ไลน์อัปเหล่านักแข่งของการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกหรือ MotoGP ประจำฤดูกาล 2026 ก็ได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งจุดที่น่าสนใจของไลน์อัปนอกจากการมาร่วมขับขี่ของนักบิดสัญชาติตุรกีอย่าง โทปรัค ราซกัตลิโอกูล ที่กระโดดจากการแข่ง WSBK สู่ MotoGP ก็คงเป็นเรื่องราวของทีม LCR Honda ที่มีข้อสังเกตว่าทีมเมทของเจ้าตัวกลับถูกแทนที่ด้วยเงาดำแทนที่จะเป็น ‘สมเกียรติ จันทรา’
จากเรื่องราวดังกล่าวที่เกิดขึ้น ทำให้สอดคล้องกับในช่วงก่อนหน้านี้ที่ทางทีมฮอนด้ามีข่าวลืออย่างหนาหูเกี่ยวกับการให้ความสนใจดาวรุ่งสัญชาติบราซิลอย่าง Diogo Moreira โดยจากสาเหตุหลักของเหตุการณ์นี้ซึ่งความเป็นไปได้ว่านักบิดสัญชาติไทยรายนี้ไม่สามารถรีดศักยภาพได้ดีมากเท่าที่ควร แต่ไม่สามารถขับขี่ได้ที่ทีมหวังได้
จุดเริ่มต้น เด็กชายจากเซาเปาโล
ดิเอโก้ โมเรร่า เกิดเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2004 ที่เมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล ชีวิตนักแข่งของเจ้าตัวเริ่มต้นเหมือนนักแข่งดาวรุ่งหลายคนด้วยการขี่รถจักรยานยนต์สไตล์ของมอเตอร์ครอส (Motocross) ตั้งแต่อายุยังน้อย ความหลงใหลในความเร็วของเจ้าตัว และทักษะการควบคุมรถที่เหนือกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันทำให้เขาถูกมองว่าเป็น ‘เด็กมหัศจรรย์’ ของวงการสองล้อในประเทศบ้านเกิด
การก้าวสู่เวที CEV และ Junior World Championship
ย้อนกลับไปในปี 2019 โมเรร่าร่วมลงแข่งในรายการ FIM CEV Repsol European Talent Cup ซึ่งถือเป็นสนามบ่มเพาะนักบิดดาวรุ่ง โดยเจ้าตัวสามารถคว้าชัยชนะได้ 1 ครั้ง ขึ้นโพเดียม 3 ครั้ง และจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 6 ในตารางคะแนน ผลงานนี้แสดงให้เห็นว่าเขามีความสามารถพอที่จะก้าวต่อไปสู่ระดับที่สูงขึ้น
ถัดมาในปี 2020–2021 ก็สามารถก้าวขึ้นสู่รายการ FIM CEV Moto3 Junior World Championship โดยใช้เวลาสองปีฝึกฝน และสั่งสมประสบการณ์ แม้จะยังไม่สามารถคว้าแชมป์ แต่ก็ทำผลงานได้คงเส้นคงวาและจบทั้งสองปีด้วยอันดับที่ 11
เข้าสู่ Moto2 พร้อมสร้างชื่อให้บราซิล
ในปี 2024 Moreira ก้าวขึ้นสู่ Moto2 World Championship ร่วมกับทีม Italtrans Racing Team โดยขี่เครื่องยนต์ Triumph 765 ซีซี ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนผ่านที่ท้าทายสำหรับนักบิดทุกคน แต่ Moreira กลับทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ คว้าตำแหน่ง Rookie of the Year 2024 ไปครอง
ปี 2025 กลายเป็นปีที่เขาสร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการคว้าชัยชนะที่ Dutch TT Assen และกลายเป็น นักบิดบราซิลคนแรกที่ชนะในรุ่น Moto2 ผลงานดังกล่าวสร้างความภาคภูมิใจให้กับแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวบราซิลอย่างมาก และยิ่งตอกย้ำว่าเขาคือ “ทายาท” ที่อาจสืบต่อเส้นทางของ อเล็กซ์ แบร์รอส อดีตนักแข่ง MotoGP ชื่อดังจากบราซิล
