คอนเทนต์นี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าเมื่อสองสามวันก่อนผู้เขียนไม่ได้บังเอิญขับรถยนต์ไปแถว ๆ ถนนปากเกร็ด แล้วได้เห็น ‘บิ๊กสกู๊ตเตอร์’ ในคลาส 300 ซีซี สีเหลืองแต่ยังคงมีความสวยสดขับแซงไปอย่างหน้าตาเฉย พอได้เห็นจึงย้อนคิดว่าในช่วงเวลานั้นที่ ‘Honda Forza’ เปิดตัวครั้งแรกก็สร้างความฮือฮาไม่น้อย และในปัจจุบันก็มีการพัฒนามาอยู่เรื่อย ๆ สำหรับโมเดลดังกล่าว ในคอลัมน์นี้จะพาผู้อ่านทุกท่านไปย้อนวันวานกับสกู๊ตเตอร์คันนี้กัน
โฉมที่หนึ่งลงตลาดครั้งแรกในประเทศไทยปี 2556
นั่งไทม์แมชชีนย้อนไปในในปี 2556 หรือประมาณ 12 ปีที่แล้ว เอ.พี ฮอนด้า ได้ส่งหนึ่งโมเดลสายสกู๊ตเตอร์เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย โดยใช้ชื่อรุ่นว่า ‘ฮอนด้า ฟอร์ซ่า’ รถจักรยานยนต์ในสายแม็กซี่สกู๊ตเตอร์ (Maxxi-Scooter) มาพร้อมการออกแบบดีไซน์เน้นความหรูหรา พรีเมียม ภายใต้คอนเซปต์ ‘The Grand Voyage’
 |
 |
รถคันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์สี่จังหวะขนาด 279 ซีซี มาพร้อมระบบหัวฉีด PGM-FI จากทางฮอนด้าที่เน้นในเรื่องของประสิทธิภาพ และเรื่องของการประหยัดน้ำมัน ขับเคลื่อนด้วยสายพานที่ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์แบบ CVT อีกทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีโอรีโอลิงก์ (Oreo-Link Engine Mount) ที่ช่วยลดการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ เพื่อให้การขับขี่สามารถทำได้อย่างนุ่มนวลในทุกสภาพถนน ระบบส่องสว่างแม้จะเป็นไฟหลอดทั่วไปแบบปกติ แต่เพิ่มความหรูหรามากยิ่งขึ้นด้วยไฟเดย์ไทม์
 |
 |
รถคันนี้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นด้วยระบบดิสก์เบรกทั้งด้านหน้า และด้านหลังที่มาพร้อมเทคโนโลยี C-ABS ที่เป็นการผสมผสานระหว่างระบบ ‘Combined Brake’ ผสมกับ Anti-Lock Brake System ที่ช่วยกระจายแรงเบรกทั้งสองล้อ และช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้นเมื่อต้องมีการเบรกกระทันหัน อีกทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยีที่มีความน่าสนใจ (ในช่วงเวลาดังกล่าวที่เปิดตัว) มากมายไม่ว่าจะเป็นระบบหยุดการทำงานของเครื่องยนต์, ปุ่มสวิตซ์ไฟขอทาง, ช่องชาร์จไฟบริเวณช่องเก็บของด้านหน้า และระบบไฟฉุกเฉินแบบเดียวกับรถยนต์ เพื่อให้รถจักรยานยนต์คันนี้ใช้ขับขี่ในเมืองก็ได้ หรือจะใช้ออกทริปทางไกลก็ไร้ซึ่งปัญหา จบ ครบ ได้ภายในคันเดียว เปิดราคาวางจำหน่ายที่ 159,000 บาท
โฉมสองเปลี่ยนใหม่ Honda Forza อัปเกรดหล่อกว่าเก่า
ระยะเวลาเดินทางมาจนถึงปี 2561 หรือครบรอบ 5 ปีหลังจากที่โฉมแรกได้ทำการวางจำหน่ายพร้อมออกสู่สายตาสาธารณชน ก็ถึงเวลาอันสมควรที่จะต้องทำการเปลี่ยนโฉม หรือศัพท์วงการยานยนต์เลือกใช้คำว่า ‘ออลนิว’ แบบไม่ทิ้งร่างเก่าไว้แม้แต่นิดเดียว
 |
 |
