Jorge Martin MotoGP 2026 อีกหนึ่งเรื่องราวท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงในโลกความเร็วที่หมุนไวราวกับรอบเครื่องยนต์ปี 2025 สิ่งที่น่าจับตามองที่สุดในขณะนี้คือความเคลื่อนไหวจากแคมป์ของ Aprilia Racing เมื่อ Massimo Rivola (มัสซิโม ริโวลา) CEO ผู้กุมบังเหียนใหญ่ ได้ออกมาแสดงทัศนะที่เผ็ดร้อนและชัดเจนถึงแนวทางที่ Jorge Martin (ฮอร์เก้ มาร์ติน) แชมป์โลก MotoGP 2024 ควรปฏิบัติเพื่อพาทีมก้าวข้ามไปสู่ความสำเร็จของทีม
เมื่อ “เบอร์ 1” ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือก
โลกของ MotoGP ในปี 2568-2569 ไม่ใช่แค่เรื่องของความเร็วในสนาม แต่เป็นสงครามจิตวิทยาและกฎหมายสัญญาที่ซับซ้อน ฮอร์เก้ มาร์ติน ย้ายมาอยู่กับ Aprilia ด้วยความคาดหวังที่จะเป็น “ราชา” คนใหม่ แต่ดูเหมือนว่าเส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อผลงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 ถูกรบกวนด้วยอาการบาดเจ็บและปัญหาการปรับตัวเข้ากับรถ RS-GP จนเกิดข่าวลือว่าเขาอาจจะ “ชิ่ง” ก่อนครบสัญญาในปี 2026 ทำให้ริโวลาต้องออกมา “จัดระเบียบ” ความคิดของนักบิดในสังกัดอย่างเลี่ยงไม่ได้
“สัญญาไม่ใช่แค่กระดาษ แต่คือความเชื่อมั่น”
ริโวลาให้สัมภาษณ์ล่าสุดด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดว่า แนวทางที่มาร์ตินควรใช้ในปี 2026 คือการสร้าง “ความต่อเนื่อง” (Continuity) เขาเน้นย้ำว่าการที่นักแข่งระดับท็อปย้ายทีมบ่อยเกินไปจะทำให้เสียสมาธิในการพัฒนาเทคนิคการขับขี่ในระยะยาว
สิ่งที่ริโวลาพยายามจะสื่อ (หรืออาจจะจิกกัดเบาๆ) คือการที่มาร์ตินต้องเลิกมองหาบ้านใหม่ที่คิดว่าจะสบายกว่า แต่ต้องร่วมมือกับทีมสร้างบ้านหลังนี้ให้แข็งแกร่ง “เราไม่ได้จ้างแชมป์โลกมาเพื่อให้เขาบ่นว่ารถยังไม่ดีพอ แต่เราจ้างเขามาเพื่อบอกว่าต้องทำอย่างไรให้รถคันนี้ชนะ” นี่คือข้อความที่ส่งตรงถึงมาร์ตินและผู้จัดการส่วนตัว
อาวุธที่ถูกสร้างมาเพื่อมาร์ตินโดยเฉพาะ
เพื่อให้มาร์ตินยอมสยบอยู่กับทีมต่อไป ริโวลาได้เปิดเผยแผนการพัฒนาตัวรถ RS-GP เวอร์ชั่นปี 2026 ที่จะเน้นระบบ Aero-dynamic ที่ก้าวล้ำไปอีกขั้น โดยเฉพาะการปรับสมดุลเครื่องยนต์ให้มีความนิ่งในช่วงเข้าโค้ง ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่มาร์ตินเคยปรารภไว้