นอกจากชัยชนะแล้วโมเรร่ายังเก็บโพเดียมได้อย่างต่อเนื่อง มีผลงานโพลโพซิชันและรอบเร็วที่สุดหลายครั้ง ตลอดสองฤดูกาลแรกใน Moto2 เขาลงแข่งไปแล้วกว่า 30 สนาม คว้าชัย 2 ครั้ง ขึ้นโพเดียม 6 ครั้ง และเก็บคะแนนรวมได้มากกว่า 250 คะแนน
จุดแข็ง และรูปแบบการขับขี่
หนึ่งสิ่งที่ทำให้ ดิเอโก้ โมเรร่า มีความพิเศษ และแตกต่างกว่านักบิดดาวรุ่งรายอื่น ๆ คือ สไตล์การขี่ที่มีความดุดัน และแม่นยำ ทักษะการเบรกที่มั่นใจ กล้าลงโค้งลึก และมีความคงเส้นคงวาในการรักษาเพซความเร็วได้ตลอดการแข่งขัน ความเยือกเย็นภายใต้แรงกดดันเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้เขาสามารถคว้าโพเดียมได้แม้ในสนามที่ยากลำบาก
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าโมเรร่าเป็นการผสมผสานระหว่าง ‘พรสวรรค์ตามธรรมชาติ’ และ ‘ความพยายามไม่หยุดยั้ง’ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากในนักแข่งวัยเพียง 21 ปี ข้อนี้จึงเป็นจุดที่น่าสนใจของนักบิดรายนี้
ทิศทางอนาคตของ Diogo Moreira
ณ ตอนนี้โมเรร่ายังมีสัญญากับทีม Italtrans ในการแข่งขันรุ่น Moto2 แต่ด้วยผลงานที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำให้การก้าวขึ้นสู่การแข่งขัน MotoGP ดูเหมือนเป็นเพียงเรื่องของเวลา หากเจ้าตัวสามารถรักษาฟอร์มการขี่ และพัฒนาต่อไปได้ เด็กหนุ่มรายนี้มีศักยภาพที่จะเป็นนักบิดบราซิลคนแรกในยุคใหม่ที่ยืนหยัดในระดับพรีเมียร์คลาส และอาจกลายเป็นไอดอลของแฟนมอเตอร์สปอร์ตละตินอเมริกา
ซึ่งในช่วงหลังนี้ก็มีข่าวลือหนาหูพร้อมเชื่อมโยงกับทางทีมฮอนด้า เพราะทางผู้บริหารทีม LCR Honda มีการคุยกันเกี่ยวกับการที่ถอด ‘ก้อง สมเกียรติ’ ออกเพื่อโยกไปแข่งขันในรายการ WSBK ฤดูกาล 2026 กับทีมโรงงาน Honda โดยก้องจะจับคู่กับเจค ดิกสัน ถือเป็นไลน์อัปใหม่ของทางทีมแทนที่สองนักแข่งเดิมที่ออกจากทีมไป โดยเขาจะขึ้นมาจับคู่กับจอมเก๋าสัญชาติฝรั่งเศสอย่าง ‘โยฮันน์ ซาร์โก้’ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งน่าสนใจที่ประสบการณ์ต่าง ๆ ของเจ้าตัวจะสามารถช่วยรีดฟอร์มสุดยอดของดาวรุ่งสัญชาติบราซิลรายนี้ได้
บทสรุป
Diogo Moreira คือนักบิดที่มีเส้นทางอาชีพน่าสนใจอยู่ไม่น้อย จากเด็กชายที่เริ่มต้นด้วยการขี่รถจักรยานยนต์สไตล์ของมอเตอร์ครอสในบราซิล สู่นักบิดที่สร้างชื่อในสเปน จนก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์และสร้างประวัติศาสตร์ในการแข่งขันคลาส Moto2 โมเรร่าจึงเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่น ความกล้า และความสามารถที่แท้จริง
ด้วยอายุเพียง 21 ปี แต่มีผลงานระดับโลกติดมือมากมาย นักบิดรายนี้จึงถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน ‘ว่าที่ซูเปอร์สตาร์’ ของ MotoGP และหากทุกอย่างเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง เราอาจได้เห็นเขาก้าวขึ้นยืนบนโพเดียมพรีเมียร์คลาสในอนาคตอันใกล้นี้