ลักษณะดีไซน์รอบคันถูกปรับเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง ปรับใหม่ทั้งหมดตั้งแต่หัวยันท้าย มีการเพิ่มเหลี่ยมสันเพื่อให้ดูมีความเป็นสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ไฟหน้าเปลี่ยนมาใช้ในรูปแบบของไฟ LED ดีไซน์ใหม่ที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์มากกว่าที่เคย และเพิ่มความพรีเมียมด้วยไฟ Day Time Running Light กระจกมองข้างถูกติดตั้งมาเป็นส่วนหนึ่งกับตัวรถที่สามารถพับเปิด-ปิดได้
 |
 |
หน้าจอเรือนไมล์มีการปรับปรุงหน้าตาใหม่ แม้จะยังคงความเป็นอนาล็อค และดิจิตอลไว้ก็ตามที แต่ก็ดูมีความเรียบหรูมากยิ่งขึ้น พร้อมฟังก์ชั่นการบอกข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ของตัวรถไว้อย่างครบครัน อาทิ ระบบคำนวณระยะทางกับน้ำมันที่เหลืออยู่, ระบบการแจ้งเตือนการบำรุงรักษา, ระบบคำนวณอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน และไฟสถานะอื่น ๆ
ระบบการสตาร์ทปรับเปลี่ยนใหม่จากการใช้กุญแจไขสู่การใช้ระบบ Honda SMART Key ที่ทำงานร่วมกับรีโมทอัจฉริยะที่สามารถสั่งการได้ถึงสามฟังก์ชั่นได้แก่ การระบุตำแหน่งรถ, สัญญาณกันขโมย และการเปิด-ปิดสัญญาณรีโมท และส่วนสุดท้ายหากไม่เอ่ยถึงคงไม่ได้กับระบบชิลด์กันลมด้านหน้าที่สามารถปรับความสูงได้มากถึง 110 มม. ช่วยลดแรงลมปะทะหน้าขณะขับขี่ โดยปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้าเพียงใช้แค่ปลายนิ้วเท่านั้น
อัปอีกรอบใส่โฉมเดิม เพิ่มเติมคือเปลี่ยนเครื่อง
ผ่านไปเพียงแค่ 3 ปีหลังจากการเปลี่ยนโฉมใหญ่ของฟอร์ซ่า ในปี 2564 ทางฮอนด้าไม่รอช้าส่งเครื่องยนต์ใหม่ลงตลาดหวังชิงพื้นที่อันดับหนึ่งของสกู๊ตเตอร์ในคลาส 300 ซีซี ด้วยการส่ง New Honda Forza350 เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย
มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่เทคโนโลยี eSP+ 4 วาล์ว ทำงานร่วมกับกระเดื่องวาล์วแบบโรลเลอร์ยูนิแคม ที่ช่วยเพิ่มกำลังการขับเคลื่อน ลดแรงเสียดทาน พร้อมกับการให้แรงส่งที่ต่อเนื่อง มีขนาดเครื่องยนต์อยู่ที่ 329 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI พละกำลังสูงสุด 28 แรงม้าพร้อมแรงบิด 31 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์แบบ CVT ซึ่งในคลาสของเครื่องยนต์ขนาดใหม่นี้มาพร้อมกับรุ่นย่อยทั้งหมดสองรุ่นได้แก่ รุ่นธรรมดา และรุ่น RoadSync
โดยความน่าสนใจของเจ้ารุ่น RoadSync มาพร้อมเทคโนโลยีรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ที่ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีขั้นสุดก็ด้วยระบบ HSVCs (Honda Smartphone Voice Control System) โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมการรับสาย โทรเข้า-ออก หรือแม้แต่เปิดระบบนำทาง ก็สามารถทำได้เพียงแค่ปลายนิ้วโดยที่ไม่ต้องละสายตาจากถนน และการปล่อยมือออกจากแฮนด์รถ ซึ่งราคาวางจำหน่ายในขณะนั้นของรุ่นธรรมดาอยู่ที่ 175,500 บาท และรุ่น RoadSync อยู่ที่ 177,500 บาท