ริโวลาวางแนวทางว่า ในปี 2026 มาร์ตินต้องทำหน้าที่เป็น “หัวหน้าวิศวกรบนเบาะรถ” เขาต้องเลิกขี่ด้วยสัญชาตญาณเพียงอย่างเดียว แต่ต้องใช้ข้อมูล (Data) มาเป็นตัวนำทาง เหมือนที่คู่แข่งอย่าง Ducati ทำได้สำเร็จ นี่คือแนวทางที่ริโวลาเชื่อว่าจะทำให้มาร์ตินกลับมาผงาดได้อีกครั้ง
มิติด้านจิตวิทยา การสร้างกำแพงป้องกันดราม่า
ความกดดันจากการเป็นนักแข่งโรงงานมหาอำนาจมักมาพร้อมกับเสียงวิจารณ์ ริโวลาแสดงตัวเป็น “เกราะป้องกัน” ให้กับมาร์ติน โดยเขาประกาศว่าในปี 2026 ทีมงานจะคัดกรองข้อมูลและแรงเสียดทานภายนอกออกไป เพื่อให้มาร์ตินโฟกัสที่การแข่งขัน 100% แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ตั้งคำถามกลับว่า “มาร์ตินพร้อมจะโตเป็นผู้ใหญ่เพื่อรับแรงกดดันนี้ด้วยตัวเองหรือยัง?” เพราะการเป็นแชมป์โลกไม่ใช่แค่เรื่องของเวลาใน Lap Time แต่คือการแบกภาพลักษณ์ของค่ายรถทั้งค่ายไว้บนบ่า
Martin & Bezzecchi สมดุลมากขึ้นในปี 2026
ริโวลาวางแผนให้ปี 2026 เป็นปีที่ Aprilia มีไลน์อัปนักแข่งที่สมดุลที่สุด การมี Marco Bezzecchi มาเป็นทีมเมท ไม่ใช่มาเพื่อเป็นเบอร์ 2 แต่มาเพื่อกระตุ้นให้มาร์ตินไม่หยุดพัฒนา แนวทางที่ริโวลาวางไว้คือ “การแข่งขันภายในที่สร้างสรรค์” แต่เขาได้เตือนไว้ล่วงหน้าว่า จะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์ “ทีมแตก” เพราะผลประโยชน์ส่วนตัวเด็ดขาด
หนีไปไหนไม่ได้ถ้าสัญญาไม่จบ
หากมองในมุมกฎหมายและข้อบังคับการแข่งขัน ริโวลาชัดเจนมากว่า สัญญาที่มีผลถึงสิ้นปี 2026 คือพันธะที่ต้องเคารพ ในยุคที่ค่าตัวนักแข่งพุ่งสูงลิ่ว การฉีกสัญญามีค่าปรับที่มหาศาล ริโวลาตั้งคำถามแทนแฟนคลับและประชาชนทั่วไปว่า “นักแข่งควรมีความภักดีต่อทีมที่ทุ่มเงินจ้างพวกเขาในช่วงที่ยากลำบากหรือไม่?”
บทความนี้ขอวิเคราะห์ว่า ริโวลากำลังใช้ทั้ง “ไม้นวม” (รถแข่งที่พัฒนาขึ้น) และ “ไม้ตาย” (ข้อกฎหมายสัญญา) เพื่อกำราบความพยศของมาร์ตินให้อยู่กับร่องกับรอยจนถึงปี 2026
บทสรุป ปี 2026 คือเดิมพันหมดหน้าตัก
สำหรับมาร์ติน ปี 2026 คือปีที่จะพิสูจน์ว่าเขาคือ “ของจริง” ที่สามารถคว้าแชมป์โลกกับค่ายไหนก็ได้ หรือเป็นเพียงนักบิดที่เก่งเฉพาะตอนที่รถสมบูรณ์แบบเท่านั้น ส่วนสำหรับริโวลา มันคือการพิสูจน์ว่าวิสัยทัศน์ในการดึงตัวนักบิดสเปนรายนี้มาร่วมทีมคือการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Aprilia และ Jorge Martin MotoGP 2026
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่นี่ (คลิ๊ก)
อ่านข่าวมอเตอร์ไซค์อื่นๆ คลิกที่นี่




