Italjet Dragster 125 & 200 สกู๊ตเตอร์ที่ตั้งตัวเองว่าเป็นซูเปอร์ไบค์สำหรับคนเมือง

Italjet Dragster 125 & 200 สกู๊ตเตอร์ที่ตั้งตัวเองว่าเป็นซูเปอร์ไบค์สำหรับคนเมือง

Italjet Dragster 125 & 200 สกู๊ตเตอร์โมเดลใหม่ล่าสุดจากทางค่ายรถสัญชาติอิตาลีคันนี้เปิดตัวในงาน Eicma 2021 ที่ทางค่ายเรียกมันว่า Urban Superbike หรือแปลง่าย ๆ เข้าใจง่าย ๆ ว่า ซูเปอร์ไบค์สำหรับคนเมือง นั่นเอง แล้วเจ้าคันนี้มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง ไปดูกันเลยครับ

 

สำหรับเจ้าแดร็กสเตอร์คันนี้ทางค่ายจัดให้มันเป็นสปอร์ตสกู๊ตเตอร์ แน่นอนว่ามาพร้อมดีไซน์ที่โดดเด่นจากการที่มันเป็นรถอิตาลี ซึ่งแฟน ๆ สองล้อก็น่าจะพอรับรู้กันอยู่แล้วว่ารถสัญชาติอิตาลีนั้นโดดเด่นเรื่องหน้าตาการออกแบบและดีไซน์อยู่แล้ว

Italjet Dragster 125 & 200

โดยตัวรถจะมีดีไซน์ในแบบสปอร์ตดุดัน โดดเด่นด้วยเฟรมถักสีจัดจ้านและองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ดูล้ำสมัย โดยเฉพาะช่วงล่างด้านหน้าที่มาพร้อมระบบบังคับเลี้ยวแบบอิสระที่ทางค่ายจดสิทธิบัตรไว้ชื่อว่า Independent Steering System หรือ I.S.S. ที่มาในลักษณะของอาร์มเดี่ยวที่ใช้วัสดุอลูมิเนียมฟอร์จ ซึ่งแข็งแรงแต่น้ำหนักเบา ไฟเลี้ยวด้านหน้าอยู่ที่การ์ดเบรกพร้อมเป็นไฟแบบ Flow Light หรือไฟแบบวิ่ง ซึ่งไฟท้ายเองก็จะเป็นแบบนั้นเช่นกัน โดยระบบไฟส่องสว่างจะเป็นแบบ LED เต็มระบบ

Italjet Dragster 125 & 200

ขุมพลังของเจ้าแดร็กสเตอร์คันนี้เป็นเครื่องยนต์แบบสูบเดียว 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ แบบ DOHC 4 วาล์ว ใช้หัวฉีดจากทาง Magneti Marelli โดยจะมี 2 ขนาดความจุด้วยกันคือ ขนาด 125 ซีซี และ 200 ซีซี โดยเคลมแรงม้าสูงสุดมาที่ 13 แรงม้าสำหรับรุ่น 125 ซีซี และ 18 แรงม้าสำหรับรุ่น 200 ซีซี ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเครื่องที่ผ่านมาตรฐาน Euro5 โดยตัวรถจะมีถังน้ำมันขนาด 9 ลิตร

 

*ทั้งนี้ 2 ขนาดความจุจะอยู่บนพื้นฐานเดียวกันทั้งหมด

ในส่วนของช่วงล่างนั้นด้านหน้าก็จะเป็นอาร์มเดี่ยวอย่างที่เกริ่นไปในเรื่องของดีไซน์ล้ำ ๆ โดดเด่นไม่เหมือนใคร ซึ่งเจ้าระบบบังคับเลี้ยวแบบอิสระ มันอิสระตรงที่ระบบบังคับเลี้ยวนั้นจะแยกออกจากระบบกันสะเทือน ทำให้ไม่ส่งผ่านแรงสั่นสะเทือนมาที่แฮนด์บาร์ และสามารถที่จะคงมิติของระบบกันสะเทือนที่ถูกต้องไว้ได้

ซึ่งระบบที่ว่านี้จะมีโช้คที่ทางค่ายออกแบบเอง โดยมี Andrea Dovizioso นักแข่ง MotoGP มาช่วยทดสอบ ในขณะที่กำลังเบรก รถก็จะไม่เกิดการยุบตัวเหมือนรถทั่ว ๆ ไป ไม่มีโหลดน้ำหนักถูกย้ายไปที่ด้านหน้ารถ ทำให้เบรกได้อย่างเต็มที่ เต็มประสิทธิภาพ และเมื่อทำงานร่วมกับยางหนึบ ๆ อย่าง Pirelli Angel ที่ขนาด 120/70 R12 และ 140/60 R13 หน้าและหลังตามลำดับ ก็ยิ่งดีขึ้นไปอีก

ส่วนระบบเบรกนั้นจะเป็นของทาง Brembo โดยจะเป็นดิสก์เบรกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมระบบเบรก ABS ที่ Bosch พัฒนาให้โดยเฉพาะ

 

และสำหรับคนที่อยากซิ่งทางค่ายเองก็มีของแต่งจากแบรนด์ระดับโลกเตรียมไว้ให้พร้อม ทั้งท่อไอเสีย Akrapovic โดยจะมีทั้งแบบขี่ถนนหรือขี่สนาม ซึ่งจะช่วยเพิ่มแรงม้าแรงบิดได้อีกเล็กน้อย รวมถึงมีน้ำหนักเบากว่าท่อของเดิม ของแต่งแบรนด์ Malossi ที่เด่นเรื่องอะไหล่โมเป็ดและสกู๊ตเตอร์ ปั๊มบนเกรดเรซซิ่งจาก Brembo โช้คจาก Ohlins รวมไปถึงชิ้นส่วนคาร์บอนต่าง ๆ เพื่อความเบาและโดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก

สุดท้ายนี้รถจะมีจำหน่าย 3 เฉดสีด้วยกัน ได้แก่ สีแดง สีเหลือง และสีดำ โดยรุ่น 125 ซีซี โดยจำหน่าย 5499 ยูโร หรือราว ๆ 207,000 บาท และสำหรับรุ่น 5799 ยูโรหรือราว ๆ 218,000 บาท ครับ ส่วนการจะมาจำหน่ายในไทยนั้น มีความเป็นไปได้ครับ โดยอาจจะเป็นในลักษณะเกรย์มาร์เก็ต ซึ่งงานนี้ก็ต้องตามดูกันต่อไป แต่ราคาจะไม่ใช่ราคานี้แน่นอนครับ

อ่านข่าวอื่น ๆ คลิกที่นี่

รับชมวิดีโอการทดสอบรถต่าง ๆ ของเราคลิก

- Advertisement -
Benz SuperBike
Benz SuperBikehttps://www.superbikemag.com/
ธรรมรัตน์ แซ่ลี้ นักเขียน นักแปล ที่จับพลัดจับผลูได้กลายมาเป็นนักเขียนให้กับทาง SuperBike Thailand มาตั้งแต่ปีแรก ๆ ที่ยังเป็นนิตยสาร จนกระทั่งกลายเป็นสื่อออนไลน์เต็มรูปแบบ

บทความยอดนิยม