โฉมสามปัจจุบัน Honda Forza พร้อมฟังก์ชั่นหน้าจอสี TFT
และในโฉมปัจจุบันของโมเดลฟอร์ซ่าในปี 2567 นี้มาพร้อมคอนเซปต์ ‘BEYOND THE EXCEPTIONAL.. เหนือกว่า ทุกความเป็นที่สุด’ โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนใหม่ เทคโนโลยี eSP+ 4 วาล์วขนาดเครื่องยนต์ 329 ซีซี พละกำลังสูงสุดอยู่ที่ 28 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 31 นิวตันเมตร อัตราเร่งดี ขับขี่สนุกเร้าใจทุกการเดินทาง
 |
 |
ดีไซน์ตัวรถรอบคันเน้นไปในทิศทางของความเป็นสปอร์ตพรีเมียม ไฟหน้า และไฟท้ายมีการปรับปรุงดีไซน์ใหม่ ด้านหน้ายกระดับความพรีเมียมด้วยการมาพร้อมไฟ Day Time Running Light อีกทั้งชิลด์กันลมด้านหน้ายังสามารถปรับความสูงได้มากถึง 180 มม. เพื่อช่วยแรงลมปะทะกับผู้ขับขี่
แต่รายละเอียดที่ปรับใหม่และดูจะเป็นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของหน้าจอเรือนไมล์ที่อัปเกรดใหม่ มาพร้อมหน้าจอสีแบบ TFT ขนาด 5 นิ้วรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชั่น Honda RoadSync รายละเอียดของหน้าจอบอกรายละเอียดครบครัน อาทิ ความเร็ว ระยะทางคงเหลือของน้ำมันที่สามารถวิ่งได้ รวมถึงไฟสถานะต่าง ๆ ของตัวรถ สามารถควบคุมหน้าจอได้ผ่านปุ่มคอนโทรลเลอร์ดีไซน์ใหม่ ใช้งานง่ายมากเพียงแค่ ‘นิ้วโป้ง’ นิ้วเดียวเพียงเท่านั้น ราคาวางจำหน่ายแนะนำ 183,000 บาท
การเดินทางของสกู๊ตเตอร์พรีเมียมคันนี้ยังไม่จบ พึ่งเปิดตัวไปสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมากับรุ่นพิเศษ New Honda Forza 350 Special Edition x Öhlins มาพร้อมจำนวนจำกัดเพียง 500 คันเท่านั้น
 |
 |
 |
 |
ก้าวข้ามความสมบูรณ์แบบที่เหนือระดับ’ ที่ได้ร่วมมือกับ Öhlins แบรนด์ผู้นำด้านเทคโนโลยีช่วงล่างระดับโลก มาพร้อมชุดโช้กอัพ Öhlins Special Edition รองรับทุกจังหวะการขับขี่ด้วยความนุ่ม หนึบ และมั่นใจทุกทางโค้ง ด้วยดีไซน์สีทองอันเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยหัวโช้คดีไซน์ใหม่ที่ทันสมัย และสติ๊กเกอร์ Blue Logo สะดุดตา รวมถึงตัวปรับโช้ค Gold Compression Adjuster ที่ปรับแต่งได้ละเอียดและโดดเด่นไม่เหมือนใคร และฝาท้ายโช้ค Gold End Cap ที่เติมเต็มความหรูหราอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมราคาวางจำหน่ายแนะนำอยู่ที่ 207,000 บาท
ผ่านการเดินทางมากว่า 12 ปี 3 โฉม เทคโนโลยีต่าง ๆ มีการปรับตามยุคสมัย อีกทั้งยังได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่ามันไม่ใช่เพียงแค่บิ๊กสกู๊ตเตอร์ แต่รถคันนี้มันคือไอคอนของความเป็นสปอร์ตพรีเมียมที่ไม่เพียงแค่ตอบโจทย์การใช้งาน แต่ยังสะท้อนสไตล์ของผู้ขับขี่ได้อย่างแท้จริง หากสนใจสามารถสอบถามได้ที่ศูนย์บริการ Honda Wing Center และตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทุกสาขาใกล้บ้านท่านได้เลย
