Bimota jerez test
‘ความท้าทายครั้งใหม่และโอกาสพัฒนา’

ในการแข่งขัน World Superbike (WSBK) ฤดูกาล 2025 ที่จะมาถึง เราอาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของทีม Bimota กับการเปิดตัวรถใหม่ KB998 ที่ถูกออกแบบมาเพื่อลุยสนามอย่างเต็มตัว โดยหนึ่งในนักแข่งที่รับหน้าที่ในการทดสอบและพัฒนารถแข่งคันใหม่อย่าง Axel Bassani พร้อมทำการลงซ้อมสนามแรกใน Bimota jerez test 2025
อักเซล บาสซานี ผู้ได้รับความไว้วางใจจากทีมบีโมต้า กล่าวถึงการทดสอบรถแข่งที่สนามเฆเรซในสเปน โดยทางทีมพยายามที่จะพัฒนาระบบต่าง ๆ ของตัวรถ แม้ว่าผลทดสอบจากการขี่ในสภาพอากาศที่แตกต่างกันจะเผยให้เห็นถึงจุดที่ต้องพัฒนาเพิ่มเติมมากมาย
Bimota jerez test 2025 การทดสอบครั้งแรกและข้อมูลที่ได้
@worldsbk Both Bimota by Kawasaki Racing Team riders Axel Bassani and Alex Lowes stormed into the TOP 3 this morning! 🔥 Day 2 of testing is halfway through ⏱️🛠️ #WorldSBK #motorcycle #motorsport #racing #sportsontiktok
โดยการทดสอบที่เฆเรซ บาสซานีทำเวลาได้ดีที่สุดเป็นอันดับที่ 5 (Day1 แทร็กแห้ง) ด้วยผลเวลา 1.39.463 นาที (52 laps) และอันดับที่ 4 (Day2 แทร็กเปียก) กับผลเวลา 1.54.426 นาที (36 laps) ในท่ามกลางสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน ซึ่งเขาสามารถนำหน้าเพื่อนร่วมทีมอย่าง Alex Lowes ได้ในการทดสอบครั้งนี้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาและทีมจะไม่เผชิญกับความท้าทายในปีนี้
หลังจากการทดสอบครั้งแรกของปี 2025 ที่เฆเรซ บาสซานี กล่าวว่ามีหลายจุดที่จักรยานยนต์ยังต้องพัฒนา โดยเฉพาะในด้านของการขับขี่ใน Wet Track เขาเน้นว่าการทดสอบในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ทีมสามารถรวบรวมข้อมูลและเข้าใจถึงข้อดีและข้อเสียของตัวรถในทุกสภาพการขี่ ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่มีค่ามากสำหรับการพัฒนาในระยะยาว

“มันเป็นการทดสอบที่ดีสองวัน แต่เราได้ทำแค่ครึ่งวันในวันแรกและวันที่สอง..เราไม่ได้ทำรอบเยอะมาก แต่เราก็ได้รับข้อมูลบางอย่างซึ่งถือว่ามีความสำคัญมาก”
“ในสภาพแห้งมันดีอยู่ แต่ก็มีความยากหน่อยเพราะลมแรงมาก ซึ่งทำให้การขี่ไม่ง่าย” เขากล่าวเสริม “แต่ในสภาพอากาศเปียกเราต้องทำงานหนักมาก เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เราได้ทดสอบในสภาพนี้ เราต้องพัฒนาให้ดีขึ้นทุกด้าน เพราะมันยังใหม่หมดเลย”
การขี่ในแทร็กเปียกจึงเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนารถจักรยานยนต์สำหรับการแข่งขัน เพราะสภาพแวดล้อมนี้มักเกิดขึ้นได้บ่อยในระหว่างการแข่งขันจริง ซึ่งสามารถส่งผลต่อประสิทธิภาพของตัวรถได้ ดังนั้นทางทีมจะต้องพัฒนาการเซ็ตติ้งของเจ้า KB998 ให้สามารถทำงานได้ดีทั้งในสภาพอากาศที่แตกต่างกัน
ความท้าทายด้านการตั้งค่าช่วงล่าง
การเซ็ตติ้งช่วงล่างเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่นักแข่งและทีมงานกำลังพัฒนา โดยเฉพาะโช้คหลัง ซึ่งเขาเผยว่าการปรับเซ็ตยังไม่เป็นไปที่ต้องการจากการขี่ในช่วงทดสอบที่ผ่านมา “ที่ด้านหลัง ผมยังไม่ได้ความรู้สึกที่ต้องการ..เราได้ลองอะไรหลายอย่างและร่วมกับ Showa เพื่อหาวิธีแก้ไข เพราะตอนนี้เรายังประสบปัญหามากในการขี่ให้เร็ว”
แม้ว่าในช่วงทดสอบนี้จะยังมีหลายสิ่งที่ต้องปรับปรุง แต่เจ้าตัวมองบวกและมั่นใจว่าเขาและทีมบิโมต้าสามารถพัฒนาตัวแข่งได้อย่างเต็มที่ในอนาคต
“พื้นฐานไม่เลวและเวลาในรอบก็ไม่เร็วมาก แต่ก็ไม่ช้าเกินไป ผมคิดว่าเรามีหลายจุดที่สามารถทำงานและพัฒนาได้”
โดยการพัฒนาเจ้า KB998 ในการแข่งขันฤดูกาล 2025 จึงเป็นโอกาสสำคัญสำหรับทั้งตัวนักแข่งและทีมที่จะพิสูจน์ศักยภาพของจักรยานยนต์รุ่นนี้ในการแข่งขันระดับโลก ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับทีมเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มความมั่นใจในการต่อสู้เพื่อคว้าแชมป์ในอนาคต