ม Auto Union โรงงานผลิตเดิมเป็นของ DKW ตั้งอยู่ใน Zschopau ได้กลับมาผลิตอีกครั้งในปี 1948 และถูกเปลี่ยนชื่อให้เป็น Motorradwerke Zschopau หรือ MZ ในปี 1956 ทาง MZ ได้พัฒนาเครื่องยนต์ 2 จังหวะแบบสมัยใหม่ที่ใช้ประโยชน์จากการไหลกลับของไอเสียเพื่อชาร์จห้องเผาไหม้แบบสองจังหวะผ่านพอร์ทไอเสีย

ด้านของเจ้า Velocette จากทาง Veloce Ltd ที่ตั้งอยู่ใน Birmingham เปิดตัวโมเดล Velocette LE ที่มาพร้อมเครื่องสองสูบนอนระบายความร้อนด้วยน้ำ ระบบวาล์วข้าง เฟรมเหล็กกล้า โช้คเทเลสโคปิกและสวิงอาร์มในปี 1948 มอเตอร์ไบค์ขนาด 149 ซีซีคันนี้น่าจะเป็นพาหนะขนส่งราคาถูกที่น่าเชื่อถือ แต่การออกแบบที่ซับซ้อนทำให้มันราคาแพง มอเตอร์ไบค์คันนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายทั่วไปของกรมตำรวจอังกฤษและถูกเรียกว่า_  “Noddy Bikes” เนื่องจากตำรวจจะต้องคอยก้มหัวให้ผ่านหัวหน้าเหมือนเป็นการทำความเคารพ ในปี1956 มีการเปิดตัว Velocette Valiant เป็นโมเดลที่แรงกว่าทาง LE เจ้า Valiant มีเครื่องยนต์ขนาด 192 ซีซีแบบ OHV ระบายความร้อนด้วยอากาศ แต่กลับถูกวิจารณ์เนื่องจากแผงและแรงไม่จริง

Velocette LE 1953

เครื่อง Boxer นั้นได้พัฒนามาอย่างยาวนานกว่า 1 ศตวรรษ จากฝีมือของค่ายรถจำนวนมากที่พยายามใช้กับรถของพวกเขา แม้ BMW เกือบจะทิ้งการออกแบบเครื่องยนต์แบบนี้ไปในช่วงทศวรรษ 1980 เนื่องจากเครื่องยนต์ 4 สูบเรียงที่ทรงพลังมากกว่ามากแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด แต่ยอดขายของเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ก็ยังแสดงให้เห็นว่ามันมีสาวกติดตามอยู่จำนวนมาก และด้วยการรับรู้ตรงจุดนี้อีก BMW จึงให้เครื่องบ็อกเซอร์นั้นได้ไปต่อพร้อมกับเพิ่มระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ต่อมากับการปรากฏตัวของระบบมอเตอร์ไฟฟ้าที่เริ่มมีผลกับเครื่องยนต์แบบสันดาปภายใน BMW ก็ได้เผยให้เห็นแนวคิดในอนาคตที่มีกับระบบไฟฟ้า โดยใช้เครื่องวางขวางนี้ทำงานร่วมกันกับครับระบายความร้อนสร้างพลังงานให้กับแบตเตอรี่ เครื่อง Boxer จงเจริญ

อ่านข่าวสารข้อมูลมอเตอร์ไซค์อีกมากมาย คลิก

ติดตามเพจ Facebook คลิก

 

- Advertisement -
Bank Superbike
Bank Superbike
นักเขียนธรรมดา ที่คิดว่าไม่มีอะไรเกินคว้า ฟ้าไม่สูงไป ใจไม่ขี้ขลาด ชีวิตเรียนรู้ในวงการมา 9 ปี ขับขี่ได้ทั้ง 2 ล้อ 4 ล้อ เครื่องยนต์ไม่จำกัดซีซี ควรทำในส่งที่ควรทำ รักสุดใจ ลงแทร็กไปก็ขี่สุดตัวเช่นกัน..!!

บทความยอดนิยม

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่